ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 9-8

ภาค 1 เล่ม 3 ตอนที่ 9-8

พออีอูยอนรู้ความจริงว่าเสียงของคนที่แจ้งความกับเสียงของชเวอินซอบคล้ายกัน เขาก็ใส่ชุดไว้ทุกข์ออกไปข้างนอกด้วยท่าทีที่เหมือนจะฆ่าใครบางคนให้ตาย และไม่กี่วันหลังจากนั้นอีอูยอนก็โผล่มาพร้อมกับจับมือของอินซอบไว้ แม้หัวหน้าทีมชาจะบอกอินซอบที่ถูกอีอูยอนลากมาด้วยสีหน้าซีดเผือดเหมือนซากศพว่า ‘หนีไป’ แต่ก็สายไปแล้ว

น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน

ด้วยนิสัยที่ชอบใช้ความรุนแรงและป่าเถื่อน อีอูยอนจึงไม่สามารถทนกับอะไรที่รกหูรกตาได้ เขาจะต้องจัดการคนหรือเรื่องที่ทำให้ตัวเองอารมณ์เสียเสียก่อนถึงจะพอใจ ถ้าเป็นไปตามขั้นตอนปกติของเจ้าตัว ชเวอินซอบน่าจะโดนฝังดินทิ้งไว้สักสิบรอบแล้ว แต่ถ้าดูจากการที่อินซอบมีชีวิตกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แถมยังได้กลับเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนเหมือนเดิมแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะชเวอินซอบเป็นมนุษย์ตุ่นที่ต่อให้โดนฝังดินอีกกี่ครั้งก็ขุดดินขึ้นมาได้ ก็คงเป็นเพราะนิสัยของอีอูยอนได้เปลี่ยนไปแล้ว

“อีอูยอนล่ะ”

กรรมการผู้จัดการคิมที่ผ่านมาเห็นอินซอบเอ่ยถาม

“รออยู่ที่รถครับ”

“ทำไมถึงไม่ขึ้นมาล่ะ”

“เขาบอกว่าจะอ่านบทครับ”

“บทเหรอ บทอะไร เขาไม่มีคิวถ่ายละครหรือหนังไปอีกสักพักนี่นา”

“…”

“…ถามอะไรล่ะครับ เขาก็แค่ไม่อยากขึ้นมาเท่านั้นเอง”

หัวหน้าทีมชาตอบแทน ได้ยินดังนั้นกรรมการผู้จัดการคิมก็ถอนหายใจก่อนจะเดินผ่านไป หลังจากเช็คตารางงานของอีอูยอนและเช็ครายการที่เปลี่ยนไปอย่างละเอียด อินซอบก็ร่ำลาคนที่อยู่ในห้องทำงานก่อนจะออกไป

“ออกไปด้วยกันสิ ฉันมีธุระที่ธนาคารเหมือนกัน”

หัวหน้าทีมชาตามหลังอินซอบมาขึ้นลิฟต์ พอลวดสลิงที่ดึงตู้โดยสารของลิฟต์ขยับ เสียงโลหะกระทบกันก็ดังขึ้น

“คุณอินซอบ”

“ครับ?”

พอคิดว่าควรจะคุยกันก่อนที่จะถึงชั้นหนึ่ง หัวหน้าทีมชาก็เปิดปากพูดอย่างยากลำบาก

“คือว่าอีอูยอนเขา…”

ประตูลิฟต์เปิดออกก่อนที่เขาจะพูดจบ และอีอูยอนก็ปรากฏตัวยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเขา

“สวัสดีครับคุณหัวหน้าทีม”

อีอูยอนยิ้มและเอ่ยทักทาย เมื่อหัวหน้าทีมชาผู้รู้ถึงนิสัยที่แท้จริงของอีกฝ่ายเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตายิ้มนั้นหมายความว่าอะไร เขาก็ชะงักก่อนจะถอยไปด้านหลังในทันใด

“อันที่จริงคุณอินซอบขึ้นไปนานพอสมควรแล้วแต่ยังไม่ลงมา ผมก็เลยคิดว่าจะขึ้นไปดูน่ะครับ”

“นานพอสมควรอะไรล่ะ ขึ้นไปยังไม่ถึงสิบนาที…”

หัวหน้าทีมชารีบหุบปาก อีอูยอนเลิกทำตายิ้มและจ้องหัวหน้าทีมชาเขม็ง

“ดูเหมือนจะยุ่งมากเพราะเรื่องการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์นะครับ”

“ก็จริง”

“งั้นก็ทำงานหนักต่อไปนะครับ”

อีอูยอนพยักพเยิดหน้าชวนให้อินซอบไป หัวหน้าทีมชามองอินซอบที่เดินไหล่ตกตามหลังอีกฝ่ายไปพลางรู้สึกหนักใจขึ้นมา เพราะนึกถึงสารคดีที่ภรรยาโดนทุบตีที่ดูเมื่อวาน

“อ้อ จริงด้วย”

อีอูยอนนึกอะไรบางอย่างได้จึงเดินดุ่มๆ มาทางหัวหน้าทีมชา ถึงจะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ชาฮยอนคยูก็ยังรู้สึกกังวลใจมากอยู่ดี หัวหน้าชาถามว่า ‘อะไรล่ะ’ ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“คุณหัวหน้าทีม ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลผู้จัดการส่วนตัวของผม แต่ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระกับเขาก็ได้ครับ”

“นะ นายบอกว่าฉันพูดเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ”

แม้หัวใจจะเต้นตึกตัก แต่หัวหน้าทีมชาก็ตีหน้าตายไว้ก่อน

“พอคิดว่าผมลำบากเพราะหมอนั่นแล้ว ผมก็ยังโกรธอยู่นะครับ แต่อย่าโน้มน้าวเด็กนั่นให้เสียเปล่าเลยครับ เพราะผมยังไม่มีความคิดที่จะปล่อยชเวอินซอบไปอีกสักพัก“

อีอูยอนกัดฟันพูดเน้นทีละพยางค์ ท่าทางที่ดูดุดันทำให้หัวหน้าทีมชากลั้นหายใจ เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้า

พอได้ยินคำตอบที่ต้องการแล้ว อีอูยอนก็บอกว่า ‘งั้นขอตัวก่อนนะครับ’ ก่อนจะโบกมือจากไป

หัวหน้าทีมชาคิด

ต่อให้แม่น้ำและภูเขาเปลี่ยนไปอีกสิบรอบ นิสัยของอีอูยอนก็คงไม่มีทางเปลี่ยน เพราะฉะนั้นชเวอินซอบต้องเป็นมนุษย์ตุ่นแน่นอน เขาได้แต่หวังอย่างไร้สาระว่าคราวหน้าถ้าโดนฝังอีก ถึงตอนนั้นหวังว่าชเวอินซอบจะขุดโพรงไว้อีกด้านและหนีไปให้ไกลแสนไกล อย่าได้ไม่โดนอีอูยอนจับได้

***

[ครับ รักนะครับ ผมด้วยครับ ถ้าจัดการธุระเสร็จแล้วผมจะกลับนะครับ ครับ ฝากความคิดถึงด้วยนะครับ]

พอเห็นว่าอินซอบบอกว่ารักต่ออีกสองสามครั้งก่อนจะวางสาย อีอูยอนจึงเอ่ยถาม

“ไม่เบื่อเหรอครับ”

“ครับ? อะไรเหรอครับ”

“คุณพูดเหมือนเดิมทุกครั้งเลยน่ะครับ”

คนที่ชเวอินซอบคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวด้วยมีแค่ครอบครัวที่อยู่ที่อเมริกาเท่านั้น อินซอบขอร้องให้อีอูยอนอนุญาตให้เขาโทรศัพท์ได้สามวันครั้งเพื่อเป็นเงื่อนไขในการทำงาน อีอูยอนบอกว่า ‘มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย’ ก่อนจะอนุญาต แต่เขาไม่ยินดีเอาเสียเลยกับการเห็นอินซอบถือโทรศัพท์และพูดอย่างน่ารักจนเขารู้สึกขนลุกทุกครั้ง

“คุณพูดกับครอบครัวด้วยลักษณะการพูดแบบนั้นเหรอครับ”

“ลักษณะการพูดของผมมันทำไมเหรอครับ”

“มันต่างกับตอนนี้อย่างเห็นได้ชัดเลยน่ะสิครับ”

อินซอบคิดว่าเขาควรจะรีบออกรถก่อนที่อีอูยอนจะเริ่มหาเรื่องเขาอย่างไร้สาระจึงสตาร์ทเครื่องยนต์

พอออกไปที่ถนน ฝนก็เริ่มเทลงมา อินซอบเปิดที่ปัดน้ำฝน และบอกให้อีอูยอนรู้ว่าฝนกำลังตก

“รู้แล้วครับ”

“แต่น่าจะมีร่มอยู่ในรถแค่คันเดียวนะครับ”

ตอนที่เช็คพยากรณ์อากาศเมื่อวานไม่เห็นบอกเลยว่าฝนจะตก อินซอบพึมพำด้วยสีหน้าเป็นกังวล และขยับพวงมาลัยต่อไป

“ใช้ด้วยกันก็ได้ครับ”

อีอูยอนเสนอวิธีแก้ไขปัญหาอย่างง่ายดาย อินซอบทำหน้าเหมือนจะถามว่า ‘นั่นหมายความว่าอะไรครับ’

“ไม่ได้ครับ คุณต้องเข้าไปถ่ายละครทันที ถ้าเปียกฝนจะเป็นเรื่องใหญ่นะครับ”

น้ำเสียงที่จริงจังของอินซอบทำให้อีอูยอนหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆ ผมจะเป็นบ้าจริงๆ”

“…”

“คุณอินซอบครับ ถ้าไม่ได้ทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผม คุณอินซอบจะทำมาหากินอะไรเหรอครับ ทำงานเก่งแบบนี้ คุณจะไปที่ไหนครับ”

“…”

อินซอบเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขายืนกรานว่าให้ตายก็จะไม่ทำ แล้วสุดท้ายก็ยอมเซ็นสัญญาและตั้งอกตั้งใจทำงาน แม้แต่ตัวเขาเองมาลองคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ อันที่จริงแล้วเขาคาดหวังไว้เพียงผิวเผินว่าอย่างน้อยถ้าเขาทำงานดี อาจมีความเป็นไปได้สูงที่สามอาทิตย์หลังจากนี้ อีอูยอนจะปล่อยเขาและชเวอินซอบอีกคนไป

“ทำงานเก่งมันก็ดีนะครับ แต่รู้ใช่ไหมครับว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมจะเชื่อคำพูดของคุณอินซอบ”

“ผมจะจำไว้ให้ขึ้นใจครับ”

อินซอบตอบกลับคำพูดทิ่มแทงใจของอีอูยอนที่สวนมาโดยเว้นจังหวะให้ได้วางใจอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้หลังจากวันนั้นอีอูยอนจะไม่ได้ขออะไรเป็นพิเศษ แต่เขาก็ทำให้อินซอบเป็นทุกข์ด้วยคำพูดเย้าแหย่เป็นครั้งคราว

“แต่คุณชอบผมจริงๆ ใช่ไหมครับ”

เช่นเดียวกับตอนนี้

อินซอบเกร็งมือที่กำลังกำพวงมาลัย

“ในขณะที่คุณแสดงความรักกับครอบครัวบ่อยจนชวนอ้วก ทำไมถึงเย็นชากับคนที่ชอบจนถึงขั้นไล่ตามจากอเมริกามาถึงเกาหลีล่ะครับ”

“ผมชอบคุณอีอูยอนครับ…”

อีอูยอนเมินคำสารภาพรักของอินซอบที่พูดด้วยเสียงที่เบาเหมือนเสียงฝนกระทบหน้าต่างรถด้วยการหัวเราะเยาะ

“อ่านหนังสืออยู่เหรอครับ”

“…ชอบครับ…”

“ไม่มีคำอื่นนอกจากคำนั้นแล้วเหรอครับ ใจแคบจริงๆ เลยนะครับ”

ลิ้นที่ทำให้พูดได้นั้นเครียดถึงขั้นจะเป็นอัมพาต แต่ดูเหมือนอีอูยอนจะไม่รู้สึกถึงเรื่องนั้นเลยสักนิด อินซอบไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขาควรจะทำอย่างไรเพื่อให้คนคนนั้นพอใจ จึงได้แต่กัดริมฝีปากที่ถูกใส่ความ

“คุณอินซอบ”

“ครับ”

ชเวอินซอบตอบโดยไม่หันกลับไปมอง

“รักนะครับ”

ความก้องของน้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อินซอบตกใจจนเหยียบเบรก เสียงแตรดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเสียงดัง เอี๊ยด

“ไอ้เหี้ย! บ้าหรือไง!”

“เฮ้ย ไอ้เวรเอ๊ย!”

ครั้นได้ยินเสียงด่าจากทางด้านหลัง อินซอบที่ตั้งสติได้อย่างยากลำบากจึงเปิดหน้าต่างก่อนจะค้อมหัวให้ และรีบออกรถอีกครั้ง อีอูยอนแอบยิ้มพลางเอ่ยถาม

“เป็นไงครับ ใจสั่นหรือเปล่า”

“…”

“ต้องทำแบบนี้สิ ลองทำให้ผมใจสั่นหน่อยครับ คุณชเวอินซอบ”

นั่นคือสิ่งที่นักแสดงทำหรือเปล่า ใช่แล้ว มันคือสิ่งที่คนแบบนั้นจะต้องทำ

อินซอบพึมพำในใจอย่างขมขื่นก่อนจะมองกระจกรถที่มีหยดน้ำฝนไหลลงมา

พอมาถึงที่สตูดิโอและจอดรถเสร็จแล้ว ฝนก็ตกแรงยิ่งกว่าเมื่อสักครู่นี้ เท่าที่เขาจำได้ที่นี่ไม่มีลานจอดรถชั้นใต้ดิน พอดับเครื่อง อินซอบก็ถือร่มและวิ่งออกมา จากนั้นเขากางร่มให้อีอูยอน

“รีบเข้าไปเถอะครับ”

พอเห็นอินซอบพูดแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจังในขณะที่ทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวแม้จะถูกบังคับ อีอูยอนก็ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ เขาดึงไหล่ของอินซอบเข้ากอด และออกวิ่งไปที่ทางเข้าของสตูดิโอ

เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่มีถ่ายนิตยสารที่สตูดิโอ เขาจึงเห็นแฟนคลับที่บ้าคลั่งหลายคนรออีอูยอนอยู่ตรงด้านหน้า อินซอบขยายพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้อีอูยอนสามารถเดินผ่านช่องแคบๆ ระหว่างพวกผู้หญิงที่กรีดร้องอยู่ได้

เมื่อเข้ามาด้านใน อินซอบก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะสะบัดฝนที่ติดอยู่ที่เสื้อออก เขาเดินเข้าไปด้านในเพื่อตรวจสอบเสื้อผ้าของอีอูยอน

“มาแล้วเหรอครับ”

ช่างภาพยูโอจินจำผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนได้และเอ่ยทักทายเขา

“สวัสดีครับ”

“ฝนตกหนักเลยใช่ไหมครับ จู่ๆ ก็ตกลงมาเนอะ”

“ครับ ใช่เลยครับ”

“ตรงนั้นมีเครื่องทำกาแฟอยู่ ไปดื่มสักแก้วสิครับ”

“ขอบคุณครับ”

รอยยิ้มถูกวาดขึ้นที่ริมฝีปากของยูโอจิน เพราะท่าทางค้อมหัวขอบคุณอย่างมีมารยาทของอินซอบ หลังจากนั้นไม่นานอีอูยอนที่สวมเสื้อผ้าที่เตรียมไว้และแต่งหน้าเสร็จแล้วก็ออกมา

ชเวอินซอบนั่งลงที่มุมสตูดิโอ และมองอีกฝ่ายถ่ายแบบ ถ้าเกิดเรื่องที่ต้องการให้ช่วยรอบๆ ในขณะที่ถ่ายแบบ เขาจะวิ่งไปช่วยโดยไม่ลังเล การถ่ายแบบเสร็จลงในสองชั่วโมง เมื่อช่างภาพบอกว่าขอบคุณที่ทำงานหนัก อีอูยอนก็ยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณก่อน

“ขอบคุณครับ”

“ผมสิครับที่ต้องขอบคุณ ดูเหมือนรูปคราวนี้จะเยี่ยมมากเลยนะครับ นิตยสารจะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆ เลย”

“เป็นแบบนั้น เพราะช่างภาพยูถ่ายภาพสวยไงครับ”

“เป็นแบบนั้น เพราะนายแบบดีต่างหากล่ะครับ”

ชเวอินซอบยื่นเครื่องดื่มให้สตาฟทีละคนในระหว่างที่อีอูยอนลบเครื่องสำอาง เขาเดินไปทั่วพร้อมพูดว่า ‘ขอบคุณที่ทำงานหนักนะครับ’ ยูโอจินที่เห็นท่าทางนั้นก็แอบยิ้มออกมาทางสายตาแล้วมองอีอูยอน

“ทำไมเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามความหมายของสายตานั้น

“น่ารักดีครับ เขาดูบอบบางมากๆ เลยนะครับ แต่ถ้าได้ลองรู้จักแล้ว เขาตั้งใจทำงานมากเลยล่ะครับ”

“เขาจริงใจน่ะครับ”

จริงใจจริงๆ นี่เป็นงานที่เจ้าตัวเริ่มทำอีกครั้งเพราะถูกบังคับ อีกฝ่ายก็เลยดูเหมือนจะตั้งใจมากกว่าเมื่อก่อน

“คุณอินซอบเขาเป็นแบบผมหรือเปล่าครับ”

ยูโอจินทำสายตามีเลศนัย คนในวงการนี้ต่างก็รู้กันว่าเขาเป็นเกย์

อีอูยอนยิ้มก่อนจะตอบว่า ‘ไม่ใช่หรอกครับ’

“ทำไมเหรอครับ”

“เปล่าครับ ผมว่าเขาสะดุดตาน่ะครับ เป็นไทป์ที่ทำให้เกิดอารมณ์อยู่พอสมควรเลยล่ะครับ ถึงจะดูธรรมดา แต่พอได้รู้จักแล้วก็ละสายตาไปไม่ได้เลย เป็นคนที่สมัยเรียนต้องโดนไอ้พวกที่ชอบแกล้งคนอื่นแกล้งแน่ๆ เลยครับ ฮ่าๆๆ”

อินซอบที่แจกเครื่องดื่มหมดแล้วเดินมาทางนี้

“ขอบคุณนะครับคุณช่างภาพ”

อินซอบยื่นเครื่องดื่มให้ยูโอจินก่อนจะกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณครับ คุณอินซอบไม่สนใจพวกเรื่องถ่ายภาพเหรอครับ”

“ถ่ายภาพเหรอครับ”

“ไม่มีความคิดที่จะเป็นนายแบบบ้างเหรอครับ น่าจะออกมาดีเลยนะ”

ชเวอินซอบทำหน้าตาซีเรียสก่อนจะส่ายหน้า แต่ยูโอจินกลับชวนให้เขาลองมาเป็นนายแบบดูอีกครั้ง

“น่าจะออกมาดีนะครับ เพราะใบหน้าก็เล็ก แถมแขนขายังยาวอีกด้วย กระบนหน้าก็น่ารัก”

“ไม่ครับ ผมไม่สนใจครับ”

“งั้นเหรอครับ น่าเสียดายจัง ถ้าเกิดสนใจขึ้นมาก็มาเล่นที่สตูดิโอได้ทุกเมื่อเลยนะครับ เพราะผมจะถ่ายให้ฟรีเลย”

“แค่คำพูดก็ขอบคุณมากแล้วครับ”

ชเวอินซอบย่อมไม่มีทางรู้ว่าพวกตากล้องมักจะเสนอตัวถ่ายรูปให้ในตอนที่คิดจะหยอดคนที่ถูกใจ ไม่มีทางที่คนโง่ซึ่งไร้ประสบการณ์ด้านความรัก และไม่เคยช่วยตัวเองอย่างถูกต้องด้วยซ้ำจะรู้ถึงความแตกต่างเล็กน้อยนั้น และอีอูยอนก็เข้าใจความจริงนั้นได้ลึกซึ้งดีกว่าใคร

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอารมณ์เสีย และหงุดหงิดกับสถานการณ์นี้อยู่ดี

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท