ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 12-9

ภาค 1 เล่ม 4 ตอนที่ 12-9

ใครกันนะ มือใหญ่และกว้างกว่ามือของแม่…ใครกันนะที่ลูบเราอย่างลึกซึ้งขนาดนี้

เขาพยายามจะลืมตา แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฤทธิ์ของยาและความง่วง มือที่ลูบผมอยู่ค่อยๆ ลูบหน้าผากกับแก้มของเขา

อินซอบปวดใจกับไออุ่นของมือนั้นที่เฉียดผ่านไปเพียงชั่วครู่ คนคนนั้นนี่เอง ตอนนี้คนคนนั้นกำลังลูบเราอยู่นี่นา

เราควรจะลืมตาแล้วบอกว่าเราไม่เป็นอะไร

‘ขอโทษนะครับคุณอินซอบ’

น้ำเสียงไพเราะของอีกฝ่ายสั่นไหวอยู่ในความมืด

‘ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ไม่สามารถตัดใจจากคุณอินซอบได้…’

เขาอยากจะถามว่า ‘คุณพูดอะไร นั่นหมายความว่ายังไง’

‘ถ้าตอนนี้ผมรั้งคุณอินซอบเอาไว้ แม้ผมจะรู้ว่ามันไม่ดีต่อคุณอินซอบ แต่ผมก็ยังจะเติมเต็มความต้องการของตัวเองอยู่ดี ด้วยการประมาทอย่างรุนแรงโดยจงใจ’

ประมาทโดยจงใจ ตอนที่ได้ยินคำนั้น เขาคิดว่าการที่ตนเองวนเวียนอยู่ข้างๆ อีอูยอนก็เป็นเรื่องที่ประมาทโดยจงใจเหมือนกัน เรื่องต่างๆ ที่เขาทำโดยเจตนา ทั้งเรื่องที่เขายอมทนอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย ในขณะเดียวกันก็คาดว่าตนจะชอบอีกฝ่าย

‘…ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี’

น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่มั่นคงราวกับจะสลายหายไปในไม่ช้า ในขณะที่หลับตา เขาก็เกิดความกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

‘เพราะฉะนั้น…โชคดีนะครับ’

ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มแตะที่หน้าผาก ก่อนจะที่ไออุ่นนั้นจะเลื่อนลงมาสัมผัสที่ริมฝีปากราวกับยังไม่พอใจกับการสัมผัสเพียงครั้งเดียวก่อนจะผละออกไป สัมผัสที่เลือนรางนั้นน่าสงสารและชวนให้ปวดใจจนอินซอบอยากจะกอดอีกฝ่ายไว้ แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว

ไม่นะ ก่อนที่เขาจะไป เราต้องตอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผมไม่เป็นไร เราต้องพูดก่อนที่เขาจะออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เราต้องลืมตา…

ในสติที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป อินซอบได้ยินเสียงประตูห้องพักผู้ป่วยถูกปิดและรู้สึกเศร้าใจ หลังจากนั้นสองวันเขาถึงได้สติ

จนกระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาล อีอูยอนก็ไม่มาหาเขาเลย อินซอบมองกระถางดอกไม้ที่วางอยู่ตรงหน้าต่างห้องพักผู้ป่วยก่อนจะได้รู้ว่าคำพูดที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ในคืนนั้นเป็นคำบอกลา

***

“เอาล่ะ ขอให้แข็งแรงนะ ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่นายกลับไปด้วยเรื่องแบบนี้”

หัวหน้าทีมชาที่ออกมาส่งตบบ่าอินซอบเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมสิครับที่ต้องขอโทษที่สร้างแต่ความลำบากไว้ให้แล้วก็จากไป ผมเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลตั้งกี่รอบแล้วก็…”

[ปีเตอร์! รีบมาเร็วๆ ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้วนะ]

[เดี๋ยวไปครับ รอสักครู่นะครับ]

พอได้ยินภาษาอังกฤษหลุดออกจากปากของอินซอบอย่างเป็นธรรมชาติ หัวหน้าทีมชาก็จิ๊ปากไม่ชอบใจ แม้จะเป็นภาพที่เห็นหลายครั้งแล้วที่ห้องพักผู้ป่วย แต่เขาก็อดรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้อยู่ดี

“งั้นกลับอเมริกาไปแล้วจะทำอะไรต่อไปในอนาคตล่ะ”

“ผมคิดว่าผมจะพักให้เต็มที่ก่อน แล้วค่อยลองคิดในระหว่างนั้นน่ะครับ”

“จะไม่กลับมาที่เกาหลีแล้วเหรอ”

อินซอบเบิกตาโพลงให้กับคำถามนั้นก่อนจะตอบอย่างอ้อมแอ้มว่า ‘ก็ไม่รู้สิครับ’ หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินพวกพยาบาลคุยกันเสียงดังไม่หยุดก่อนที่อินซอบจะได้รู้ความจริงว่าอีอูยอนสร้างความวุ่นวายอันใหญ่หลวงขึ้นอีกแล้ว

ข่าวร้อนที่ใหญ่โตแพร่ไปทั่ววงการบันเทิง ในขณะที่ผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนถูกสตอล์กเกอร์ทำร้าย กระแสสังคมที่เรียกร้องให้บัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับสตอล์กเกอร์ใหม่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีข่าวที่น่าอบอุ่นใจเขียนว่าอีอูยอนร้องไห้เอะอะและเกาะตัวหมอเอาไว้เพื่อผู้จัดการส่วนตัวที่ตกอยู่ในอันตรายเพราะตนเอง แต่เนื่องจากมีผู้เห็นเหตุการณ์อยู่มาก คราวนี้จึงมีคำพูดลับหลังที่รุนแรง พวกพยาบาลกระซิบกระซาบกันว่าแค่เห็นอีอูยอนก็ขนลุกแล้ว เพราะวันนั้นเขาก่อความวุ่นวายด้วยสภาพที่ไม่มีสติอยู่กับตัว

จนกระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาล ชเวอินซอบก็ไม่เห็นอีอูยอนที่โรงพยาบาลเลย ในฐานะชเวอินซอบที่รู้ดีว่านั่นหมายความว่าอย่างไร จึงไม่สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลว่าเขาจะกลับมาที่เกาหลี

“ไม่ต้องมาทำงาน แต่มาเที่ยวเล่นเฉยๆ ก็ได้ ถ้ามาเที่ยวเล่นก็ติดต่อฉันมาแล้วกัน ฉันจะให้ที่นอนแล้วก็จะทำข้าวให้กินด้วย เพราะ…ฉันคงจะได้รับโบนัสเยอะมาก เพราะต้องเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนไปสักระยะหนึ่ง”

สีหน้าของหัวหน้าทีมชาที่พูดแบบนั้นว้าวุ่นเป็นอย่างมาก เขาเศร้าใจที่ต้องมาส่งอินซอบแบบนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็ดีใจที่จะได้รับโบนัส แต่พอต้องดูแลอีอูยอนอย่างหมดหวังแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว้าวุ่นใจ

“อินซอบ!”

กรรมการผู้จัดการคิมที่วิ่งเข้าในสนามบินสายโบกมือให้พลางเดินเข้ามาหา

“ยุ่งอยู่นี่ครับ แล้วมาได้ยังไง”

เขาได้ยินว่ากรรมการผู้จัดการคิมอาจจะมาไม่ได้ เพราะวันนี้มีการประชุมปรึกษาหารือเรื่องการสร้างที่สำคัญ

“ไม่ว่ายังไงนายก็จะไปแล้ว ฉันก็ต้องมาสิ ว่าแต่ไอ้อีอูยอนมันไม่มาเหรอ”

ใบหน้าของอินซอบเศร้าลง เพราะคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิม เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะมาส่ง เพราะไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่เขาก็ไม่เห็นอีกฝ่ายเลย

“…เขายุ่งนี่ครับ”

หัวหน้าทีมชาศอกใส่สีข้างของกรรมการผู้จัดการคิมก่อนจะส่งสายตาไปให้

“อ๋อ จริงด้วยๆ วันนี้เขาบอกว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับพวกคนญี่ปุ่น แล้วก็บอกว่ายุ่งมากนี่นะ”

อินซอบพยายามยิ้มก่อนจะพยักหน้า เพราะรู้ว่าความจริงแล้วนั่นเป็นคำชี้แจงเพื่อตนเองทั้งหมด

“โอเค ระวังตัวด้วยนะ ไว้ถ้ามาที่เกาหลี ต้องติดต่อมานะ”

“ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะครับ”

อินซอบก้มหัวอย่างมีมารยาทให้กับคนทั้งคู่ กรรมการผู้จัดการคิมที่รู้สึกแสบบริเวณดวงตาใช้มือเช็ดน้ำตาจึงรีบหันหน้าไป หัวหน้าทีมชาเองก็ปลายจมูกแดง และตบไหล่ของอินซอบโดยไม่พูดอะไรเหมือนกัน

“อ้อ จริงสิ ช่วยรับไว้หน่อยนะครับ”

ชเวอินซอบยกกระถางดอกไม้ที่วางอยู่ตรงปลายเท้าขึ้นมายื่นให้หัวหน้าทีมชา

“ผมอยากให้ช่วยเอาสิ่งนี้มอบให้คุณอีอูยอนให้หน่อยน่ะครับ”

“อันนี้เหรอ แค่เอาให้เฉยๆ ใช่ไหม”

“…ครับ”

คนที่เอาเคทมาไว้ที่ห้องพักผู้ป่วยจะต้องเป็นอีอูยอนอย่างแน่นอน อินซอบจึงอยากทิ้งสิ่งนี้ไว้ข้างตัวอีอูยอน เขาคิดว่าถ้าวันนี้อีอูยอนมา เขาจะมอบให้ด้วยตัวเอง แต่กลายเป็นว่าเขาต้องยื่นให้หัวหน้าทีมชาอย่างช่วยอะไรไม่ได้ อินซอบส่งเคทให้หัวหน้าทีมชาก่อนจะทิ้งคำพูดฝากฝังที่ไม่สามารถบอกกับอีอูยอนได้ไว้ให้

“บอกให้เขารดน้ำสามวันครั้ง แล้วก็วางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทดีนะครับ…แล้วก็บอกให้เขาลูบอย่างพอดีด้วยนะครับ เพราะถ้าใช้มือกวนมันมากๆ มันจะตายได้…แม้เขาจะไม่ลูบมันก็ตาม”

“ได้เลย สามวันครั้ง ระบายอากาศ อย่ากวนมัน โอเค”

หัวหน้าทีมชารับกระถางดอกไม้ไปถือไว้ก่อนจะพยักหน้า อินซอบก้มหัวหน้าให้คนทั้งคู่ และเดินไปที่เกทที่ครอบครัวกำลังยืนอยู่ อินซอบหันหลังและมองไปรอบๆ หลายรอบราวกับเศร้าใจ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาเดินผ่านเครื่องตรวจเข้าไปด้านในแล้ว เขาจะไม่สามารถออกมาได้อีก

เขาไม่เจออีอูยอนอย่างที่คิด เขาเหลือไว้แต่ความรู้สึกเสียดายและเดินตามพ่อแม่เข้าไปในด่านตรวจคนขาออก พวกเขาสามารถเข้าไปนั่งที่นั่งได้เร็วกว่าคนอื่น เพราะทางบริษัทได้ซื้อตั๋วเครื่องบินเฟิร์สคลาสให้กับอินซอบและพ่อแม่ของเขา

พออินซอบนั่งตรงริมหน้าต่าง แม่ของเขาก็หยิบผ้าห่มออกมาและช่วยคลุมขาให้เขา เขาได้ยินเสียงประกาศที่บอกให้รู้ว่าเครื่องบินกำลังจะขึ้น และเครื่องบินก็ค่อยๆ ลอยขึ้น พอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังหึ่ง เขาก็นึกถึงคนที่ช่วยจับมือของตนไว้ใต้ผ้าห่มขึ้นมา ตาของอินซอบแดงขึ้นมาอีกครั้ง

[เศร้าเหรอที่จะต้องไปจากเกาหลี]

[…ไม่รู้เหมือนกันครับ]

เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเศร้าที่จะต้องไปจากเกาหลี หรือว่าเศร้าที่ไม่ได้เจออีอูยอน อินซอบไม่เข้าใจเลยว่าอีอูยอนสามารถปล่อยเขากลับอเมริกาได้โดยไม่มาเจอหน้าเขาสักครั้งได้อย่างไร

เขาเบื่อเราแล้วเหรอ เราพูดคำที่ไม่ควรพูดกับเขาไปหรือเปล่า…ไม่รู้เลยว่าที่บอกว่ารักออกไป จะสร้างความลำบากใจให้เขาหรือเปล่า เรานึกว่าตัวเองจะตายแล้ว ก็เลยรวบรวมความกล้าพูดออกไป ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เราจะไม่พูดอะไรเลย

[อ๋อ จริงสิ เพื่อนของลูกขอให้เอาสิ่งนี้มาให้น่ะ]

[เพื่อนเหรอครับ]

แม่หยิบสมุดโน้ตเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้อินซอบ ดวงตาของอินซอบที่ได้เห็นสมุดโน้ตที่คุ้นตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

[เพื่อนคนไหนเหรอครับ ใครเป็นคนเอามาให้เหรอครับ]

[เขาบอกว่าชื่อฟิลลิปน่ะ เป็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน เขาเอามาให้ตอนที่ลูกกำลังคุยอยู่เมื่อกี้แล้วก็ไป]

อินซอบลุกขึ้น

[จะไปไหน! ตอนนี้เครื่องบินกำลังลอยอยู่กลางอากาศนะ]

[จะต้องไปครับ ผมยังไม่ได้บอกลาคนคนนี้เลย]

[ไปตอนนี้ก็ไม่เจอหรอก ปีเตอร์ นี่เป็นที่ที่ลูกจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าลูกอยากมานะ]

อินซอบทรุดลงนั่งเพราะคำพูดของแม่ มาตอนไหนกัน แล้วไปอยู่ที่ไหนมา…ทำไมถึงไม่มาลากันเลย…คนนิสัยไม่ดี

อินซอบพ่นคำด่าใส่อีอูยอนอยู่ในใจในขณะที่เห็นว่าเครื่องบินค่อยๆ ห่างออกมาจากสนามบินอินชอนขึ้นเรื่อยๆ ไอ้คนเย็นชา บอกว่าอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเรา บอกว่าจะไปโรงพยาบาลจิตเวช ไอ้คนชั่ว ไอ้คนไม่ดีที่ไม่ซื้อกระเช้าผลไม้มาให้เราสักอัน คนไม่ดี…ไอ้ชั่วเอ๊ย

อินซอบมองให้แน่ใจว่าแม่หลับไปแล้ว เขากลั้นน้ำตาไว้และกางสมุดโน้ตที่อีอูยอนยื่นให้ มันเต็มไปด้วยโน้ตเล็กๆ ที่เขาจดไว้เกี่ยวกับอีอูยอนในช่วงที่ผ่านมา ในวินาทีที่ได้เห็นสิ่งนั้นเขาก็จมอยู่กับความคิดทั้งหมด และน้ำตาที่กลั้นเอาไว้อย่างยากลำบากก็ไหลออกมา เขาใช้หลังมือเช็ดน้ำตา และในตอนนั้นเองอะไรแปลกๆ ก็โผล่เข้ามาในสายตาของเขา

มีเครื่องหมายคำถามสีแดงถูกเขียนไว้ใต้โน้ตเกี่ยวกับ CD ที่อีอูยอนชอบและนักเขียนที่เขาสนใจอยู่ช่วงนี้ อินซอบเริ่มอ่านโน้ตที่ถูกเขียนไว้ในสมุดโน้ตอย่างละเอียดอีกครั้ง

ใครบางคนใช้ปากกาแดงวงกลมชื่อของหนึ่งในนักเขียนที่ถูกเขียนไว้ในสมุดโน้ต และวาดเครื่องหมายคำถามทิ้งไว้ ชเวอินซอบไม่มีทางที่จะไม่รู้ความจริงว่าใครคนนั้นคืออีอูยอน

เขาเปิดไปดูหน้าต่อไปของสมุดโน้ต ตรงนั้นมีอาหารต่างๆ กับร้านอาหารที่อีอูยอนชอบกินเขียนเอาไว้ให้สามารถอ่านเข้าใจได้ในครั้งเดียว และเขาก็ทิ้งร่องรอยที่พยายามคิดว่าจะเลือกขนมปังแบบไหนดีในทุกๆ วันเอาไว้ด้วย ปากกาสีแดงเขียนเครื่องหมายกากบาทไว้ตรงร้านอาหารสองสามที่ ส่วนตรงชื่อขนมปังก็มีเครื่องหมายกากบาทและวงกลมถูกเขีนนไว้สลับกัน

นี่มันอะไรกันแน่

อินซอบพลิกไปหน้าต่อไป นี่ก็เหมือนกัน ตรงข้อมูลต่างๆ ที่เขาเก็บรวบรวมไว้เพื่ออีอูยอนถูกตรวจแก้ด้วยสีแดงไว้แน่นเอี้ยด

ไม่ใช่แค่ประโยคยาวๆ หรือคำศัพท์ แต่มีการระบุถึงขนาดอันนี้ดี อันนี้ไม่ดีเอาไว้ และเขาตรวจดูทุกอันโดยไม่พลาดไปแม้แต่อันเดียว อินซอบคิดว่านี่เป็นการล้อเล่นของอีอูยอนหรือเปล่า แต่เขาก็เปิดสมุดโน้ตต่อไป เพราะรู้ว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะเสียเวลากับเรื่องแบบนี้

ตอนนั้นเองกระดาษที่ถูกสอดไว้ตรงกลางก็หล่นลงมา อินซอบกางกระดาษที่หล่นลงมาตรงตักออกอ่าน มันคือเอกสารสัญญา อีอูยอนใช้ปากกาสีแดงขีดเส้นใต้ไว้ตรงระยะเวลาของสัญญาในเอกสารสัญญาที่ทำขึ้นล่าสุด …หมายความว่าเขาจะขอค่าชดเชยสำหรับความเสียหายในการยกเลิกสัญญาเหรอ

อินซอบวางเอกสารสัญญาลง และเขาก็เจออะไรบางอย่างถูกซ้อนไว้ใต้นั้นก่อนจะต้องกลั้นหายใจดังเฮือก

นั่นคือรูปถ่าย เป็นรูปถ่ายในซอยของอีอูยอนที่ถูกเขาใส่ไว้ในช่องลับด้านในของสมุดโน้ต

อีอูยอน…อีอูยอนรู้แล้วเหรอว่าเรามีรูปใบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่…เขาให้สิ่งนี้กับเราอีกครั้งเหรอ ถ้าเราเอาไปทำอะไรแปลกๆ จะทำยังไงล่ะ จะบอกว่าเชื่อใจเราเหรอ ไม่รู้ว่า…

…คิดอะไรอยู่กันแน่ เราเดาความคิดของคนคนนี้ไม่ได้เลย

อินซอบเลิกที่จะพยายามเข้าใจภายในหัวของอีอูยอน

“ทำไมถึงให้รูปนี้…”

อินซอบตรวจดูอีกครั้งว่ามีใครมองอยู่รอบๆ หรือไม่ และใช้ปลายนิ้วหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง อีอูยอนในรูปกำลังยืนอยู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ตอนแรกเขาคิดว่าอีอูยอนในรูปถ่ายใบนี้น่ากลัวมากๆ แต่พอได้เห็นตอนนี้ เขากลับรู้สึกคุ้นเคย

สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์เนี่ย…เป็นสัตว์ที่ปรับตัวได้ยอดเยี่ยมจริงๆ สินะ

อินซอบประทับใจกับการปรับตัวของตัวเองพร้อมกับพิจารณารูปภาพไปด้วย ในระหว่างนั้นเขาก็มองเห็นลายเซ็นที่ถูกเขียนไว้ตรงมุมภาพ

“…”

เซ็นลายเซ็นบนรูปแบบนี้แล้วส่งมาให้อย่างนั้นเหรอ…ช่างสมกับเป็นอีอูยอนจริงๆ

อินซอบถอนหายใจก่อนจะพับรูปเพื่อสอดไว้ในสมุดโน้ต ตอนนั้นเองเขาก็ได้โน้ตง่ายๆ ที่อีอูยอนทิ้งไว้ที่ด้านหลังของรูป เขาพลิกรูปและกางออก ลายมือที่ถูกเขียนไว้ด้วยปากกาสีแดงติดอยู่ในตาของอินซอบ

[Enjoy your vacation.]

ด้วยคำๆ นั้นอินซอบก็เข้าใจความหมายที่อีอูยอนยื่นสมุดโน้ตให้ตนได้ทันที

‘ผมจะให้วันหยุดคุณ พักแล้วกลับมานะครับ

ระยะเวลาสัญญากับคุณยังเหลืออีกสามสิบปีนะครับ

ต่อไปก็ฝากรสนิยมที่ซับซ้อนของผมด้วยนะครับ’

“ฮ่าๆ… …ฮ่า…”

เขาหัวเราะออกมา แม้เขาจะเจ็บตึงแผลที่หลังทุกครั้งที่หัวเราะ แต่เขากลับหยุดหัวเราะไม่ได้ น้ำตาอุ่นๆ ก็ซึมออกมาบนหน้าทันที

อินซอบพิงเบาะที่นั่งอย่างสบายใจได้แล้ว เพราะเขารู้ว่าข้อความที่อีอูยอนส่งให้ตนไม่ใช่จุดจบ แต่หมายถึงการเริ่มต้นใหม่

การท่องเที่ยวที่ยาวนานได้เริ่มขึ้นแล้ว

***

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท