ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 1 บทนำ 2

ภาค 2 เล่ม 1 บทนำ 2

“อะไรนะ”

“ว่าไงนะ”

“ว่าไงนะครับ”

สายตาของคนทั้งสามคนจ้องมาทางชเวอินซอบเป็นตาเดียว

“ถึงจะไม่มีความสามารถ แต่ผมก็ไม่ค่อยพูดนะครับ แล้วก็มีประสบการณ์ทำงานด้วย อย่างน้อยก็ไม่น่าจะมีเรื่องกวนอารมณ์คุณอูยอน เพราะผมรู้รสนิยมของคุณอีอูยอนแล้ว…มั้งครับ”

ชเวอินซอบกะพริบตาที่กลมโตรัวๆ พลางถามความเห็นด้วยในที อีอูยอนเอียงคอถาม

“นี่คุณล้อเล่นอยู่เหรอครับ”

ได้ยินดังนั้นชเวอินซอบก็ห่อไหล่พลางรีบกล่าวขอโทษ

“ขอโทษอะไรกันล่ะครับ”

“รสนิยมของคุณอาจจะเปลี่ยนไปในระหว่างที่ผมไม่ได้ทำงานก็ได้ ผมไม่ได้พิจารณาให้ดีก่อน…”

อีอูยอนก้มลงมองชเวอินซอบด้วยสีหน้าที่บอกว่านี่มันเรื่องไร้สาระอะไรอีก

“ถ้าจำเป็น ผมจะเรียนรู้ใหม่อีกครั้งครับ”

ดูจากคำพูดที่พูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวแล้ว ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่การล้อเล่น อีอูยอนกลั้นยิ้มเอาไว้ กวนอารมณ์อย่างนั้นเหรอ พูดจากใจจริงๆ ใช่ไหม

สิบวันแล้ว ที่พวกเขาได้แต่คุยโทรศัพท์กันอย่างเดียว เพราะตารางการถ่ายทำที่ต่างจังหวัด

กับคนที่ทำได้แค่อดกลั้นความอยากจะจับอีกฝ่ายข่มขืนบนเตียงในโรงพยาบาล จะพูดอะไรก็ได้สินะ อีอูยอนเอื้อมมือไปเสยผมของอินซอบที่ชื้นเหงื่อและแนบติดกับหน้าผากขึ้น

“ไม่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มหรอกครับ เพราะรสนิยมของผมยังเหมือนเดิม”

“งั้นผม…”

ดวงตากลมโตของชเวอินซอบเป็นประกายทันที

อีอูยอนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเขาจะลากอินซอบเข้าไปที่ห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องพักผู้ป่วย และดึงกางเกงของอีกฝ่ายลงมาก่อนจะกระแทกเข้าไปทางด้านหลังตอนนี้เลยได้ไหม

“ไม่ได้ครับ”

พออีอูยอนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ชเวอินซอบก็ห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด หัวหน้าทีมชาที่เห็นภาพนั้นเอ่ยถามเหตุผลว่า ‘ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ’ ความจริงแล้วต่อให้บอกว่าชเวอินซอบเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนที่ลงมาจากฟ้าก็ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก

“ผมไม่อยากใช้งานคุณอินซอบเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผม”

“…แล้วอยากใช้ฉันเหรอ”

“ก็หัวหน้าทีมชาแข็งแรงดีนี่ครับ”

อีอูยอนพูดเหตุผลอย่างหมดจด

“คนที่แข็งแรงกว่าฉันสามารถหาได้ในโรงพยาบาลนี้ประมาณร้อยคนเลยมั้ง”

หัวหน้าทีมชายันร่างกายท่อนบนขึ้นมาเรียกร้อง

“งั้นก็หาสิครับ เอาคนที่แยกหมากับถุงพลาสติกสีดำออกนะครับ”

“…”

หัวหน้าทีมชาจับต้นคอก่อนจะนอนลงไปตามเดิม

“ผมจะทำครับ ผมทำได้ ผมแยกหมากับถุงพลาสติกสีดำออกครับ”

ชเวอินซอบแทรกบทสนทนาอีกครั้ง อีอูยอนทำปากคว่ำอยู่แวบหนึ่ง

“แล้วผมก็แข็งแรงดีครับ ก่อนหน้านี้คุณก็เห็นผลตรวจแล้วนี่ครับ”

“อย่าหักโหมเกินไปนะครับ”

“ไม่ได้หักโหมเลยครับ แล้วผมก็กำลังหางานพาร์ทไทม์อยู่ด้วยครับ เพราะตั้งแต่สัปดาห์หน้าผมจะปิดเทอมแล้ว”

อินซอบเริ่มไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหลังจากกลับมาที่เกาหลี เขาเข้าเรียนผ่านการคัดเลือกสำหรับชาวต่างชาติ และเรียกวิชาเอกวรรณกรรมเกาหลี เขาสนุกกับการเรียนจึงอ่านหนังสือทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ถ้าหากได้จับหนังสือสักครั้ง ก็ไม่มีทางที่เขาจะลุกจนกว่าจะอ่านวรรคสุดท้ายของบทร้อยกรองชีโจ[1] จบ เขามีความอดทนและสมาธิต่างจากคนอื่นในสภาพที่ร่างกายอ่อนแอ

แต่เขาก็เคยเลือดกำเดาไหลอยู่หลายครั้ง ถึงขนาดทำให้คำพูดที่ว่าอยากจะเผาหนังสือทิ้งให้หมดหลุดออกมาจากปากของอีอูยอนได้ พอเห็นอินซอบกลัวคำพูดนั้นจนเบิกตาโพลง อีอูยอนก็บอกว่าล้อเล่นพร้อมกับยิ้มให้ แต่แน่นอนว่าเขาพูดจริง

“จะทำงานพาร์ทไทม์ทำไมล่ะครับ”

“คนอายุเท่าผมไม่สามารถรบกวนพ่อแม่ได้ตลอดไปแล้วนี่ครับ ต่อให้ทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวไม่ได้ ผมก็จะหางานอื่นอยู่ดี”

เขาเห็นความตั้งใจแน่วแน่ในดวงตาของอินซอบ ถ้าคนที่อ่อนโยนและนิสัยดีได้ตัดสินใจไปครั้งหนึ่งแล้วจะไม่มีทางถอยเด็ดขาด

“เข้าใจแล้วครับ เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะครับ”

ชเวอินซอบพยักหน้า ตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงข้อความจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของกรรมการผู้จัดการคิม กรรมการผู้จัดการคิมอ่านข้อความที่สะสมอยู่ตามลำดับก่อนจะถอนหายใจ

“เขาบอกว่าพวกนักข่าวกำลังจับจองพื้นที่กันอยู่หน้าโรงพยาบาล”

“ไปเถอะครับ”

“เขาลือกันว่านายเมาแล้วขับจนขับรถชน และกำลังนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยโคม่าน่ะ”

อีอูยอนตอบว่า ‘อ๋อ อย่างนั้นเหรอครับ’ อย่างสบายๆ ด้วยน้ำเสียงที่สื่อว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับตน ความสบายใจนั้นทำให้ภายในใจของกรรมการผู้จัดการคิมกลายเป็นสีดำ

“ต้องลงข่าวตอบโต้สิ”

“แล้วผมเป็นคนเขียนข่าวเหรอครับ พวกนักข่าวสิครับต้องเป็นคนเขียน”

“ก็ไปโผล่หน้าให้เขาเห็นสักครั้งสิ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ซื้อใจพวกนักข่าวนะ”

“ซื้อใจไอ้พวกคนที่มาเก็บข้อมูลไปเขียนข่าวว่าคนกำลังนอนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยโคม่าแล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะครับ”

“…อูยอน”

กรรมการผู้จัดการคิมพูดว่าขอร้องเสียงเบาพร้อมกับทำมือขอร้องไปด้วยพลางกุมหน้าผาก ต่อให้เป็นห้องเดี่ยว แต่ก็เป็นโรงพยาบาลที่บุคลากรทางการแพทย์จะเข้ามาตอนไหนก็ได้อยู่ดี

“โอเค ฉันจะลงไปบอกเองว่าคนขับรถคือฉัน และคนที่บาดเจ็บก็คือฉันด้วย ยังไงพวกนักข่าวที่พอใช้ได้ก็รู้จักหน้าฉันอยู่แล้ว”

หัวหน้าทีมชายันตัวลุกขึ้นจากเตียง เขาร้อง ‘อึก’ และกลั้นเสียงร้องเอาไว้ เพราะความเจ็บปวดที่พุ่งขึ้นมาที่ขา ชเวอินซอบเห็นดังนั้นก็ทำตัวไม่ถูกและถามว่า ‘จะให้เรียกพยาบาลไหมครับ จะให้เรียกหมอไหมครับ’

อีอูยอนชักจะเหนื่อยหน่ายขึ้นทุกที ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ เรื่องที่เขาจะลากชเวอินซอบออกจากโรงพยาบาลคงเป็นเรื่องอีกไกล

“ห้านาทีเท่านั้นนะครับ ถ้าครบห้านาทีแล้วผมจะขึ้นมาทันที”

ใบหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมสดใสขึ้นเพราะคำพูดของอีอูยอน

“โอเค แค่ไปโผล่หน้าให้เห็นก็พอ ห้านาทีอะไรกันล่ะ สามนาทีก็พอแล้ว”

กรรมการผู้จัดการคิมหยิบเสื้อคลุมที่ถอดทิ้งไว้ขึ้นมาและออกจากห้องพักผู้ป่วยไปพร้อมกับอีอูยอน พอประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลง หัวหน้าทีมชาก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาก่อนจะฝังหน้าลงกับหมอน

“ให้กดปุ่มเรียกพยาบาลไหมครับ”

“ไม่เป็นไร ฉีดยาแก้ปวดไปแล้วล่ะ”

“ต้องการอะไรอีกไหมครับ”

อินซอบช่วยจัดหมอนให้พลางเอ่ยถาม

“ฉันขอน้ำหน่อย”

อินซอบรีบรินน้ำใส่แก้วและยื่นให้หัวหน้าทีมชา

“ค่อยๆ ดื่มนะครับ”

พอสบสายตาที่ไร้เดียงสาของอินซอบ หัวหน้าทีมชาก็หนักใจขึ้นมา แม้จะบอกว่าไม่มีใครเหมาะสมกับงาน แต่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการหยิบเอาเด็กหนุ่มที่อ่อนโยนและใจดีใส่ลงไปในหลุมพรางของปีศาจ

“นี่คุณอินซอบ”

“ครับหัวหน้าทีม”

“งานน่ะ ไอ้นั่นน่ะ ไม่ต้องทำก็ได้นะ”

ชเวอินซอบร้องตกใจก่อนจะทำตาโต

“พูดกับฉันตรงๆ ก็ได้ ฉันจะบอกกับกรรมการผู้จัดการคิมให้”

อินซอบลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันหัวค*ยเลยสักนิดครับ”

หัวหน้าทีมชาที่ดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลัก ไอโขลกๆ ออกมา อินซอบตกใจและลูบหลังให้เขา

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“นายว่ายังไงนะ…”

พอคำพูดที่ตรงไปตรงมาหลุดออกมาจากปากของเด็กหนุ่มที่สุภาพและไม่เคยพูดคำหยาบออกมาสักคำ หัวหน้าทีมชาก็ไม่เชื่อหูตัวเอง

“คือไอ้นั่น…มันไม่ได้เป็นชื่อเรียกไอ้นั่นของผู้ชายเหรอครับ”

เขารู้ว่าอินซอบอ่อนเรื่องคำหยาบ คำที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต และคำเฉพาะถิ่น ถ้าคิดให้ละเอียดก็คือเพราะอีกฝ่ายเป็นคนต่างชาติที่มีสัญชาติอเมริกา

พอเห็นหัวหน้าชาหัวเราะฮ่าๆๆๆ ไม่หยุด อินซอบก็หน้าแดง เพราะเขารู้ว่าตัวเองทำผิดอีกแล้ว

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามีความหมายอื่นด้วย…”

“ไม่หรอก ไม่รู้ก็ได้นี่”

หัวหน้าทีมชาพูดอย่างจริงใจก่อนจะตบบ่าอินซอบเบาๆ เขารู้ความหมายนั้นดี และก็อาจจะมีคนอย่างอีอูยอนที่ใช้คำนั้นเมื่อมีโอกาสก็ได้…

พอเห็นอินซอบหยิบสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋า และขีดเขียนจดอะไรบางอย่างลงไป หัวหน้าทีมชาก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“นิสัยนั้นยังไม่เปลี่ยนเลยนะ”

อินซอบที่เขียนว่า ‘หาความหมายของคำว่าไอ้นั่น’ ลงไปในสมุดโน้ตยิ้มร่า

เป็นเด็กหนุ่มที่จิตใจดีและจริงใจขนาดนั้นได้ยังไงกัน

พอนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา หัวหน้าทีมชาก็ลำคอตีบตัน

“คุณอินซอบ อีอูยอนเขาดีกับคุณหรือเปล่า”

“ครับ? เอ่อ…ครับ”

ชเวอินซอบที่แก้มแดงและแดงไปจนถึงต้นคอตอบอ้อมแอ้มเสริมว่า ‘ดีมากๆ เลยครับ’

หัวหน้าทีมชาขบฟัน ไอ้คนที่เหมือนกับปีศาจนั่นใช้แผนอะไรกัน

“คุณอินซอบ ฉันพูดเผื่อไว้เฉยๆ นะ ถ้า…ถ้านะ…ถ้าเขาทำอะไรไม่ดีกับนายล่ะก็ ต้องบอกกรรมการผู้จัดการคิมนะ ฉันกลัวว่านายจะไม่รู้ก็เลยจะบอกให้ว่า เบอร์โทรเรียกตำรวจของประเทศเราคือ 112 นะ”

อินซอบดีดตัวพรวดพลางโบกมือทั้งสองข้าง

“ไม่ครับ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกครับ คุณพูดว่าตำรวจเหรอครับ”

“จำไว้แล้วกัน อาจมีเรื่องจำเป็นต้องใช้…เฮ้อ ไม่หรอก เรียกว่าการหนีเอาตัวรอดหรือเปล่านะ”

ชเวอินซอบดึงสมุดโน้ตออกมา และเขียนคำที่หัวหน้าทีมชาใช้พลางพยักหน้า

“มันหมายความว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ให้หนีไป เข้าใจไหม”

“เข้าใจอะไรเหรอครับ”

เสียงของอีอูยอนดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับเงาของเขา

“อ๊าก! ตกใจหมด! นายเป็นคนยังไงเนี่ยถึงได้ไม่มีเสียงเท้าเลย!”

“มีสิครับ หัวหน้าทีมไม่ได้ยินเพราะหูตึงไงล่ะครับ ไหนๆ แล้วก็ไปตรวจการได้ยินดูนะครับ”

อีอูยอนใช้แขนโอบไหล่อินซอบก่อนจะพูดต่อ

“ว่าแต่ใครจะหนีเหรอครับ หืม?”

“เปล่านะ เรื่องนั้นน่ะ…”

หัวหน้าทีมชาหลบตาสุดชีวิตก่อนค่อยๆ นอนลงไปตามเดิม

“คุณอินซอบจะทิ้งผมแล้วหนีไปเหรอครับ”

ได้ยินดังนั้นอินซอบก็ส่ายหน้าอย่างตั้งใจ อีอูยอนตบไหล่อินซอบเบาๆ

“นั่นสิครับ ผมก็ไม่มีความคิดที่อยากจะออกข่าวตอนเก้าโมงเช้าเหมือนกัน”

ถ้ารู้เจตนาที่แท้จริงล่ะก็ นี่เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก หัวหน้าทีมชาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มถึงไหล่ เพราะบรรยากาศของห้องพักผู้ป่วยที่เย็นขึ้นมาพลางเอ่ยถาม

“การสัมภาษณ์ล่ะ”

“พวกนักข่าวขึ้นมาจนถึงชั้นสี่ และถ่ายรูปอย่างเดียวก็จบแล้วครับ ส่วนกรรมการผู้จัดการบอกว่าขอไปทำธุระหน่อย แล้วจะขึ้นมา พวกผมขอตัวก่อนนะครับ”

“โอเค รีบไปเถอะ”

หัวหน้าทีมชาโบกมือครั้งสองครั้ง พอได้ยินเสียงประตูปิด หัวหน้าทีมชาก็หลับตาลง ขณะที่เขาปล่อยสติไว้กับความง่วงที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดอีกครั้ง

“…อะไรอีกล่ะ”

หัวหน้าทีมชาพึมพำด้วยเสียงที่เจือความรำคาญ โชคไม่ดีที่ต่อให้เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่เป็นปกติ แต่เขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ในคราวเดียวว่าอีกฝ่ายเป็นใครอยู่ดี

“ผมเพิ่งคิดออกครับว่ายังมีเรื่องที่ไม่ได้พูด”

อีอูยอนสาวเท้าเข้ามาตรงข้างเตียง หนุ่มรูปงามผู้มีความงามที่ยอดเยี่ยมติดตัวก้มตัวลงมาก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“หัวหน้าทีมชาครับ”

“ว่าไง”

แม้จะรู้ถึงการมีอยู่ของปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในเนื้อหนังนั้น แต่หัวหน้าทีมชาก็ยังคิดว่าไอ้หมอนี่มันหล่อโคตรๆ ไปชั่วขณะ

“รู้ใช่ไหมครับว่าช่วงนี้ผมออกกำลังกายเพิ่ม และกำลังปรับอาหารการกินให้เหมาะสมอย่างพิถีพิถัน”

“เออ รู้สิ”

เดิมทีอีอูยอนก็เป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดีอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เขาดูแลตัวเองอย่างพิถีพิถันจนเทียบไม่ได้เลยกับเมื่อก่อน พอเห็นอีกฝ่ายทำเองอย่างขะมักเขม้นโดยไม่มีใครสั่งแล้ว ในฐานะต้นสังกัดพวกเขาก็ควรจะต้องดีใจ แต่หัวหน้าทีมชาที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอนดีกลับไม่ชอบเป็นอย่างมาก กรรมการผู้จัดการคิมถึงขนาดตัวสั่นด้วยความกังวลใจว่า ‘ไม่ใช่ว่าหมอนั่นมันอ่อนแอลงหรอกนะ’ หัวหน้าทีมชาเองก็ไม่รู้เหตุผลนั้น และจับตามองอีอูยอนด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

“ผมอยากมีชีวิตอยู่ไปนานๆ ครับ”

อีอูยอนสารภาพความในใจของตนออกมานิ่งๆ

“ว่าไงนะ”

“ผมอยากมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรงไปนานๆ ครับ”

แม้จะเป็นหัวหน้าทีมชาที่เชื่อมั่นในตนเองว่าตนรู้จักอีอูยอนดีแล้ว แต่เขาก็รู้สึกงงไม่น้อย ในชั่วพริบตาอีอูยอนที่อยู่ตรงหน้าก็ดูเป็นมนุษย์อย่างมาก

ว่ากันว่าคนเราจะกลับตัวกลับใจถ้าหากได้เจอคนดีๆ อย่าบอกนะว่าหมอนั่น…

“เพราะฉะนั้นต่อไปก็เหยียบไปเลยนะครับ”

“ว่าไงนะ”

“ไม่ว่าจะหมาหรือคนก็เหยียบผ่านไปเลยครับ ถ้าขับรถแบบนั้นอีกครั้งเดียวละก็”

อีอูยอนไม่พูดต่อให้จบ เจ้าตัวหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะยืดตัวตรง ไม่จำเป็นต้องพูดต่อ และเขาก็ไม่อยากจินตนาการด้วย

อีอูยอนตบบ่าของหัวหน้าทีมชาที่หน้าซีดก่อนจะพูดอย่างไร้อารมณ์ร่วมว่า ‘หายป่วยไวๆ นะครับ’ และออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

และแล้วหัวหน้าทีมชาก็ได้รู้ว่าความคิดของตนผิดไปมาก

การกลับตัวกลับใจเป็นคำที่มีไว้สำหรับมนุษย์ ไม่ใช่ไอ้สัตว์สี่ขานั่น

“…อินซอบ 112 นะ…”

หัวหน้าทีมชาพึมพำอย่างว้าเหว่พลางหลับตาลงอีกครั้ง

[1] บทร้อยกรองชีโจ เป็นบทร้อยกรองของเกาหลีมีจำนวนทั้งหมดสามวรรค

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท