ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 10-5

ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 10-5

ไม่น่าบอกว่าจะมาเลย ตอนที่อีอูยอนบอกว่าจะตามมา เราควรจะบอกว่าเราไม่ไปสิ

ชเวอินซอบลูบผักกาดหอมไปมาพลางเริ่มครุ่นคิดว่าจะลุกตอนไหนดี

“คุณอินซอบคงเหนื่อยมากเลยสินะคะ เพราะแฟนคลับที่เอาแต่ใจของคุณอีอูยอนมีเยอะ ดื่มสักแก้วนะคะ ฉันจะรินให้เอง”

หัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ถือขวดเหล้าขึ้นมาพลางลุกขึ้นจากที่ อินซอบคว่ำแก้วเหล้าลงบนโต๊ะพลางส่ายหน้า

“ผมดื่มไม่ได้ครับ พอดีวันนี้ผมเอารถมา”

“เรียกคนขับแทนก็ได้นี่”

“ผมต้องพาคุณอีอูยอนกลับไปส่งที่บ้านครับ”

“เรียกคนขับแทนไง คนขับแทนน่ะ กรรมการผู้จัดการจะให้ค่าคนขับรถแทนด้วยใช่ไหมคะ”

“แน่นอนสิ วันนี้ดื่มให้เต็มที่เลย”

พอได้ยินคำตอบที่ใจกว้างของกรรมการผู้จัดการคิม หัวหน้าทีมฮงก็บังคับให้อินซอบดื่มเหล้าอีกครั้ง

“เห็นไหมล่ะคะ วันนี้เป็นวันที่ดื่มเหล้าได้ค่ะ”

อินซอบเหลือบมองอีอูยอน อีอูยอนไม่ชอบให้เรียกคนขับรถแทน อินซอบมองท่าทีของอีกฝ่าย เพราะอีอูยอนให้เขาสัญญาว่าวันนี้จะไม่ดื่มเหล้าก่อนจะเข้ามาในงานเลี้ยง

อีอูยอนยิ้มในขณะที่สบตากับอินซอบ อินซอบเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในตายิ้มที่โค้งอย่างสวยงามเหมือนพระจันทร์เสี้ยวนั้น

ลองดื่มดูสิ

“ไม่ครับ วันนี้ผมจะไม่ดื่ม ท้องไส้ผมไม่ค่อยดีเท่าไรน่ะครับ”

“ทำไมล่ะคะ ไม่สบายตรงไหนเหรอ”

พออีดายองเอ่ยถาม คนรอบๆ ก็เริ่มแซวหญิงสาว

“อะไรกันคุณอีดายอง”

“อะไรกันเนี่ย คุณอีดายอง นี่คุณดูแลคุณอินซอบแล้วนี่นา เรียกว่าพี่ แต่กลายเป็นพ่อไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ทำไมผมถึงเป็นพ่อของคุณอีดายองล่ะครับ”

อินซอบถามอย่างตกใจ เพราะเขาไม่เข้าใจเรื่องการเล่นสำนวนของเกาหลีที่ว่า ‘พี่ชายที่เป็นพ่อ’

“ล้อเล่นน่ะ ล้อเล่น ทำไมทำหน้าตาจริงจังขนาดนั้นล่ะ”

“ครับ? อ๋อ ไม่ได้ทำหน้าตาจริงจัง…ครับ”

อีอูยอนมองภาพที่อินซอบพูดจากำกวมเพราะมึนงงอย่างเพลิดเพลิน อีกฝ่ายไม่เข้าใจความหมายของคำพูดจึงลองถามดูเท่านั้น แต่พอได้รับปฏิกิริยาแบบนั้นจากคู่สนทนา เจ้าตัวจะต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน

ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกสักหน่อย บางที…

“ขอโทษครับ คุณดายอง ผมคงทำอะไรบางอย่างผิดไป”

“คะ? ไม่หรอกค่ะ ฉันรู้ค่ะว่าล้อเล่น”

พอเธอหัวเราะอย่างร่าเริงพลางเอ่ยตอบ อินซอบก็แสดงออกทางสีหน้าว่าสบายใจขึ้น ‘ผมก็คิดแบบนั้นครับ’ เมื่อเห็นว่าอินซอบมีปฏิกิริยาอย่างที่คิด อีอูยอนก็ยิ้มออกมา

พอได้สังเกตการกระทำของอินซอบหลังจากที่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้แล้ว เขาก็เริ่มมองเห็นเรื่องที่เมื่อก่อนเคยไม่เข้าใจและทุกอย่างก็เริ่มปะติปะต่อ เขาคิดว่าอินซอบเป็นมนุษย์ที่เข้าใจยาก แต่ไม่ซับซ้อนเอาเสียเลย ทว่าเมื่อเขาเริ่มสนุกกับการจับตามองแล้ว อีกฝ่ายกลับเป็นคนที่น่าสนใจมาก

“อ๋อ จริงสิ คุณอูยอน รู้แล้วใช่ไหมคะว่าสุดสัปดาห์นี้จะต้องไปถ่ายนิตยสารที่ฮาวาย ถึงจะได้รับการติดต่อมาและตอบตกลงหลังจากที่เช็คตารางงานแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เพราะเป็นงานที่ถูกจัดอย่างกะทันหันนิดหน่อย”

“ครับ ผมทราบแล้วครับ คุณอินซอบบอกผมแล้ว”

“จู่ๆ ช่างภาพคนนั้นก็บอกว่าว่างแค่ช่วงนั้นช่วงเดียวก็เลยต้องเปลี่ยนตารางงานน่ะค่ะ เพราะแบบนั้นก็เลยดูเหมือนจะเป็นเรื่องด่วนสำหรับบริษัทนิตยสารด้วย ต้องจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก แล้วก็ต้องติดต่อสถานที่ถ่ายทำด้วย คุณอีอูยอนเองก็คงจะเหนื่อยมากเลยสินะคะ เพราะต้องเตรียมตัวอย่างเร่งด่วน”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้ผมไม่ค่อยมีงานอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ถือว่าไปเที่ยวด้วยไงครับ”

“คุณอินซอบก็ไปด้วยเหรอคะ”

“ครับ เป็นแบบนั้นครับ”

“ดีจัง! ได้ไปเที่ยวกับคุณอีอูยอนด้วย ฉันอยากไปแทนจังเลยค่ะ”

“น่าอิจฉาจัง ฉันเองก็อยากไปฮาวายกับคุณอีอูยอนบ้าง”

“กรรมการผู้จัดการคะ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอนเนี่ย ผู้หญิงเป็นไม่ได้เด็ดขาดเลยเหรอคะ”

พอได้ยินพนักงานหญิงเอ่ยถามคำถามที่เจือการบ่น กรรมการผู้จัดการคิมก็ทำมือกากบาทด้วยสีหน้าราวกับจะถามว่าพูดเรื่องไร้สาระอะไร

“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ที่ผ่านมาผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนต้องเป็นผู้ชาย ในอนาคตก็ต้องเป็นผู้ชาย เป็นผู้หญิงไม่ได้เด็ดขาด”

กรรมการผู้จัดการคิมรู้ดีว่าอีอูยอนชอบผู้หญิงขนาดไหน และรู้ว่าข้างในของอีกฝ่ายก็เน่าเฟะพอๆ กันจึงคัดค้านคำพูดแซวเล่นของพวกพนักงานหญิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เพราะถ้าเป็นผู้หญิง ก็จะเป็นข่าวร้อยเปอร์เซ็นต์เลยใช่ไหมคะ”

“ต้องตกหลุมรักกันแน่เลยค่ะ ตกหลุมรักน่ะ เพราะตัวติดกันตลอดทั้งวัน ถ้าเป็นผู้หญิงไม่มีทางที่จะไม่ตกหลุมรักหรอก”

“ถ้าฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอน ฉันก็ต้องตกหลุมรักคุณแน่เลยค่ะ”

“คุณอินซอบต้องระวังอย่าไปตกหลุมรักเขานะคะ”

อินซอบรู้สึกหนักใจกับคำพูดแซวที่คนอื่นๆ หัวเราะคิกคักกัน

อยากจะร้องไห้

ถ้ารู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ ผมเองก็จะระวังครับ ทำไมจะต้องมารักคนแบบนี้ด้วย…ผมอยากกลับบ้านเร็วๆ แล้ว

“ผมขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวหนึ่งนะครับ”

แม้ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจ แต่อินซอบก็ยังบอกจุดหมายที่จะไปราวกับพึมพำกับตัวเองพลางลุกขึ้น เนื่องจากกรรมการผู้จัดการคิมเช่าร้านไว้ทั้งร้านแล้ว ภายในห้องน้ำจึงไม่มีคน ในขณะที่เขารูดซิปกางเกงลงเพื่อทำธุระ ใครบางคนก็เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“…!”

“จะมารีดน้ำออกอีกแล้วเหรอครับ”

อีอูยอนปิดประตูห้องน้ำขณะเอ่ยถาม

“เปล่าครับ”

“อย่างนั้นเหรอครับ ผมนึกว่าคุณจะมารีดน้ำออกก็เลยเข้ามาดู”

เขาล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างหน้า อินซอบยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าโถส้วม และรอให้อีกฝ่ายออกไปไวๆ

“ไม่ปลดทุกข์เหรอครับ”

“…”

“ทำไมล่ะ เพราะผมอยู่ก็เลยปลดไม่ออกเหรอครับ ว่าไงครับ ผมเป็นคนที่เคยเห็นรูก้นของคุณอินซอบมาแล้วนี่นา”

การเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายหยาบคายจนยากที่จะเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกับผู้ชายคนที่นั่งยิ้มราวกับภาพวาดที่ออกมาจากโฆษณาของสวนสาธารณะจนถึงเมื่อสักครู่นี้

อีอูยอนเดินเข้ามาด้านข้างของอินซอบก่อนจะก้มลงมองด้านล่างของอีกฝ่ายพลางยิ้ม ถ้าเป็นผู้ชายก็คงจะอ่อนไหวกับปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงตอนที่ก้มลงมอง ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่มีเรื่องแบบนั้นกับอีอูยอน อินซอบก็ยิ่งว้าวุ่นกับปฏิกิริยาของอีอูยอนมากขึ้นไปอีก

“ส่วนนั้นของคุณอินซอบน่ารักมากเลยครับ”

“…!”

“ถ้าทำธุระเสร็จแล้วก็ออกมานะครับ”

อีอูยอนตบไหล่อินซอบก่อนจะเดินออกไป อินซอบลืมแม้กระทั่งความตั้งใจที่จะมาทำธุระ และรูดซิปกางเกงขึ้นอีกครั้งทั้งแบบนั้นด้วยความรู้สึกสิ้นหวังที่ถาโถมเข้ามา พอมองกระจกในขณะที่ล้างมือก็พบว่าใบหน้าของตนแดงซ่าน ชเวอินซอบเอาน้ำเย็นๆ ล้างหน้า และออกจากห้องน้ำหลังจากที่ดับความร้อนลงแล้ว

ดอกไม้เบ่งบานในวงเหล้าด้วยหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับความรัก ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดคือเรื่องคนรัก เพราะนอกจากพนักงานระดับหัวหน้าไม่กี่คนแล้ว พนักงานเกือบทั้งหมดเป็นหนุ่มสาวโสด

“พวกเธอไม่รู้หรอกว่าแม่ฉันเป็นห่วงแค่ไหนที่ฉันทำงานที่นี่ แม่บอกว่าฉันอาจจะไม่ดูสภาพตัวเอง และจะไม่ได้แต่งงาน เพราะเห็นแต่พวกดาราแล้วจะหัวสูง”

“ฮ่าๆๆๆ แม่ฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

“ถ้าไม่ดูสภาพตัวเองแล้วหัวสูงขึ้นมาหน่อยจะเป็นอะไรไปล่ะ เฮ้อ ไม่มีผู้ชายตาบอดที่หล่อ ใจดี แล้วก็รวยมาชอบฉันบ้างเหรอ”

“ผมเป็นไงครับ ผมน่ะ”

“แต่คุณคยองซู ไม่หล่อ พุงยื่น แถมยังจนอีกนะคะ!”

“ตาบอด?”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

คนอื่นๆ หัวเราะออกมา อินซอบนั่งเงียบๆ เพื่อไม่เป็นการทำลายความสนุกในบรรยากาศที่คนอื่นกำลังคุยกันถูกคอ

“คุณอินซอบมีแฟนหรือเปล่าคะ”

“ครับ?”

“แฟนน่ะค่ะ”

“ไม่มีครับ”

กลับเป็นอีอูยอนที่แย่งอินซอบตอบ

“คุณอูยอนรู้เรื่องนั้นได้ยังไงคะ เดิมทีพวกคนที่เรียบร้อยมักจะจีบคนเก่งนะคะ เท่าที่เห็นสมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ พวกคนที่เรียบร้อยและมีความเป็นผู้หญิงที่สุดมักจะได้แต่งงานเร็ว”

“ใช่แล้ว พวกคนแบบนั้นน่ะมักจะแต่งงานเร็ว ถ้าได้รู้จักคุณอินซอบจริงๆ คุณอินซอบอาจจะมีแฟนมาเยอะแล้วก็ได้”

“คุณอินซอบไม่มีแฟนหรอกครับ”

“ไม่มีเหรอคะ จริงเหรอ ฉันแนะนำให้ไหมล่ะ”

หัวหน้าทีมฮงเปรยถามอินซอบ

“ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ”

“หัวหน้าทีมฮง ทำไมถึงไม่ยอมแนะนำให้ผม แต่จะแนะนำให้คุณอินซอบคนเดียวล่ะครับ”

“ก็นายดื่มแต่เหล้าเป็นประจำ แล้วก็ขี้เกียจน่ะสิ เขาไม่ชอบผู้ชายแบบนั้น แต่ชอบผู้ชายแบบคุณอินซอบมากกว่า เป็นคนรักครอบครัว ซื่อสัตย์ และใจดี ว่าไงคะ คุณอินซอบ ถ้าสนใจก็บอกนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่มีความคิดเรื่องนั้นครับ”

“แล้วจะคิดเรื่องนั้นเมื่อไหร่เหรอครับ”

อินซอบหันหน้าไปทางอีอูยอน เพราะคำถามที่ได้ยินจากด้านข้าง ทันทีที่สบตากัน อินซอบก็ขนลุกซู่ แม้อีกฝ่ายจะเอาริมฝีปากแตะปากแก้วเหล้าไว้ทำให้มองไม่เห็นริมฝีปาก แต่ดวงตาของอีอูยอนกลับยิ้มอย่างเย็นชา

“ถ้าตอนนี้ไม่คิดเรื่องแบบนั้น อีกเดี๋ยวก็คงจะคิดไม่ใช่เหรอครับ”

“ทำไมคะ กลัวว่าถ้าคุณอินซอบแต่งงานแล้วจะเลิกเป็นผู้จัดการส่วนตัวเหรอคะ”

“ใช่ครับ ผมกังวลเรื่องนั้นด้วย”

อีอูยอนยิ้มอีกครั้งพร้อมหันหน้าไป พอแน่ใจแล้วว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่ได้จริงจังอะไร อินซอบก็ถอนหายใจออกมา อีอูยอนคงจะไม่โมโหต่อหน้าคนเยอะๆ หรอก นี่เป็นความกังวลที่ไม่มีประโยชน์

ระหว่างที่ชเวอินซอบกำลังขอร้องให้หัวใจที่เต้นตุบๆ สงบลง หัวข้อสนทนาในวงเหล้าก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องของภาพยนตร์ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้

“นางเอกของหนังเรื่องนั้นเหมือนกับรักแรกของผมเปี๊ยบเลย”

“โอ๊ย หน้าอย่างคุณฮยองชิกจะเอาที่ไหนไปเหมาะกับรักแรกแบบนั้นล่ะคะ”

“เดิมทีก็ต้องบอกว่ารักแรกสวยกันหมดนั่นแหละ”

“พวกผู้ชายที่ได้ดูหนังเรื่องนั้นน่ะ น้ำตาไหลตอนที่เล่าเรื่องของตัวเองกันทุกคนเลย พวกโง่เอ๊ย”

“คุณอินซอบดูหนังเรื่องนั้นหรือยังคะ”

“อ๋อ ช่วงนี้ผมไม่ได้ดูหนังเลยครับ”

“ทำไมล่ะคะ ไม่ชอบดูหนังเหรอคะ”

“ชอบครับ แต่ว่าไม่มีเวลา…”

เขาชอบดูภาพยนตร์ ตอนอยู่ที่อเมริกาเขาไปดูภาพยนตร์กับครอบครัวสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เขามักจะดูตัวอย่างของภาพยนตร์ที่ปล่อยออกมาก่อนภาพยนตร์จะเปิดตัวกับเจนนี่เสมอ และมักจะเดาความดังและดับของภาพยนตร์เรื่องนั้นเล่นกับเธอ แต่ระยะนี้เขาไม่มีความคิดที่จะดูภาพยนตร์เรื่องอื่นเลย เพราะมัวแต่ย้อนดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับอีอูยอนเป็นสิบๆ รอบเพื่อศึกษาเกี่ยวกับอีกฝ่าย

พอมาลองคิดดูแล้ว ช่วงเวลาที่เขาได้ไปโรงภาพยนตร์ก็นานมาแล้ว อินซอบลองนับวันคนเดียวในหัวแล้วก็ต้องตกใจไม่น้อย

“ไม่ได้ดูมานานมากจริงๆ ด้วยครับ”

“ไว้ไปดูด้วยกันสิคะ บางทีพวกเราก็ไปดูหนังรอบดึกกันหลังจากกินเลี้ยงเสร็จน่ะค่ะ”

“ใช่แล้วค่ะ ไปด้วยกันสิคะคุณอินซอบ”

แม้ช่วงนี้เขาจะมีเวลาว่างมากกว่าเมื่อก่อน เพราะตารางงานของอีอูยอนค่อนข้างโล่ง แต่ก็ใช่ว่ามันจะส่งผลกับเวลาว่างส่วนตัวของเขาในช่วงนี้

“ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ”

“ทำไมล่ะคะ จะไปกับแฟนทีหลังเหรอคะ”

“ตอนนี้เขาอาจจะมีแฟนอยู่ก็ได้ แบบว่าแอบไปไง”

“เปล่านะครับ ไม่ได้จะแอบไปนะครับ”

“ว้าย ดูเหมือนจะหน้าแดงนะคะ ต้องมีคนที่คบกันอยู่แล้วแน่เลย”

อินซอบโบกมือปฏิเสธอย่างตั้งใจ แต่คนที่สนุกกับการตอบสนองที่ใสซื่อของเขากลับทำเป็นไม่ได้ยิน และแซวเล่นต่อ

“ไม่มีคนที่คบอยู่หรอกครับ จริงๆ นะครับ”

“ยิ่งยืนกรานปฏิเสธแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยไปกันใหญ่เลยค่ะ คุณอูยอนไม่เคยเจอแฟนของคุณอินซอบเหรอคะ”

“จะไปเคยเห็นคนที่ไม่มีอยู่ได้ยังไงล่ะครับ ผมไม่ใช่ผู้มีพลังวิเศษนะ”

คำตอบที่เยือกเย็นถูกส่งกลับมา ผู้ช่วยอีที่หัวเราะคิกคักและแซวเล่นอยู่ก่อนหน้านี้ก็ร้องว่า ‘อ้อ’ และหันกลับไปมองอีอูยอนด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“คุณอูยอน คุณโมโหอะไรหรือเปล่าคะ”

“จะเป็นไปได้เหรอครับ ในที่ที่ดีแบบนี้น่ะ”

โชคดีที่เขาตอบอย่างนุ่มนวลกลับมา คนที่สบายใจแล้วจึงเสียงดังเอะอะขึ้นมาอีกครั้ง ชเวอินซอบเหลือบมองอีอูยอนเพื่อความแน่ใจ ท่าทางของอีอูยอนที่ดื่มเหล้าและพูดคุยกับพวกนักแสดงโต๊ะข้างๆ อย่างสบายๆ ไม่ได้ดูแปลกสักนิด

กังวลไปก็เสียเปล่า อย่าไปสนใจเลย

อินซอบกินผักห่อเครื่องเคียงพลางพยักหน้า

“แต่รักแรกของผมสวยจริงๆ นะ แต่สุดท้ายเธอก็ไปคบกับหมอแล้วก็แต่งงานไป”

“เหมือนกับเรื่องในหนังเลย แต่ปัญหาก็คือหน้าตาของคุณกีฮุนไม่เหมือนกับพระเอกน่ะสิ”

“คุณอูยอนไม่มีรักแรกเหรอคะ”

“ผมเหรอครับ ก็ต้องมีอยู่แล้วสิครับ”

“จริงเหรอคะ ผู้หญิงที่เป็นรักแรกของคุณอีอูยอนคือใครเหรอคะ รีบพูดให้ฟังหน่อยสิคะ โชคดีจังที่ที่นี่ไม่มีนักข่าว เรื่องนี้เป็นสกู๊ปพิเศษในหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้เช้าได้เลยนะ”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ”

“ถึงจะไม่ใช่เรื่องสำคัญก็เล่ามาเถอะค่ะ ฉันอยากฟัง”

คนอื่นๆ หูผึ่งเพื่อฟังอดีตของอีอูยอนที่ซ่อนตัวอยู่หลังฉาก แม้แต่อินซอบที่กำลังจะห่อแตงกวากินก็ยังรีบวางแตงกวาลงบนโต๊ะ

“เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือน่ะครับ ผมเองก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน เราก็เลยได้เจอกันที่ห้องสมุด พวกเราคุยกันเรื่องหนังสือ แล้วก็แลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกัน ประมาณนั้นครับ”

เขามีรักครั้งแรกกับผู้หญิงที่เจอกันที่ห้องสมุดเหรอ ทำไมมันถึงดูไม่เป็นอีอูยอนเลยล่ะ อินซอบดื่มเครื่องดื่มเงียบๆ คนเดียวด้วยความรู้สึกแปลกๆ

“แล้วเป็นยังไงต่อคะ”

“ถ้าสมหวังกับรักครั้งแรกจะเรียกว่ารักครั้งแรกเหรอครับ เพราะฉะนั้นก็เลยน่าเสียดายน่ะครับ”

“นั่นสินะคะ”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็ติดต่อกันอยู่บ้างนะครับ ประมาณเดือนล่ะครั้ง”

“ทางโทรศัพท์เหรอครับ”

“ส่งโปสการ์ดมาครับ มาพร้อมกับกลอนหนึ่งวรรค”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท