ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 2 ตอนที่ 6-5

ภาค 1 เล่ม 2 ตอนที่ 6-5

“พวกเราจะลงตรงนี้ครับ”

อีอูยอนจับไหล่ของอินซอบไว้ในขณะที่พูดอย่างนั้น แม้อินซอบจะพยายามแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘ผมจะกลับบ้านครับ’ ตลอดระยะเวลาที่นั่งมาในรถ แต่อีอูยอนกลับบอกว่าไม่สามารถปล่อยให้คนป่วยอยู่ตามลำพังได้ และบอกว่าเขามีเรื่องที่จะถามด้วยพร้อมกับส่ายหน้าอย่างดื้อดึง

“ผมจะกลับบ้านของตะ…”

แม้จะเห็นว่าอีอูยอนลงไปแล้ว แต่อินซอบก็ยังกำเข็มขัดนิรภัยเอาไว้และพูดพลางกะพริบ แต่อีอูยอนกลับจับอินซอบและลากเขาลงมาจากรถโดยไม่รอให้พูดจบ

“หัวหน้าทีมครับช่วยเลื่อนตารางงานวันพรุ่งนี้ของผมออกไปให้หมดเลยนะครับ”

“ว่าไงนะ ตารางงานวันพรุ่งนี้ทั้งหมดเลยเหรอ”

หัวหน้าทีมชาถามกลับด้วยสีหน้าที่บอกว่า ‘นั่นมันคำพูดไร้สาระอะไรอีก’

“ผมตกม้านะครับ ถ้าเป็นเรื่องนั้นทุกคนก็น่าจะเข้าใจนะครับ”

“นี่ นี่ อีอูยอน นั่นมันหมายความว่า…! เฮ้ย!”

อีอูยอนปิดประตูรถไปก่อนที่หัวหน้าทีมชาจะเริ่มบ่น

“พวกเราไปกันเถอะครับ”

อินซอบที่ยังคงคิดว่าจะต้องหลุดออกไปให้ได้ถูกอีอูยอนจับไว้ และถูกอีกฝ่ายลากไปทั้งๆ แบบนั้น แม้กระทั่งตอนอยู่ในลิฟต์อินซอบก็ยังคงบอกว่าอยากจะกลับไปที่บ้านด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่อีอูยอนไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นได้ยิน ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาตอบเหมือนจะฟัง

‘จะปล่อยคนป่วยอยู่ตามลำพังได้ยังไงกันครับ ผมทำแบบนั้นกับผู้มีพระคุณในชีวิตของผมไม่ได้หรอกครับ’

‘แล้วผมก็มีเรื่องที่อยากจะถามด้วย เราค่อยๆ คุยกันนะครับ’

บทสนทนาแบบนั้นวนเวียนกลับมาไม่มีสิ้นสุด

อีอูยอนลากอินซอบออกมาจากลิฟต์ด้วยความดื้อรั้น ชเวอินซอบอยากจะร้องไห้

ตอนแรกเขาเบาใจกับน้ำเสียงที่ได้ยินเบาๆ ตอนที่ลืมตาขึ้นมาในห้องฉุกเฉินและมึนด้วยฤทธิ์ขอยา เขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาได้ยินเสียงสะท้อนต่ำๆ แทรกอยู่ในนั้นบ้างเป็นครั้งคราวพลางคิดว่าเขาอยากจะได้ยินเสียงนั้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่หัวใจของเขายังเต้นอยู่

ดีจัง ถึงเขาจะปวดตัวและเจ็บแปลบๆ ตรงนั้นตรงนี้บ้าง แต่เขากลับรู้สึกดี เพราะได้ยินเสียงเพราะๆ ที่เหมือนกับถูกคลุมด้วยกำมะหยี่อยู่เรื่อยๆ แต่พอเขาได้สติมากขึ้นและสามารถเข้าใจความหมายของบทสนทนานั้นได้ ปากของอินซอบที่กำลังอมยิ้มอยู่ก็ค่อยๆ นิ่งลงเรื่อยๆ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เลือดที่สูบฉีดออกมาจากหัวใจไหลทะลักขึ้นไปบนหน้าอย่างชัดเจน

เขาขยับตัวด้วยความมุ่งมั่นที่ว่าเขาจะต้องออกจากตรงนี้ไปให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม แต่เตียงที่เขานอนอยู่กลับสูงกว่าที่คิด และร่างกายที่มึนด้วยฤทธิ์ของยาก็ไม่ยอมขยับอย่างที่ใจคิด สุดท้ายเขาก็ทำให้เกิดเสียงอึกทึกครึกโครม เพราะเขาดันใช้มือดึงผ้าห่มลงมาด้วยอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่ล้ม หลังจากนั้นความทรงจำที่ทำให้เขาอยากตายก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปไม่ได้เลยที่อีอูยอนจะไม่รู้ว่าตนได้ยินบทสนทนานั้น แต่เขากลับไม่มีแม้แต่คำพูดสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย

เขาพูดแค่ว่ามีเรื่องที่อยากถามเท่านั้น

โอ๊ย อยากจะร้องไห้ ถ้าสามารถร้องไห้ได้อย่างเต็มที่ตรงนี้เดี๋ยวนี้จะดีแค่ไหน ขอสิทธิ์ให้ฉันร้องไห้ได้หน่อยเถอะ

ชเวอินซอบยืนอยู่ด้านหลังอีอูยอนที่กำลังเปิดประตู เขาเก็บคำพูดที่ไม่สามารถพูดออกไปได้ไว้ในใจพลางทำคอตก

“เข้ามาสิครับ”

อีอูยอนเปิดประตูก่อนจะเอ่ยพูด แม้จะยืนอยู่หน้าประตูหน้าบ้านแล้วอินซอบก็ยังทำหน้าอึดอัดใจและลังเลอยู่พักหนึ่ง

“เข้ามาสิครับ เร็วๆ”

“…”

อีอูยอนปิดประตูทันทีที่อินซอบก้าวขาเข้าไปด้านใน อินซอบน้ำตาคลอ เพราะเสียงล็อกประตูอัตโนมัติที่ได้ยินจากทางด้านหลัง

อยากกลับบ้าน นิ้วก็เจ็บมากด้วย เราทั้งอายทั้งเหนื่อย…และมากกว่าอะไรทั้งหมดคือเรากลัวอีอูยอน

“ทำอะไรอยู่ครับ ไม่ถอดรองเท้าล่ะ”

“…ครับ”

อินซอบถอดรองเท้าที่ใส่อยู่ออกก่อนจะพบว่าถุงเท้าของตนสกปรก เขาจึงไม่กล้าก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา

“เป็นอะไรไปครับ”

“ถุงเท้าผม…สกปรกน่ะครับ”

“ถุงเท้าสกปรกแล้วมันทำไมเหรอครับ”

“เขาบอกว่าห้ามใส่ถุงเท้าสกปรกเข้าบ้านคนอื่น…”

อินซอบนึกถึงเนื้อหาในหนังสือที่บอกว่าจะต้องใส่ใจกับถุงเท้าในตอนที่ไปเยี่ยมบ้านของคนอื่นเป็นพิเศษ เพราะการนั่งพื้นเป็นวัฒนธรรมในการอยู่บ้านของชาวเอเชีย

อีอูยอนเองก็ไม่ต้องการให้คนอื่นใส่ถุงเท้าสกปรกเข้ามาและเดินไปเดินมาในบ้านของตัวเองเช่นกัน แต่อินซอบกลับทำตัวไม่ถูกและตื่นตระหนกเหมือนกับว่านี่เป็นความผิดที่ใหญ่โต

“ใครเขาบอกแบบนั้นเหรอครับ”

“ในหนังสือ…“

อีอูยอนคิดว่าจะตอบว่าหนังสือนั่นมันไร้ประโยชน์มากดีไหม และเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ อินซอบ

“ถูกแล้วครับ การใส่ถุงเท้าสกปรกเข้าไปในบ้านของคนอื่นเป็นการกระทำที่เสียมารยาทมากๆ”

อีอูยอนที่พูดถึงตรงนั้นก็เอาแขนของตนช้อนข้อพับเข่าของอินซอบและอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ทะ ทำอะไร…!”

“ผมจะพาคุณไปห้องน้ำเองครับ”

“ผม ผม เดิน…ไม่สิ เท้าเปล่า ไม่ เดี๋ยวผมกระโดดขาเดียว…ผม!”

อินซอบพึมพำคำพูดที่ไม่ออกมาเป็นความหมายพลางดิ้นเหมือนคนจมน้ำ อีอูยอนใช้มือจับไหล่ของเขาอย่างแรง

รอยยิ้มที่เคยอยู่ในดวงตาของเขาหายไป

“อย่าดิ้นมากสิครับ ผมเจ็บไหล่อยู่นะ”

“…!”

“อยู่นิ่งๆ หน่อยนะครับ”

แม้เสียงจะอ่อนโยน แต่สายตาของเขากลับน่ากลัว อินซอบไม่แม้แต่จะพูดขอร้องให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเองลงได้ อีอูยอนที่พาอินซอบไปที่ห้องน้ำด้วยสภาพนั้นพิงประตูก่อนจะพูดอย่างตีหน้าซื่อ

“จะอาบน้ำไหมครับ”

“ครับ อาจจะ…”

“มือคุณเจ็บนี่ครับ คุณจะอาบได้เหรอ ให้ผมช่วยไหมครับ”

ชเวอินซอบส่ายหน้าไปด้านข้างเหมือนคนบ้า อีกฝ่ายส่ายหน้าแรงมากจนเขาเป็นห่วงว่าคอจะหลุดออกมาหรือเปล่า

อีอูยอนไม่มีรสนิยมในการมองร่ายเปลือยเปล่าของผู้ชาย ยิ่งรสนิยมในการช่วยผู้ชายอาบน้ำยิ่งไม่มีไปกันใหญ่ แต่พอมีปฏิกิริยาแบบนั้นตอบกลับมาจากคำพูดล้อเล่นนั่น มันก็กระตุ้นความต้องการอยากเอาชนะของเขาอย่างประหลาด อีอูยอนยืนกอดอกและดุอินซอบซ้ำๆ ว่า ‘จะไม่ให้ช่วยจริงๆ เหรอครับ’

“หมอห้ามไม่ให้น้ำเข้าเฝือกนะครับ ถ้าแผลเน่าจะทำยังไงล่ะ”

“…ผมจะพยายามระวังครับ”

แม้จะตอบไปแบบนั้น แต่อินซอบกลับทำหน้าเหยเกขึ้นมาทันทีเพราะคำว่าแผลเน่า อีอูยอนยืนอยู่อย่างนั้น และอยากจะอธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่าถ้าแผลแย่ลงกว่าเดิมหนอนจะเยอะยังไง และกลิ่นที่ออกมาจากแผลที่เน่าจะน่ากลัวแค่ไหนสักสิบนาที แต่เขาก็คิดว่าวันนี้พอไว้แค่นี้ดีกว่า

อีอูยอนยิ้มพลางบอกว่า ‘งั้นผมขอตัวสักครู่นะครับ’ ก่อนจะไปเอาอะไรบางอย่างจากห้องครัวมายื่นให้อินซอบ

มันคือฟิล์มถนอมอาหารนั่นเอง อินซอบตั้งใจพยักพน้า เพราะเขาคิดว่าถ้าใช้สิ่งนี้แม้เขาจะอาบน้ำคนเดียว แต่เขาก็สามารถห่อมือข้างที่ใส่เฝือกได้ ทันทีที่เขารับฟิล์มถนอมอาหารมาและประตูถูกปิดลง อินซอบก็ได้หายใจด้วยความโล่งใจเป็นครั้งแรกหลังจากลืมตา แต่คำพูดที่เจือไปด้วยการล้อเล่นของอีอูยอนจากด้านนอกประตูกลับจู่โจมเขา

“ถ้าอาบน้ำไม่ได้ก็ให้เรียกนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วย”

ชเวอินซอบล็อกประตูห้องน้ำหลังจากที่ตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า ‘ขอบคุณที่พูดแบบนั้นนะครับ แต่ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ’ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเสียงหัวเราะของอีอูยอนไกลออกไปแล้ว เขาก็ทรุดลงไปนั่งที่พื้นห้องน้ำทั้งๆ แบบนั้น

***

สิ่งแรกที่อีอูยอนเห็นหลังจากอาบน้ำเสร็จและสวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมาที่ห้องนั่งเล่นคือชเวอินซอบที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่โซฟา อีอูยอนกลั้นขำ ตอนที่ตนบอกว่าให้รอสักครู่ เพราะมีเรื่องที่คุยด้วยหลังอาบน้ำเสร็จ อินซอบก็ตัวแดงไปทั้งตัวและพยักหน้าเงียบๆ

แม้ว่าเขาจะบอกแค่ว่าจะออกมาหลังจากที่อาบน้ำเสร็จโดยไม่บอกว่าจะทำอะไร แต่ท่าทางของอินซอบที่เหมือนกับสาวบริสุทธิ์ที่โดนลากเข้าโรงแรมก็ทำให้อีอูยอนสนุกแทบตาย ดังนั้นเขาจึงจงใจอาบน้ำให้เสร็จช้ากว่าปกติ และออกมาในสภาพที่ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าให้ดีๆ เขาคิดว่าจะสำรวจดูอย่างสบายใจว่าชเวอินซอบจะตัวสั่นเทาแค่ไหน

แต่อีกฝ่ายกำลังสัปหงกอยู่เนี่ยนะ

“…”

อีอูยอนนั่งประสานมือบนโซฟา และเหม่อมองชเวอินซอบที่กำลังสัปหงกเหมือนลูกเจี๊ยบที่โดนกรอกยา จะว่าไปแล้วคราวที่แล้วอีกฝ่ายก็เป็นแบบนี้นี่ นอนหลับหายใจครืดๆ ทั้งๆ ที่ยังมีทิชชู่อุดจมูกเอาไว้ เพราะได้รับความเครียดจนเลือดกำเดาไหล เขาชักจะสับสนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นแบบนี้เพราะกลัวหรือเพราะกล้ามากกันแน่

อีอูยอนนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกับชเวอินซอบที่กำลังหลับอยู่ สภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้มือข้างซ้ายมีพลาสเตอร์ปิดไว้ เพราะถูกใบมีดที่สอดไว้กับจดหมายจากสตอล์กเกอร์บาด และมือข้างขวาก็กำลังใส่เฝือกสั้นเพราะนิ้วหัก ภาพนั้นช่างน่าเวทนาจนไม่น่าเชื่อว่าทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดง

จะว่าไปแล้วน้ำหนักเขาลดลงไปหน่อยหรือเปล่านะ

พอพิจารณาใบหน้าที่ผงกหัวลงไปเล็กๆ นั่นแล้ว ก็เหมือนกับว่าแก้มที่เคยมีเบบี้แฟตจะผอมลงไปเหมือนกัน

ช่วงนี้คงจะเหนื่อยมากล่ะสิ เพราะอีกฝ่ายเกือบจะไม่ได้นอน แถมยังต้องมารอเขาที่กองถ่ายทั้งวันในสภาพที่ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาอีก อินซอบช่างสังเกตนักแสดงตามสมควรเหมือนกับผู้จัดการส่วนตัวคนอื่นๆ ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ไม่เคยขี้เกียจหรือกล้าไปทำอย่างอื่นในที่ที่เขามองไม่เห็นเลย เขามักจะยืนอยู่ใกล้ๆ กับตนเสมอทั้งๆ ที่ประหม่า

พอมองท่าทางสัปหงกนั่นแล้ว เขาก็เห็นเหมือนอีกฝ่ายเป็นนักเรียนที่ยังไม่จบมัธยมปลายเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เชื่อว่ามนุษย์ที่ซอมซ่อและไม่มีค่าอะไรถึงขนาดนั้นจะช่วยชีวิตตนไว้ถึงสอง ไม่สิ ถึงสามครั้งแล้ว

ตาของเขามองไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติทันทีที่นึกถึงคำพูดที่บอกว่าอินซอบผายปอดให้ตน

เขาเอาริมฝีปากนั้นจ่อมาที่ปากของเรางั้นเหรอ

อีอูยอนใช้นิ้วลูบริมฝีปากของตน เขาสงสัยว่าผู้จัดการส่วนตัวขี้ขลาดจะจับริมฝีปากของตนในขณะที่สั่นระริกอยู่ได้อย่างไร พอเขาไม่มีความทรงจำเรื่องนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงรู้สึกไม่ยุติธรรม

เขาตัดสินใจที่จะปลุกอินซอบขึ้นมาก่อน

“คุณอินซอบ”

ทันทีที่เขาเขย่าไหล่ที่โน้มมาด้านหน้าประมาณสองสามครั้ง ชเวอินซอบก็ตกใจเหมือนคนที่โดนไฟลวก และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เปล่านะครับ! ผมไม่ได้หลับนะครับ! ผมแค่หลับตาเฉยๆ ครับ”

“ช่วยเช็ดน้ำลายที่เปื้อนตรงมุมปากหน่อยครับ”

แม้อินซอบจะเช็ดบริเวณด้านข้างของริมฝีปากด้วยสีหน้าเก้อเขิน แต่มันก็ไม่มีอะไรเปื้อน หน้าของเขาเห่อร้อน เพราะคิดว่าตนถูกการล้อเล่นที่อีกฝ่ายแสดงหลอกอีกแล้ว

“เหนื่อยเหรอครับ”

“เปล่าครับ ผมสบายดี”

“แล้วมือโอเคขึ้นหรือยังครับ”

“ครับ เพราะคุณคอยเป็นห่วงผมเลยไม่เป็นไรแล้วครับ”

แม้ความจริงเขาจะยังรู้สึกเจ็บแปลบ และเจ็บจนอยากจะกรีดร้องออกมาทุกครั้งที่ความเจ็บนั้นปรากฏขึ้นมาตรงไหนสักที่ แต่อินซอบก็ทำตัวสบายๆ อย่างเป็นผู้ใหญ่พลางตอบออกไปแบบนั้น

“โอเคครับ งั้นเรามาคุยกันหน่อยนะครับ”

“…”

เราควรจะกลิ้งไปกลิ้งมาแล้วบอกว่าเจ็บจนจะตายแล้วมากกว่า จู่ๆ ก็จะเข้าประเด็นเลยเหรอ

ชเวอินซอบรู้สึกถึงเหงื่อกาฬที่ไหลลงมาตามหลัง เขาไม่รู้ว่าจะต้องวางสายตาไว้ตรงไหนและรอคำพูดต่อไปของอีอูยอน

“ผมมีเรื่องสงสัยครับ”

“…”

ชเวอินซอบจับหัวใจที่เหมือนจะระเบิดเอาไว้ และมองแต่ริมฝีปากของอีอูยอน

“คุณไม่บอกผมได้ยังไง…”

“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมขอให้คนอื่นช่วยปิดเป็นความลับ เพราะคุณอาจจะไม่สบายใจก็ได้ถ้าได้รู้ความจริงนั้น แต่ผมแปรงฟันวันละสามครั้งนะครับ แล้วก็ไม่มีโรคที่จะติดต่อผ่านช่องปากเลยสักโรคเดียวด้วย”

ราวกับห่อผ้าเวทมนตร์ที่มีเรื่องเล่าออกมาอยู่เรื่อยๆ หากแตะเข้าที่ด้านข้าง อีอูยอนเอนไหล่ไปด้านหลังพลางระเบิดหัวเราะ เพราะท่าทางของอินซอบที่วางมือไว้บนเข่าพลางมองตรงไปด้านหน้า และท่องบทออกมาเหมือนกับเตรียมตัวเอาไว้แล้ว

“ฮ่าๆๆๆ ไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องนั้น ฮ่าๆๆ แต่แน่นอนว่าเดี๋ยวผมจะถามเรื่องนั้นทีหลังด้วยครับ ฮ่าๆๆๆ”

“…”

“ฮ่าๆๆ โอเคครับ แต่เรื่องที่ผมอยากถามไม่ใช่เรื่องนั้นน่ะสิครับ”

“…ไม่ใช่เหรอครับ”

ซวยแล้ว

รู้อย่างนี้น่าจะอยู่เฉยๆ ดีกว่า

ทำไมเราถึงคิดว่าคำถามที่อีอูยอนอยากถามจนต้องพาเรามาที่นี่คือเรื่องผายปอดล่ะ…

เขารู้สึกเหมือนถูกใครบางคนใช้ค้อนใหญ่ๆ ทุกและตอกเขาให้จมลงไปในดินจนมองไม่เห็น

“ผมตัดสินใจว่าจะปล่อยเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนครับ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสถานการณ์ที่ผมสงสัยมากก็ตาม แต่ผมจะถามเรื่องนั้นทีหลังครับ”

“ครับ…”

อินซอบหวังมากเท่าที่จะหวังได้ว่าถ้าคำถามนั้นจะไม่กลับมาก่อนที่เขาจะออกจากประเทศเกาหลีไป

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท