ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 11-4

ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 11-4

อีอูยอนขยุ้มผมของอินซอบไว้ ส่วนอินซอบก็หอบเหมือนคนที่จะหยุดหายใจในไม่ช้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา วินาทีที่สบตากัน อีอูยอนก็ได้รู้ว่าตนเองกำลังจะทำอะไร เขาประทับริมฝีปากลงไป พอชเวอินซอบตกใจปิดปากสนิท อีอูยอนก็กัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายและบังคับให้อ้าปาก เขาอยากจะครอบครองข้างในนั้น ความรู้สึกในยามที่ลิ้นเล็กๆ เฉียดผ่านและสัมผัสของการโลมเลียซี่ฟันในปากจุดไฟในร่างกายของเขา ภายในปากของอินซอบให้ความรู้สึกดีจนความเสียใจที่ว่าทำไมเขาถึงเพิ่งมาลองชิมมันเอาตอนนี้ถาโถมขึ้นมา

พอจูบยาวนานออกไปเรื่อยๆ ลมหายใจของอินซอบก็ค่อยๆ ขาดห้วง อินซอบหายใจสุดชีวิตเหมือนคนจมน้ำทุกครั้งที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายผละออกไปสั้นๆ ท่าทางนั้นน่ารักเสียจนอีอูยอนไม่ยอมปล่อยอินซอบไปจนอินซอบหายใจหอบและเกือบจะทรุดลงไปจริงๆ

“หะ ฮ่า ดะ…เดี๋ยว หะ…หายใจ”

“ใช้จมูกหายใจก็ได้นี่ครับ”

“อึก แฮ่ก แฮ่ก…”

“ทำไมถึงทำตัวเหมือนคนไม่เคยจูบแบบนั้นล่ะครับ”

ตาของอินซอบแดงขึ้นมา เพราะการเย้าแหย่ของอีอูยอน อีอูยอนเข้าใจความหมายของการเปลี่ยนแปลงนั้นดี เขาจึงยิ้มพลางเอ่ยถาม

“ไม่เคยจูบจริงๆ เหรอครับ”

“…”

“ช่องทางที่เรียกว่ารูของคุณอินซอบเนี่ย ผมได้ชิมเป็นคนแรกหมดเลยสินะครับ”

อีอูยอนทำหน้าพอใจ และเอาปากของตนมาแตะริมฝีปากของอินซอบอีกครั้ง พอริมฝีปากสัมผัสกันเบาๆ จนเกิดเสียงดัง จุ๊บ อินซอบก็หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งพลางก้มหน้าลง อีอูยอนทำตาหยีและยิ้มให้กับภาพของอินซอบที่โดนทำอะไรต่อมิอะไรมาหมดแล้ว แต่ก็ยังหน้าแดงเหมือนเด็กสาวที่เขินอายและทำตัวไม่ถูก

“อ๊ะ…”

พอช่วงล่างขยับในขณะที่ถูกถอดถอนออกมาอย่างยากลำบากอีกครั้ง ไหล่ของอินซอบก็สะดุ้ง อีอูยอนใช้มือลูบไหล่ของเขาพลางกระซิบอย่างอ่อนหวานเหมือนจะทำให้ละลาย ‘คราวนี้เราไปที่เตียงกันไหมครับ’

อินซอบรู้ดีว่าตัวเลือกมีเพียงหนึ่งเดียว เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆ ราวกับไม่อยากให้เห็น

***

สติของเขาติดๆ ดับๆ สลับกัน และเขาก็ได้ยินเสียงรอบข้างเบาๆ ยังมีชีวิตอยู่สินะ ยังไม่ตาย แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่สินะ ฉันยังมีชีวิตอยู่

ในตอนที่คิดแบบนั้น เขาก็รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจไปทั่วร่าง เขาได้ยินเสียงของแม่เป็นครั้งคราวในสติที่กลับมาอย่างเลือนราง ‘เจนนี่…จะทำยังไงดีล่ะ…แล้วงานศพ…จะต้องบอกปีเตอร์ยังไงดี…’

แม่พูดอะไรกันแน่ เรายังมีชีวิตอยู่แบบนี้ ทำไมถึงพูดเกี่ยวกับงานศพกันล่ะ ผมยังไม่ตายนะครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดเรื่องแบบนั้นก็ได้ครับ…แล้วทำไมแม่ถึงร้องไห้อยู่ตลอดเลยล่ะ

เขาพยายามจะตั้งสติ แต่ตากลับลืมไม่ขึ้น แต่คำพูดก็เข้ามาในหัวเขาอย่างชัดเจนมากกว่าเมื่อกี้

‘เพราะเธอเขียนถึงปีเตอร์ไว้ในจดหมายสั่งเสีย แม่ของเจนนี่ก็เลยสั่งให้ตำรวจสืบสวน…ลูกสาวของตัวเองตายนี่นะ เขาคงอยากจะโยนความโกรธไปที่ไหนสักที่นั่นแหละ แล้วปีเตอร์ผิดอะไรล่ะ พวกเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกันและกันนะ…ดังนั้นงานศพจะทำยังไงดี…’

หัวใจของเขาเต้น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เขาอยากให้ใครก็ได้ช่วยอธิบายอย่างง่ายๆ ให้เขาเข้าใจ แล้วทำไมเราถึงลืมตาไม่ขึ้นล่ะ แล้วทำไมเจนนี่ถึงตาย แล้วตำรวจจะมาทำไม งานศพงั้นเหรอ เจนนี่ตายได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อน ใครก็ได้ช่วยอธิบายให้หน่อย…

“…!”

พอเขาเด้งตัวขึ้นมา เขาก็หายใจไม่ออกเหมือนกับมีใครมาบีบคอเขาไว้ เขาจับคอไว้และพยายามหอบหายใจ แต่ก็ยังหายใจไม่สะดวกอยู่ดี หัวใจของเขาเต้นตึกๆ จนมองไม่เห็นข้างหน้า และเขาก็ใช้มือที่สั่นเทาคว้าผ้าปูที่นอนเอาไว้

“เป็นอะไรไหมครับ”

น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เขาก็ยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายที่เป็นที่พึ่งทางใจเพียงหนึ่งเดียวในความมืดนี้และจับเขาไว้

“ฝันน่ะครับ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวนะครับ”

มือใหญ่ๆ นั่นช่วยลูบหัวและตบหลังเขาเบาๆ การกระทำนั้นให้ความรู้สึกปลอดภัยมากจนเขาเผลอเอาหน้าเอาไปซุกกับอีกฝ่าย มือนั้นหยุดไปพักหนึ่งเพราะตกใจกับการกระทำที่กะทันหัน แต่เสียงหัวเราะก็เผยตัวออกมาในทันที เป็นเสียงหัวเราะที่นุ่มนวลและทำให้รู้สึกดี

“ผมมีนิสัยที่ไม่ดีซะแล้วล่ะครับ เพราะเวลาที่ได้เห็นคุณอินซอบกลัว ก็จะคิดว่าสวยขนาดนี้”

อินซอบคือใครกัน เขาเป็นใครนะ อีกฝ่ายถึงได้เรียกอย่างอ่อนโยนขนาดนั้น

เขาพิงไหล่กว้างๆ ของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าไปและคิด …ดีจังนะ คนที่ชื่ออินซอบน่ะ เพราะมีคนที่คอยเรียกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบนั้น

“ไม่เป็นไรนะครับ ค่อยๆ หายใจก็ได้ครับ ค่อยๆ นะ คุณอินซอบ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวนะครับ ทุกอย่างเป็นแค่ฝันครับ”

เขาค่อยๆ หายใจและพ่นลมหายใจออกมาตามที่เสียงนั้นสั่ง หน้าอกที่อึดอัดผ่อนคลายลงเยอะ และการมองเห็นที่ชวนให้เวียนหัวในความมืดก็ชัดเจนขึ้นมาทีละนิด

“ได้สติขึ้นมาบ้างหรือยังครับ”

“…”

“จำได้ไหมครับว่าผมเป็นใคร”

อีอูยอนแตะหน้าผากของอินซอบที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อพลางเอ่ยถาม ชเวอินซอบกะพริบตาอยู่ครั้งสองครั้งในขณะที่มองอีกฝ่ายอย่างเหม่อลอย

“รู้ไหมครับว่าผมเป็นใคร”

คนที่งดงามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แม้เขาจะนึกชื่ออีกฝ่ายไม่ออก แต่เขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นั้นที่มองตนอยู่ เขาจึงพยักหน้าน้อยๆ

“โอเคครับ เก่งมากครับ”

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเขาเก่งมากเรื่องอะไร แต่อินซอบก็รู้สึกดีกับมือที่ตบตนเองเบาๆ และหลับตาลงไปอีกครั้งทั้งๆ อย่างนั้น เขาพิงไหล่กว้างนั่นและลมหายใจที่เคยหายใจอย่างรุนแรงก็ค่อยๆ เบาลง

อีอูยอนก้มลงมองอินซอบที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของตน ทั่วทั้งตัวของอินซอบเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เพราะอีกฝ่ายฝันถึงฝันร้ายที่น่ากลัวอะไรสักอย่าง อีอูยอนดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้อินซอบ รอจนกระทั่งอินซอบหลับสนิท เขาถึงลุกออกจากเตียงไป อีอูยอนเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น และเอามาเช็ดหน้าผากของอินซอบอย่างระมัดระวัง

เพราะพอใจกับสัมผัสอุ่นๆ อินซอบที่นอนหลับอยู่จึงยิ้มเหมือนกับจะออดอ้อนพร้อมกับพลิกตัวมาหา เพราะอีกฝ่ายยิ้มไม่เก่ง เขาถึงไม่รู้ แต่ใบหน้าตอนยิ้มของอีกฝ่ายก็ไม่ได้แย่ ถ้าอีกฝ่ายยิ้มบ้างก็น่าจะดี

เขาพอใจกับใบหน้านั้น อีอูยอนจึงนอนอยู่ข้างๆ อินซอบ และตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ จนกระทั่งแสงของรุ่งอรุณสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

***

“…ไม่ต้องซื้อให้ก็ได้ครับ”

“จะไปฮาวายด้วยชุดแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ ไปลองใส่ตัวอื่นออกมาครับ”

อินซอบหยิบเสื้อผ้าตัวอื่น และเดินเข้าไปในห้องลองชุดตามที่อีอูยอนสั่ง วินาทีที่อีอูยอนเข้ามาในห้างสรรพสินค้า สายตาของคนทั้งหลายก็พุ่งมาที่เขาเป็นตาเดียว ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว เขามีหน้าที่คอยกันคนที่เข้ามามุงออกไป แต่ชเวอินซอบกำลังโดนอีกฝ่ายลากไป และทำได้แค่ลองเปลี่ยนชุดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

“ไม่เหมาะจริงๆ…”

อินซอบใส่เสื้อผ้าที่อีอูยอนเลือกให้ และมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกที่อยู่ในห้องลองชุด เขาถอนหายใจออกมาโดยอัตโนมัติ เขามีร่างกายที่ต่างจากอีอูยอนที่ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรก็พอดีเหมือนกับเป็นชุดที่ดีไซเนอร์ออกแบบมาเพื่อเจ้าตัวโดยเฉพาะ เขาห่อไหล่ลง เพราะคิดว่าเนื่องจากตัวเองผอมมาก ถ้าใส่เสื้อผ้าสีสันแบบนี้อีก ก็คงจะสะดุดตามากขึ้น

ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะใส่ชุดสูทที่เรียบร้อยเหมือนกับที่ใส่อยู่ตอนนี้ที่ฮาวายด้วย…

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“เฮือก…!”

“เปลี่ยนเสร็จแล้วทำไมไม่ออกมาล่ะครับ”

“เอ่อ จะ จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

พอชเวอินซอบหยิบเสื้อขึ้นมาทีละตัวและเดินออกมา อีอูยอนก็ดันเขาเข้าไปในห้องลองชุดอีกครั้ง

“ชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้ไม่เหมาะกับคุณเลยครับ เปลี่ยนใหม่ครับ”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ”

อินซอบคิดว่าโล่งอกไปทีพลางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เขากำลังถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่อย่างยืดยาด แต่อีอูยอนก็แหวกม่าน และยื่นหน้าเข้ามาด้านในอีกครั้ง

“…! ทำไม ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะครับ”

“ผมคิดว่าคุณถอดหมดเลยดีกว่านะครับ”

”…!”

“รีบเปลี่ยนแล้วออกมาเถอะครับ เราไม่มีเวลาแล้ว”

เสียงหัวเราะของอีอูยอนไกลออกไปพร้อมกับเสียงรองเท้า อินซอบเปลี่ยนชุดกลับไปเป็นชุดที่สวมมา และกล่าวขอโทษพนักงานก่อนจะยิ้มให้

แม้แต่ระหว่างทางที่เดินไปร้านอื่นๆ ภายในห้างสรรพสินค้า สายตาของผู้คนก็ยังจับจ้องมาเรื่อยๆ มีคนที่ถ่ายรูปไปอยู่หลายคน และในระหว่างนั้นก็มีคนที่มีความกล้าพอที่จะเข้ามาขอลายเซ็นด้วย อีอูยอนปฏิเสธการให้ลายเซ็นอย่างสุภาพ และส่งสายตาบอกให้ชเวอินซอบรีบตามมา

“เชิญขะ…ตายแล้ว”

ทันทีที่อีอูยอนเข้าไปในร้านค้า พนักงานที่จำเขาได้ก็อุทานออกมาอย่างตกใจ แม้จะได้รับการอบรมมาว่าต่อให้ดาราที่มีชื่อเสียงขนาดไหนจะเข้ามา ก็ห้ามแสดงท่าทีมากเกินไป หรือห้ามแสดงความรู้สึกเป็นการส่วนตัวออกมา แต่พออีอูยอนปรากฏตัวขึ้น ร้านค้าก็วุ่นวายอย่างช่วยอะไรไม่ได้

“มีอะไรให้ฉันช่วยคะคุณลูกค้า”

“ผมมาเดินดูเฉยๆ น่ะครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยจะรบกวนนะครับ”

“บอกได้เสมอเลยนะคะคุณลูกค้า”

อินซอบคิดว่าเป็นการพูดที่ผสมความชอบส่วนตัวลงไปมากๆ พลางเดินตามหลังอีอูยอนไป

“ตัวนี้เป็นไงครับ”

อีอูยอนเลือกเสื้อตัวหนึ่งมาทาบบนตัวของอินซอบพลางเอ่ยถาม

“ไม่รู้สิครับ”

“ก็ผมไม่รู้นี่ครับว่าคุณมีรสนิยมเรื่องเสื้อผ้าแบบไหน”

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”

ชเวอินซอบตอบไปตามตรง เขาใส่เสื้อผ้าที่แม่ซื้อให้เกือบจะทั้งหมด และหลังจากที่มาเกาหลีแล้ว เขาก็ใส่แค่สูทสีเข้มเท่านั้น เขาไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่ารสนิยมเกี่ยวกับเสื้อผ้าเลย เขาก็แค่เอาใจใส่กับการเลือกเสื้อผ้าที่เรียบๆ และไม่สะดุดตาที่สุดเท่านั้น

“ใส่สีสว่างๆ หน่อยก็ได้นะครับ แต่ถ้าสว่างมากไปจะไม่เข้า”

“ท่านไหนเป็นคนใส่เหรอคะ ลูกค้าท่านนี้เป็นคนใส่หรือเปล่าคะ”

พนักงานที่สังเกตโอกาสที่จะแทรกเข้ามาพูดว่า ‘นี่แหละ’ พลางชี้ไปที่ชเวอินซอบ อีอูยอนที่ยิ้มไปพลางเลือกเสื้อผ้าไปพลางตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า ‘ครับ’ อินซอบที่แค่ฟังน้ำเสียงของเขา ก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายอารมณ์ดีหรือไม่ดีลอบสังเกตอีอูยอน และมองไปที่พนักงาน

“ลูกค้าน่าจะเหมาะกับโทนสีอุ่นๆ แบบนี้นะคะ เพราะหน้าค่อนข้างขาวและสีผมก็สว่างด้วย เป็นไงคะ”

พนักงานเลือกเสื้อยืดสีเบจมาวางทาบใต้ใบหน้าของอินซอบ

“ไม่…รู้สิครับ”

“ตัวนี้เป็นไงคะ เป็นสินค้าที่เข้ามาใหม่รอบนี้ค่ะ ได้รับกระแสตอบรับดีมากด้วยค่ะ”

“ยะ อย่างนั้นเหรอครับ”

“อยากได้สไตล์แบบไหนเหรอคะ ถ้าคุณลูกค้าบอกมา ดิฉันจะ…”

“ผมจะเลือกเองครับ”

อีอูยอนยิ้มก่อนจะพูดแทรกพนักงาน

“ถ้าบอกมา ฉันจะช่วย…”

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะเลือกเองครับ ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ผมจะรบกวนนะครับ ขอบคุณครับ”

เป็นคำปฏิเสธที่นุ่มนวล แต่ก็เด็ดขาด พอพนักงานทำท่าทีเสียดายและเดินห่างออกไป อีอูยอนก็เดาะลิ้นด้วยใบหน้าไม่พอใจ

“ออกไปกันเถอะครับ”

แม้จะไม่แน่ใจว่าอะไรที่กวนใจอีกฝ่าย แต่ในเวลานี้การเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ชเวอินซอบก้มหัวให้พนักงานและเดินตามหลังอีอูยอนออกไป

อินซอบมองแผ่นหลังของอีอูยอนที่เดินเนิบๆ อยู่ข้างหน้า และพูดเหมือนกับพึมพำ

“ขอโทษครับ”

“ครับ?”

“ขอโทษครับ คุณ…ตั้งใจจะซื้อเสื้อให้ด้วยความตั้งใจดี แต่เพราะผมเป็นแบบนี้ พวกเสื้อผ้าก็เลยไม่เหมาะกับผมหมดเลย”

“คุณอินซอบเป็นยังไงเหรอครับ”

“…”

พอต้องมาโต้เถียงเกี่ยวเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกต่อหน้าผู้ชายที่มักจะถูกเลือกทุกครั้งที่มีการเลือกนักแสดงที่มีใบหน้างดงามที่สุดในประเทศของเราแล้ว อินซอบก็ทำได้แค่เป็นทุกข์

“เป็นยังไงเหรอครับ”

“…น่าเกลียด…”

เขาไม่สามารถพูดคำต่อไปออกมาได้ แค่มองความแตกต่างของส่วนสูงที่สะท้อนในดิสเพลย์ของร้านต่างๆ เขาก็ต่างกับอีอูยอนราวฟ้ากับเหวแล้ว

“คุณอินซอบสวยนะครับ”

“…!”

“ตอนร้องไห้”

อินซอบทำตัวไม่ถูกกับคำพูดที่อีกฝ่ายพูดเสริมอย่างมีความหมายลึกซึ้งพลางทำคอตก อีอูยอนเดินเข้าไปด้านข้างของอินซอบ และรั้งใบหน้าของเขาหันไปทางด้านดิสเพลย์ของร้าน

“ดูสิครับว่าน่าเกลียดตรงไหน”

“…”

“ตาก็โต จมูกกับปากก็น่ารักออกครับ”

“มะ ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องปลอบกันก็ได้ครับ”

อินซอบจับมือของอีอูยอนออกก่อนจะหันหน้าหนี อีอูยอนหัวเราะพร้อมกับเริ่มเดินอีกครั้ง สายตาของคนส่วนใหญ่ก็ขยับไปตามร่างของอีอูยอน

ชเวอินซอบจึงรีบเดินตามหลังอีกฝ่ายไป

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท