เสียงเรียกเข้าแหลมๆ พรากบรรยากาศที่สงบสุขไป ชายหนุ่มกลั้นคำสบถเอาไว้พลางนิ่วหน้า เสียงเรียกเข้าที่เขาถามว่าจะดังอีกกี่ครั้งกันแน่ก็ดังต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ สุดท้ายอีอูยอนก็ยันตัวขึ้นมา และหาโทรศัพท์จากกองเสื้อผ้าที่กระจายอยู่บนพื้น วินาทีที่เห็นชื่อของกรรมการผู้จัดการคิมที่หน้าจอ เขาก็ปิดเครื่องอย่างไม่ลังเลก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนพื้น
“ใคร…”
อินซอบปรือตาขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถาม อีอูยอนตอบว่า ‘โทรศัพท์ก่อกวนน่ะครับ’ และโอบกอดอินซอบไว้ในอ้อมแขนของตน และนอนลงอีกครั้ง
ผ่านไปไม่นานเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครี่องอื่นก็ดังขึ้น อินซอบจำเสียงเรียกเข้าของตัวเองได้ และพยายามจะลุกขึ้น
“โทรศัพท์ก่อกวนน่ะครับ อย่ารับเลย”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องไปดูนะครับว่าเป็นใคร”
“ไอ้คนที่โทรมาในเวลาแบบนี้ไม่มีทางที่จะมีธุระที่เหมาะสมหรอกครับ”
อีอูยอนเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังก่อนจะเอ่ยตอบ เจ็ดโมงเช้า เสียงเรียกเข้าตัดไปแล้ว
“รีบนอนต่อเถอะครับ”
พวกเขามีอะไรกันจนพระอาทิตย์ขึ้น อีอูยอนกอดอินซอบและตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ เสียงลมหายใจของอินซอบผ่อนคลายลงจนสม่ำเสมออีกครั้ง แต่ความสงบสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน
เสียงเรียกเข้าเริ่มดังขึ้นเหมือนกับเป็นบ้าอีกครั้ง อีอูยอนสบถว่า ‘ไอ้เหี้ย’ ก่อนจะลุกขึ้น เขาลงจากเตียง และหาที่มาของเสียง ชเวอินซอบลืมตาที่ง่วงงุนขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาเห็นว่าอีอูยอนหยิบเสื้อคลุมตัวนอกของตนขึ้นมา เขาจึงรีบลุก
“ผม ผม…!”
อินซอบถลาตัวไปก่อนที่อีอูยอนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมตัวนอกของตน แต่เขาก็ไม่สามารถเดินได้อย่างเป็นปกติเพราะเรื่องเมื่อวาน เขาดึงผ้าห่มและล้มลงไปด้านล่างเตียง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ ส่วนโทรศัพท์ผมจะ…”
อินซอบเอาผ้าห่มมาห่อตัวไว้และลุกขึ้น เขาแย่งเสื้อคลุมตัวนอกมาจากมือของอีอูยอน เขาลองค้นในกระเป๋า และมือของเขาก็คลำเจอกระดาษที่ได้รับเมื่อวานอย่างที่คิด
“ซ่อนก้อนทองไว้เหรอครับ”
อีอูยอนยิ้มก่อนจะเอ่ยถาม อินซอบหาโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้ออีกข้างอย่างใจเย็น และหยิบออกมา
“ปะ เปล่าครับ…กรรมการผู้จัดการล่ะครับ”
ชเวอินซอบมองชื่อที่ปรากฏบนจอ และพูดพึมพำ
“ไม่ต้องรับครับ”
อีอูยอนตอบอย่างสดชื่น
ฉันแก่ขึ้นเป็นสิบปี เพราะหมอนั่น ก่อนที่จะเจอหมอนั่นนะ อย่าว่าแต่อายุสี่สิบเลย คนบอกว่าฉันดูเหมือนอายุสามสิบต้นๆ ไม่สิ ยี่สิบปลายๆ ด้วยซ้ำ
ราวกับได้ยินเสียงของกรรมการผู้จัดการคิมที่สาธยายความภูมิใจของตัวเองพร้อมกับนินทาอีอูยอนอย่างจริงจัง เสียงเรียกเข้าที่ตัดไปแล้วหนึ่งครั้งก็เริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง
“เหมือนจะต้องรับนะครับ”
อินซอบก้มลงมองหน้าจอด้วยสีหน้าเป็นกังวล ไม่มีเรื่องที่กรรมการผู้จัดการจะโทรศัพท์มาในเวลาแบบนี้ เขาคิดว่าโทรศัพท์ที่โทรมาหาอีอูยอนก่อนหน้านี้อาจจะเป็นกรรมการผู้จัดการคิม จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
“จะรับแล้วนะครับ”
วินาทีที่อินซอบพูดแบบนั้น
“ฮัลโหล”
อีอูยอนรับโทรศัพท์และเปิดสปีกเกอร์โฟนตามใจชอบ อินซอบที่ขี้กลัวตัวแข็งเป็นน้ำแข็ง
[…อีอูยอนเหรอ ทำไมนายถึงรับโทรศัพท์ล่ะ นี่โทรศัพท์ของอินซอบไม่ใช่หรือไง]
กรรมการผู้จัดการคิมที่อยู่ที่ปลายสายแสดงท่าทีมึนงงออกมาอย่างชัดเจน ใบหน้าของอินซอบซีดเผือด อินซอบกระสับกระส่ายเพราะไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายว่าอะไรดี
“คุณอินซอบแวะเข้ามาเพราะมีธุระน่ะครับ”
อินซอบมองอีอูยอนที่พูดโกหกอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีพิรุธด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ แล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนความคิด ‘นี่มันไม่ใช่หรือเปล่า’ นี่คือเวลาเจ็ดโมงเช้า ในวันที่ไม่มีตารางงาน ถ้าบอกว่ามีธุระในเวลาแบบนี้ ใครจะเชื่อกันล่ะ
[เอ่อ…อย่างนั้นเหรอ เอาเถอะ ฉันจะให้เขาไปปลุกนายนั่นแหละ…โชคดีไป]
แต่กรรมการผู้จัดการคิมกลับยอมรับได้รวดเร็วเกินคาด อินซอบคิดว่าโชคดีมากๆ พลางถอนหายใจ และอีอูยอนที่อยู่ข้างๆ ก็ทำตายิ้ม และจ้องมองเขา
“มีเรื่องอะไรในเวลานี้เหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถาม แม้การพูดจะสุภาพ แต่กลับมีหนามโผล่ออกมาในคำพูด
[อ๋อ เรื่องนั้นน่ะ…]
กรรมการผู้จัดการคิมพูดอ้อมแอ้ม
“โทรมาในเวลานี้ ก็ต้องมีธุระสำคัญไม่ใช่เหรอครับ”
ลองพูดว่าไม่ใช่ดูสิ เขาสามารถเดาคำพูดต่อท้ายที่ถูกตัดไปได้ไม่ยาก
เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของกรรมการผู้จัดการคิมจากปลายสาย ชเวอินซอบทำมือของให้อีอูยอนส่งโทรศัพท์มา
“มีเรื่องอะไรเหรอครับกรรมการผู้จัดการ”
ชเวอินซอบเอ่ยถามอย่างสุขุมที่สุด เขาจะต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ และสุขุมในตอนที่คุยเรื่องงาน
[เหมือนข่าวฉาวของอีอูยอนจะหลุดน่ะ]
“…!”
“ได้แล้ว”
อีอูยอนฉวยโทรศัพท์ที่หล่นจากมือของอินซอบไว้ได้
“ว่าอะไรนะครับ”
อีอูยอนเอ่ยถามอย่างนิ่งเฉยเหมือนกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
[บอกว่าเหมือนข่าวฉาวจะหลุดน่ะ…ข่าวจะตีพิมพ์พรุ่งนี้เช้า]
“อ๋อ อย่างนั้นเหรอครับ”
อีอูยอนใช้หลังมือถูแก้มของอินซอบที่เย็นเป็นน้ำแข็งพลางตอบรับ อินซอบที่แพนิคเพราะคำว่าข่าวฉาวมือสั่นระริก
ถูกถ่ายรูปที่ไหนหรือเปล่า เราบอกว่าจะระวังตัวแท้ๆ ทำยังไงดีล่ะ ถ้าอาชีพนักแสดงของคุณอีอูยอนพังเพราะเรา เราจะทำยังไง
อินซอบกะพริบตาที่กลมโตถี่ๆ และเงยหน้ามองอีอูยอน เพราะเขาตั้งสติได้อย่างยากลำบาก น้ำตาคลออยู่ที่ดวงตาสีดำสนิทที่ทำท่าจะร้องไห้
อีอูยอนทำปากบอกว่า ‘ไม่เป็นไรครับ’ เขาปลอบอินซอบพร้อมกับคุยโทรศัพท์ต่อ
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ”
[…นายไม่เป็นไรเหรอ]
“พวกข่าวฉาวมันเกิดแค่วันสองวันเหรอครับ ไม่มีใครเขาอ่านข่าวอักษรย่อกันหรอกครับ”
[ไม่ใช่ข่าวอักษรย่อ เขาบอกว่าใช้ชื่อจริงเลย แล้วอีกฝ่ายก็คือ…]
อินซอบเริ่มตัวสั่นเหมือนกับต้นหลิวที่สั่นไหว
น่ารักฉิบหายเลย อีอูยอนกอดอินซอบไว้แน่น เขาคิดว่าถ้าพยายามใช้เรื่องนี้ เขาจะได้สามารถรั้งอินซอบไว้กับตัวได้ชั่วชีวิต และเขาก็กลั้นยิ้มเอาไว้
[…แชยอนซอ]
“ฮ่าๆๆๆ”
อีอูยอนเสยผมขึ้นก่อนจะหัวเราะ เมื่อได้ยินว่าคนในข่าวไม่ใช่ตัวเอง อินซอบที่ถูกกอดอยู่ในอ้อมแขนก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าโล่งอกอย่างมาก
“ทำไมผมถึงมีข่าวกับยัยนั่นล่ะครับ”
อีอูยอนที่ไม่พอใจกับท่าทีสบายใจของอินซอบจงใจกอดอินซอบให้แน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยถาม
[ไร้สาระที่สุด เฮอะ ทำไมต้องเป็นข่าวกับนายด้วย แชยอนซอโชคไม่ดีโค…ยังไงก็เถอะ มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว]
อีอูยอนพูดว่า ‘อะไรวะ’ พลางเดาะลิ้น
แชยอนซอที่โด่งดังจากรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักและให้ความรู้สึกว่าใสซื่อ เป็นนักแสดงหญิงระดับแถวหน้าที่ถูกบันทึกสถิติไว้ว่าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในวงการโฆษณาถึงสิบปี แม้จะพูดว่าเธอได้รับความรักจากคนทั้งประเทศก็ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก เพราะหญิงสาวที่เริ่มต้นจากการเป็นนักแสดงเด็กมีทักษะการแสดงที่โดดเด่น และชีวิตส่วนตัวก็ขาวสะอาด
“ยัยนั่นคบกับอีชอลฮวานอยู่นี่ครับ”
อาการตกใจปรากฏในดวงตาของอินซอบ ถ้าเขาจำไม่ผิด อีชอลฮวานเป็นชื่อของผู้อำนวยการแผนกละครของบริษัท N เขาเป็นโปรดิวเซอร์ระดับแนวหน้าถึงขนาดที่แค่สองมือยังไม่พอที่จะนับรายการที่เขาทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะทุกอย่างที่เขาทำล้วนยอดเยี่ยมทั้งหมด และเขาก็เป็นผู้สมัครที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้เป็นประธานของบริษัท N ในสมัยหน้า พอรวมกับพื้นหลังที่เป็นลูกชายคนเล็กของประธานบริษัทสื่อสารมวลชนแห่งหนึ่งแล้ว อิทธิพลของเขาในแวดวงผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ไม่เป็นรองใครเลย
“ผู้อำนวยการอีเขา…”
อินซอบพึมพำด้วยสีหน้าเหม่อลอย
[เป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ใช่ นั่นแหละปัญหา]
ผู้อำนวยการอีชอลฮวานมีชื่อเสียงในเรื่องของภาพลักษณ์ที่ซื่อตรง และมีความสามารถโดยไม่มีจุดให้จับผิด ถึงขนาดที่มีคำพูดที่ว่าแค่เอาพวกโปรดิวเซอร์ที่นับถือเขามาเรียงแถวกันแล้ว ต่อให้ล้อมรอบสถานีโทรทัศน์แล้วก็ยังเหลือเลย ในวินาทีที่อินซอบคิดว่าตัวเองรู้จักวงการบันเทิงทั้งหมด โลกที่เขาไม่รู้จักก็ถูกเปิดออก …จะว่าไปคนที่เป็นตัวอย่างได้ดีที่สุดก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่นา
อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอนพร้อมกับรู้สึกขมขื่น
“คนที่น่าจะรู้ความสัมพันธ์ของสองคนนั้นก็รู้กันหมดนี่ครับ”
[การรู้กันหมดกับการเป็นข่าวเป็นปัญหาที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงนะ]
ดูเหมือนว่าจะถูกถ่ายรูปที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไว้ด้วย แต่ถึงอย่างไรอีอูยอนก็ไม่พอใจกรรมการผู้จัดการคิมที่ทำลายเช้าอันแสนหวานของเขาด้วยเรื่องแบบนั้นเป็นอย่างมาก
“แล้วมีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่เหรอครับ ถึงได้โทรมาในเวลานี้ แค่แย้งไปว่าไม่ใช่ก็พอแล้วนี่ครับ กรรมการผู้จัดการก็ให้ข่าวไปเองเลยสิครับ”
อีอูยอนพูดแบบนั้น และกำลังจะตัดสาย
[…ปัญหาก็คือไม่สามารถแย้งได้น่ะสิ]
ถ้าเสียงของกรรมการผู้จัดการคิมไม่แทรกเข้ามาเสียก่อน
“ทำไมถึงแย้งไม่ได้ล่ะครับ”
น้ำเสียงของอีอูยอนต่ำลง
[ก็นายเล่นละครของบริษัท N ไม่ได้ เพราะเรื่องคราวก่อนไง]
อินซอบนึกถึงเรื่องที่อีอูยอนจงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เพื่อที่จะมาเจอตน จากอุบัติเหตุของคังยองโมถูกโยงกับเรื่องนั้น ในท้ายที่สุดการถ่ายละครก็ถูกยกเลิกไป แต่เรื่องที่อีกฝ่ายถูกห้ามไม่ให้เล่นละครของบริษัท N เพราะเรื่องนั้น เป็นความจริงที่เขาเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก
พออินซอบทำตาโต อีอูยอนก็เดาะลิ้นเบาๆ
“ไม่ได้โดนห้ามซะหน่อยครับ เป็นเพราะหลายๆ อย่างไม่ตรงกันเฉยๆ นี่ครับ”
[ก็เพราะเขาไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด และประกาศอย่างเป็นทางการไง โดนห้ามน่ะถูกแล้ว เพราะเรื่องนั้น นาย…เฮ้อ…เอาเถอะ เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วนี่ จะทำอะไรได้ล่ะ]
“นั่นไงครับ ทำไมถึงพูดเรื่องที่ผ่านไปแล้วล่ะครับ มันทำให้ผมหงุดหงิดนะ”
อีอูยอนมองอินซอบที่กระสับกระส่ายพลางนิ่วหน้าเล็กน้อย
[ยังไงก็ตาม เพราะสถานการณ์ในตอนนี้เป็นแบบนั้นไปแล้ว ทางฝั่งนั้นก็เลยขอร้องให้นายช่วย]
“ว้าว แม่งเอ๊ย พวกเขากินกันอย่างตะกละตะกลาม แต่ดันเก็บงานไม่ได้ ก็เลยเอาผมที่ไม่มีความผิดอะไรเข้าไปเกี่ยวด้วย และสร้างข่าวขึ้นมาเหรอครับ แล้วก็ใช้การเล่นละครเป็นเหยื่อล่อเหรอครับ”
อีอูยอนยิ้มด้วยใบหน้าที่หวานเหมือนกันขนมสายไหมพร้อมกับพูดถ้อยคำที่รุนแรงออกไป
[…เออ]
กรรมการผู้จัดการคิมยอมรับสั้นๆ อินซอบมองอีอูยอนด้วยความรู้สึกหวาดผวา
“กรรมการผู้จัดการของเราเอาผมเข้าไปใส่ในข่าวฉาวเหี้ยๆ นั่น และคิดที่จะขายผมกินนี่เอง”
[เฮ้ย! ไม่ใช่นะ! ไม่ยุติธรรมเลย! ฉันเองก็เพิ่งได้รับการติดต่อมาเหมือนกัน เขาบอกว่าเพราะนี่เป็นเรื่องด่วน ก็เลยตัดสินใจจะเขียนข่าวแบบนี้ไปก่อน พอได้รับโทรศัพท์ ฉันก็โทรหานายเลย…แต่นายไม่รับ แล้วดันมารับด้วยโทรศัพท์ของอินซอบ]
“จะไม่ยุติธรรมหรืออะไรก็ช่าง อย่าว่าแต่กินกันกับยัยนั่นเลย ผมไม่เคยกินข้าวกับยัยนั่นเลยสักครั้ง ผมจะทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องนี้ก็แล้วกันนะครับ”
[นี่! ต่อให้นายจะพูดอย่างนั้น แต่….เฮ้อ อีอูยอน คิดดีๆ นะ นี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่แย่เลย]
“อะไรล่ะครับที่ไม่ใช่ข้อเสนอที่แย่ ทำไมชีวิตที่ขาวสะอาดของผมจะถูกทำให้เปรอะเปื้อนด้วยไอ้อีคู่นั้นด้วยครับ”
[ขาวสะอาดเหลือเกิน…ฮ่าๆๆ ไม่หรอก เพราะฉะนั้น ข่าวฉาวมันเกิดแค่วันสองวันอย่างที่นายพูดหรือไง]
ถ้าจะมีข่าวไม่ดีที่ตามติดนักแสดงอีอูยอนที่สมบูรณ์แบบก็คงจะเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้หญิง
[ก็แค่อยู่กันไปเดือนสองเดือนโดยทำเป็นไม่รู้อะไร แล้วก็บอกว่าเลิกกันเพราะความต่างของนิสัยสิ]
“ยังไงนักแสดงที่เล่นละคร หรือภาพยนตร์ด้วยก็ตกหลุมรักยัยนั่นอยู่แล้ว บอกให้เลือกใครก็ได้เถอะครับ”
[เป็นใครก็ได้เหรอ]
ถ้าอยากจะปิดข่าวแบบนั้นก็จำเป็นที่จะต้องเป็นข่าวที่ใหญ่กว่า และนักแสดงที่อยู่ในระดับนั้นก็หาได้ยากในเกาหลี นี่เป็นสิ่งที่ผู้อำนวยการอีคิดอย่างตั้งใจ และตัดสินใจอย่างแน่นอน การซื้อขายแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
ตอนที่เริ่มทำงานได้ไม่นาน หัวหน้าทีมชาเคยพูดกับอินซอบว่า ‘วงการบันเทิงน่ะ มีเรื่องที่ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยการรับรู้ของคนทั่วไปอยู่เยอะ ไม่ต้องพยายามเข้าใจเรื่องพวกนั้นหรอก มันไม่จำเป็น’
….แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่แน่ใจอยู่ดี
ชเวอินซอบกัดริมฝีปากล่าง
“กรรมการผู้จัดการครับ”
น้ำเสียงของอีอูยอนถูกกดให้ต่ำ กรรมการผู้จัดการคิมและแม้แต่อินซอบที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเครียดขึ้นมาในชั่วพริบตา และยืดตัวตรง
[…ทำไมถึงเรียกแบบนั้นอีกแล้วล่ะ]
“รู้ไหมครับว่าเหตุผลที่ผมเลือก JN เอนเตอร์เทนเมนต์คืออะไร”
[คืออะไรล่ะ]
เป็นกรรมการผู้จัดการคิมที่อ้วกเป็นเลือด และโมโหเป็นฟืนเป็นไฟกับหัวหน้าทีมชาเสมอ ‘ทำไมอีอูยอนถึงทิ้งเอเจนซี่ที่มากมายพวกนั้น และคลานเข้ามาที่บริษัทของฉัน แล้วก็สร้างเรื่องพวกนี้เอาไว้ด้วยนะ’
“เพราะเป็นบริษัทที่ไม่สั่งในเรื่องที่ผมไม่ชอบไงครับ ผมเคารพในศรัทธาของกรรมการผู้จัดการคิมที่เป็นแบบนั้นครับ”
เขาโกหก ตอนที่เขาลงมาจากเขา และมาถึงชองดัมดง ตึกที่สะดุดตาที่สุดคือตึกของ JN เอนเตอร์เทนเมนต์ และนี่ก็เป็นงานที่เขาเริ่มด้วยความตั้งใจที่จะทำให้พ่อแม่โมโห เขาไม่มีทางเอาความตั้งใจที่สูงส่งแบบนั้นมาเลือกบริษัทหรอก
ความเงียบที่น่าอึดอัดตอบกลับมาจากปลายสาย แม้จะเป็นการซื้อขายข่าวฉาว แต่ถ้ามองเรื่องนี้กว้างๆ นี่ก็เป็นการติดสินบนอย่างที่อีอูยอนพูดจริงๆ
[ก็ได้ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ]
ในวงการบันเทิง การติดสินบนหรือการวิ่งเต้นมีอยู่มากมาย คิมฮักซึงเคยเห็นเรื่องพวกนั้นจนรู้สึกแขยงในตอนที่เป็นนายแบบ และเขาก็ตั้งใจไว้ว่าถ้าตัวเองได้เป็นประธานบริษัท เขาจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่หวั่นไหวไปกับการยั่วยวน และมีศรัทธาที่รักษามาตลอด
[ว่าแต่นายเลือกบริษัทของฉันด้วยเหตุผลแบบนั้น แล้วก็เคารพฉันด้วยเหรอ ซาบซึ้งอะไรอย่างนี้…]
“ฮัลโหล? สัญญาณไม่ค่อยดีเลยครับ”
อีอูยอนพูดแบบนั้น และวางสายไปอย่างไม่ลังเล เขากดปุ่มปิดเครื่อง และไม่ลืมที่จะเปิดโทรศัพท์
อีอูยอนโยนโทรศัพท์ไปที่ไหนสักที่ และนอนลงบนเตียง
“ทำอะไรอยู่ตรงนั้นครับ”
อีอูยอนตบที่ว่างข้างๆ ตัว และแกล้งสั่งให้อินซอบมานอนข้างๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
อินซอบเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“อะไรเหรอครับ”
“อย่างไรก็ตามถ้ามีข่าวขึ้นมา…อ๊ะ”
อีอูยอนฉวยข้อมือของอินซอบ และดึงเข้ามากอด เขาให้อินซอบอยู่บนร่างกายของตน และเพิ่มแรงไปที่แขน
“นอนต่อกันเถอะครับ”
“คุณอูยอน…”
“หยุดเรียกคุณอูยอนได้แล้วครับ เมื่อวานก็เรียกไปซะขนาดนั้น ยังไม่พอเหรอครับ”
เลือดขึ้นมากองอยู่ที่หน้าของอินซอบ เพราะคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งนั้น
“นอนเถอะครับ ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน”
อีอูยอนตบหลังอินซอบเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง
ถึงจะมีข่าวฉาวก็ไม่เป็นไรเหรอครับ ถ้าโดนห้ามไม่ให้เล่นละครของบริษัท N จะเป็นยังไงล่ะครับ…แล้วต่อไปจะทำยังไง
แม้จะมีสิ่งที่อยากถามมากมาย แต่ใบหน้าของอีอูยอนที่หลับตาอยู่นั้นสงบมากเสียจนเขาไม่กล้าพูดอะไรออกไป อินซอบจึงค่อยๆ หลับตาลง