ตอนที่ 21 หวนคืนชีวิต กำเนิดสุสานนักบุญ! (รีไรท์)
รุ่งอรุณวันถัดมา
เมื่อหนิงฝานตื่นขึ้น สตรีที่เคยอยู่บนเตียงได้หายไปแล้ว หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมลอยละล่องในอากาศ
“ผู้หญิงคนนี้ เอ่ยว่าจะเข้านอนก็คือเข้านอนไม่มีผิดเพี้ยนเลย!”
หนิงฝานยิ้มขมขื่น
เดิมคิดว่าเมื่อคืนจะได้ลองล้างพิษอีกครั้ง ทว่าจักรพรรดินีไม่ปล่อยให้เขาได้กระทำการใด ๆ ทั้งสิ้น
“ช่างเถอะ ! อย่างไรก็นอนเตียงเดียวกัน จากครั้งแรกจนถึงตอนนี้ระยะห่างจะยังนับว่ายังไกลกันอีกหรือ?”
หนิงฝานหัวเราะ ‘ฮ่า ๆ’ ขึ้นมา อารมณ์ผ่อนคลายยิ่งกว่าที่เคยเป็น!
ด้วยจิตใจปลอดโปร่งโล่งสบาย หนิงฝานฝึกฝนราวกับมีพระเจ้าคอยช่วยเหลือ
ฝึกมหาเคล็ดขัดเกลาร่างอสูรสวรรค์ถึงขั้นเล็ก หากไปถึงขั้นต่อไปย่อมไม่ห่างไกลจากขั้นบรรลุชำระร่างไร้มลทิน
เป็นอยู่เช่นนี้ จนกระทั่งสองสามวันผ่านไป
“หนิงฝาน สายลับมารายงานว่าสุสานนักบุญใกล้ถึงกำเนิดแล้ว ข้าจะพาคนไปที่นั่น ระยะนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉะนั้นจงอยู่ในพระราชวังจักรพรรดินีอย่างสงบ อย่าได้เตร็ดเตร่ไปตามใจชอบ!”
“เข้าใจแล้วภรรยา!”
หนิงฝานพยักหน้า น่าเอ็นดูยิ่งนัก
เพียงหลัวชิงเซียนจากไป หนิงฝานก็หรี่ตาตนลง
“แม้ข้าจะไม่อยากต่อสู้เข่นฆ่า แต่เพื่อภรรยาข้าแล้ว สุสานนักบุญนี้ย่อมต้องไปแล้ว!”
“ถึงอย่างไร ตอนนี้ข้าฝึกฝนเคล็ดหวนคืนชีวิต เช่นนั้นข้าย่อมไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นด้วยตนเอง!”
พรึ่บ!
จากนั้นหนิงฝานเริ่มร่ายเคล็ดหวนคืนชีวิต ทันใดนั้นร่างในเสื้อคลุมสีเทาโคร่งก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของร่างนั้นมองไม่ชัดนัก ระหว่างที่เปิดปากเอ่ยขึ้นกลับมีเสียงแหบพร่าบ่งบอกอายุอยู่เล็กน้อย
นี่เป็นลักษณะเฉพาะของเคล็ดหวนคืนชีวิต สามารถเปลี่ยนเสียง เปลี่ยนใบหน้าและอย่างอื่นได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ฝึกฝนตัวตนจำลองนี้สักระยะแล้ว แม้ไม่ประสบผลสำเร็จมากมายนัก แต่เขายังครอบครองความสามารถในการต่อสู้ของตนมากถึงห้าส่วน
ด้วยความสามารถตอนนี้ของหนิงฝาน แม้ร่างจำแลงของเขาจะมีความสามารถในการต่อสู้ของเขาเพียงห้าส่วน แต่มันย่อมมากพอที่จะเก็บกวาดทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสมบูรณ์แบบ
“ไป!”
เพียงหนิงฝานเปิดปาก ร่างจำแลงก็พยักหน้าแล้วหายลับไปในชั่วพริบตา
…
ห่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไปราวหนึ่งพันลี้ ณ หนแห่งหนึ่งในหุบเขา
เพลานี้ในหุบเขา เกิดแสงสว่างโชติช่วงเป็นวงดวง
พวกเขาพบสุสานขนาดใหญ่เลือนรางอยู่ภายใต้หุบเขา สุสานขนาดใหญ่นี้กำจายพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าตกตะลึงออกมา เป็นผลให้ภายในระยะสิบลี้ไม่อาจมีผู้ใดเข้าใกล้ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยการเคลื่อนผ่านของวันเวลา ความผกผันของกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์ค่อยลดน้อยถอยลง และเมื่อกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์เหือดหายไปสิ้น สุสานนักบุญใต้ภูเขาจึงจะโผล่ขึ้นมา
ถึงบัดนี้ ด้วยระยะสิบลี้ห่างออกไป ผู้ฝึกยุทธ์มากมายได้มารวมตัวกัน
ผู้คนในหมู่นี้บ้างเป็นสายลับจากฝ่ายธรรม บ้างเป็นสายลับจากฝ่ายอสูร ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปไร้ฝ่ายใดหนุนหลัง
“โอ้! ดูเหมือนว่าสุสานนักบุญจะถือกำเนิดขึ้นวันนี้!”
“นั่นสิ! หลังรอคอยมาหลายวัน ในที่สุดก็จะโผล่สักที!”
“จะว่าไปแล้ว สุสานนักบุญกำลังจะถือกำเนิด เหตุใดจึงมิเห็นคนจากฝ่ายธรรมะและฝ่ายอสูรมาเล่า นี่ช่างเงียบสงบยิ่งนัก”
“พวกเจ้าจะไปรู้อะไร แม้คนฝ่ายธรรมะและอสูรกำลังมา ทว่าที่นี่ย่อมมีสายลับของพวกเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หากสุสานนักบุญไม่โผล่ออกมา ทั้งสองฝั่งย่อมไม่ออกโรงง่าย ๆ เป็นเพราะว่าหากทั้งสองฝั่งพบปะกันแล้ว จะต้องเป็นเกิดศึกต่อสู้ครั้งใหญ่เป็นแน่”
“เหอะ หากรีบมา ทันทีที่ฝ่ายธรรมและฝ่ายอสูรห้ำหั่นกัน พวกเราก็เสียโอกาสแล้ว!”
“…”
ในตอนนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนากันอย่างออกรส
บางคนเฝ้ารอกำเนิดของสุสานนักบุญ ขณะที่บางคนเฝ้ารอดูสงครามระหว่างฝ่ายธรรมและอสูรเปิดฉากขึ้น
ดำเนินไปเช่นนี้ กระทั่งเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปทีละนิด ๆ
ในไม่ช้า เมื่อขอบเขตระยะสิบลี้ ลดหลั่นเหลือเพียงห้าลี้
ตู้ม!
ทันใดนั้น ปรากฏเสี้ยวรัศมีของขอบเขตจักรพรรดิอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นบนเส้นขอบฟ้า จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็รุดเข้ามาในหมู่ขุนเขา
ผู้นำเป็นสตรีในชุดขาวราวหิมะ สวมผ้าโปร่งบางปรกคลุมใบหน้า ทว่ามิอาจบดบังเสี้ยวความงามของนางแม้แต่น้อย กลิ่นอายรอบตัวนางเย็นชายิ่ง รูปร่างสูงโปร่งราวเทพธิดา แผ่พลังกายของผู้ฝึกยุทธ์จักรพรรดิออกมาเลา ๆ
ย่อมเป็นจักรพรรดินีหลัวชิงเซียน!
เบื้องหลังนางยังมีผู้ฝึกยุทธ์นับพันติดตามมา ทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตราชันยุทธ์เป็นอย่างต่ำ พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ฝึกยุทธ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนและสำนักใหญ่ทั้งสิบ
ว่าด้วยเรื่องของสุสานนักบุญมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง สำนักฝ่ายธรรมทุกสำนักล้วนกะเกณฑ์ผู้ฝึกยุทธ์ที่แกร่งที่สุดในสำนักออกมา มิอาจหละหลวมแม้แต่น้อย
“โอ้! ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายธรรมมาถึงก่อนแล้ว!”
“ดูสิ ผู้นำคือเจ้านิกายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน จักรพรรดินีไท่เสวียน!”
“นั่นคือจักรพรรดินีไท่เสวียนในตำนานหรือ? สวยหยดย้อยยิ่ง!
“ฮึ่ย! ขอบเขตต่ำสุดของคนเหล่านี้เป็นถึงขอบเขตราชันยุทธ์ขั้นสูง ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“บัดซบ! ตอนนี้สุสานนักบุญถือกำเนิด ฝ่ายธรรมและฝ่ายอสูรจะร่วมละเลงครั้งใหญ่ ฉะนั้นไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานนัก!”
“…”
ท่ามกลางความตกตะลึงของหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่ชมดูความครื้นเครงคนแล้วคนเล่าต่างล่าถอยออกไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่หาญกล้าจำนวนมากเลือกที่จะอยู่ต่อ
“สุสานนักบุญ!”
ทันทีที่มาถึง หลัวชิงเซียนไม่ได้ให้ความสนใจต่อผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเหล่านี้ ทว่ากลับมุ่งสายตาไปยังสุสานขนาดใหญ่ภายใต้ทิวเขา
เมื่อการกำเนิดใกล้เข้ามา สุสานนักบุญเริ่มชัดเจนต่อสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ
นางรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์จาง ๆ ที่แผ่ออกมาจากสุสานนั้น
สมบัติล้ำค่าไม่น้อย !
“มูลค่าของสุสานนักบุญนี้ยิ่งใหญ่ไพศาลนัก เราไม่อาจปล่อยให้เหล่าอสูรได้รับมันเป็นอันขาด!”
ท่าทีของหลัวชิงเซียนสุขุมนิ่งลึก จากนั้นนางลอบสำรวจตรวจตราไปรอบ ๆ
ภายในใจกลับภาวนา!
‘ผู้อาวุโสนิรนามหวังว่าท่านจะติดตามมา มิเช่นนั้น วันนี้ย่อมมีปัญหาใหญ่หลวงแล้ว!’
…
ในตอนนี้เอง บนยอดภูเขาแห่งหนึ่ง ร่างจำแลงของหนิงฝานได้มาถึงแล้ว สายตาของเขาจับจ้องไปยังสุสานนักบุญ
“นี่หรือคือสุสานนักบุญ? แสงอำพันและความผันผวนมิใช่น้อย ยังไม่รู้ว่าทรัพย์สมบัติภายในจะเป็นเช่นไร!”
หนิงฝานครุ่นคิด
ในใต้หล้านี้ ปราชญ์ยุทธ์หายากยิ่งนักและไม่มีผู้ใดยังมีชีวิตอยู่ หนิงฝานรับรู้เรื่องราวถึงผู้ที่ตายไปแล้วอยู่เล็กน้อย อย่างเช่นผู้ก่อตั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ท่านผู้เฒ่าไท่เสวียน
แม้นว่าเจ้าของสุสานนักบุญแห่งนี้ไม่อาจดีได้เทียบเท่าท่านผู้เฒ่าไท่เสวียน ทว่าทรัพย์สมบัติที่ฝังอยู่เหล่านั้นกลับไม่เลวนัก
“หากข้าไม่มาก็คงมิเป็นไร แต่ในเมื่อในวันนี้ข้ามาถึงที่นี่แล้ว ข้าย่อมต้องช่วยภรรยาข้าครอบครองสุสานนักบุญ หวังว่าคนจากสำนักอสูรจะรู้จักว่าสิ่งใดไม่ควรแตะ!
หนิงฝานยิ้มเย็นเยียบ จากนั้นเฝ้ารอการกำเนิดของสุสานนักบุญอย่างสงบ
นับจากนั้น กาลเวลาผันผ่านไปอย่างต่อเนื่อง
ขอบเขตของความผันผวนจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากสุสานนักบุญค่อย ๆ ลดลง
ห้าลี้
สามลี้
หนึ่งลี้
…
สุดท้าย เมื่อความผันผวนของพลังศักดิ์สิทธิ์เลือนหายไปโดยสมบูรณ์
ครืน!
สุสานอันโอฬารแห่งหนึ่งพลันผุดขึ้นจากหุบเขา สุสานที่ล้อมรอบเปล่งประกายรัศมีเรืองรองโชติช่วงขึ้นสู่ผืนฟ้า
เมื่อมองผ่านแสงที่ไม่มีที่สิ้นสุด จะเห็นว่าสุสานอันตระหง่านนี้ก่อขึ้นจากหินวิญญาณจำนวนมหาศาล ใสกระจ่างราวกับอัญมณี โลงศพทองสัมฤทธิ์โบราณถูกฝังอยู่ในนั้น ล้อมรอบโลงศพทองสัมฤทธิ์โบราณมีละอองแสงศักดิ์สิทธิ์ลอยละล่องขึ้นลง
หากสังเกตให้ละเอียดถี่ถ้วนย่อมเห็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าเฉกเช่นเคล็ดวิชา อาวุธ ยาวิเศษในละอองแสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
ผ่าง!
วินาทีนั้น ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนล้วนตะลีตะลาน!
“ฮ่า ๆๆ สุสานนักบุญถือกำเนิดขึ้นแล้ว!”
“รอบ ๆ โลงศพทองสัมฤทธิ์โบราณนั่นมีทรัพย์สมบัติมากมายก่ายกอง!”
“จะต้องมีสมบัติล้ำค่าศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งอื่นที่ท้าทายสวรรค์อยู่เป็นแน่”
“…”
จนถึงบัดนี้ สายตาของทุกคนเอาแต่จดจ่ออยู่ที่สุสานนักบุญ ความโลภไหวระริกอยู่ในดวงตาของหลายคน
ทว่า
ในตอนนั้นเอง เหล่าผู้ฝึกยุทธ์นำโดยหลัวชิงเซียนก็ได้ประจันหน้ากับศัตรูที่ทัดเทียม
เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าทันทีที่สุสานนักบุญกำเนิดขึ้น ฝ่ายอสูรย่อมมาแย่งชิงมันไป
ตู้ม!
ดังคาด เพียงแค่สุสานนักบุญกำเนิดขึ้น ปราณมารพลันแผ่ปกคลุมผืนนภาและดวงอาทิตย์มาแต่ไกล!