ตอนที่ 19 เซียนกระบี่อาวุโส บุคคลที่จักรพรรดินีห่วงใย! (รีไรท์)
หลังจากสังหารผู้คนแล้ว หนิงฝานเดินทางกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอย่างสบาย ๆ
“เซียนกระบี่อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“อาวุโสผู้นั้นสมควรเป็นเซียนกระบี่!”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีเซียนกระบี่ปรากฏตัว สามารถสังหารจักรพรรดิยุทธ์ถึงสองคนด้วยกระบวนท่าเดียว!”
ในเวลานี้ ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ศิษยานุศิษย์กับอาวุโสนับไม่ถ้วนคุกเข่าลงบนพื้นก่อนจะเอาศีรษะโขกพื้นอย่างจริงใจ และตะโกนกู่ก้องพร้อมกันว่า “เซียนกระบี่!”
เซียนกระบี่คือจุดสูงสุดแห่งวิถีกระบี่ ในจิตใจของพวกเขาแล้วการสังหารจักรพรรดิยุทธ์สองคนด้วยกระบวนท่าเดียวย่อมมีเพียงเซียนกระบี่ในตำนานเท่านั้น
“เซียนกระบี่?”
เมื่อเห็นฉากนี้ หนิงฝานส่ายศีรษะเบาไม่ทราบจะกล่าวคำใด
เพียงแค่ตัดศีรษะของปีศาจสองตัว จะกลายเป็นเซียนกระบี่ได้อย่างไร
“โอ้!”
ทันใดนั้น พลันมีเสียงดุด่าหนิงฝานจากด้านข้าง ศิษย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งตะโกนออกอย่างไม่พอใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ส่ายศีรษะได้อย่างไรกัน? หากเซียนกระบี่ไม่ลงมือ วันนี้เจ้าจะมายืนลอยหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“เฮ้อ เซียนกระบี่อะไรกัน เป็นอาวุโสที่ไม่อาจกล่าวถึงได้หรือ? อ้อ ไม่ต้องกล่าวถึง!”
หนิงฝานยกยิ้มจาง
หากกล่าวไปจะมีแต่เสียใจเปล่า!
สำหรับเขาประโยคเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นสำคัญคือคนอื่นไม่ทราบว่าเขาคือเซียนกระบี่ผู้นั้น
อ่า ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ นี่
ทันทีที่เขากล่าวคำเหล่านี้ รังแตนทั้งหมดคล้ายแตกออก ศิษย์และอาวุโสทั้งหมดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าห้อมล้อมเขาทันที
“ไอ้สารเลว! เซียนกระบี่อาวุโสช่วยเหลือดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ แต่เจ้ากลับบอกว่าไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง?”
“บัดซบ! มีคนเช่นเจ้าอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเราได้อย่างไร!”
“เจ้าเป็นคนประเภทใด? หากกล้าดูหมิ่นเซียนกระบี่อาวุโสอีก เจ้าจะถูกขับไล่ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที!”
ศิษย์และอาวุโสทุกคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ในเวลานี้มีคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“หนิงฝาน! เขาคือหนิงฝาน! สามีไร้ประโยชน์แห่งจักรพรรดินี!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะยิ่งเผยความเดือดดาลออก
“เป็นขยะเช่นเจ้า!”
“บุรุษที่ทราบแต่วิธีรับประทานอาหารทั้งวันจะมีหน้ากล่าวคำเช่นนี้ต่อเซียนกระบี่ได้อย่างไร”
“บัดซบ! หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดินี ขยะไร้ประโยชน์เช่นเจ้าคงต้องออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
“หนิงฝาน เจ้าจงมาประลองกับข้าเฉกเช่นบุรุษควรกระทำ!”
“…”
ในขณะที่เกิดเสียงดังเย้ยหยันไม่สิ้นสุด
หนิงฝานถึงกับพูดไม่ออก แม้อยากจะโกรธเพียงใดก็ไม่อาจทำได้
กล่าวตามตรงแล้ว คนเหล่านี้ตำหนิเขาก็เพื่อปกป้องเขา
โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนเพียงเพราะถูกเหยียดหยามเล็กน้อย
ท้ายที่สุด ในสายตาของผู้อื่นเขาคิดว่าตนเองเป็นเพียงราชาไร้ประโยชน์ที่ได้ลิ้มรสหวานของจักรพรรดินีเท่านั้น
“……”
ทันทีที่หยิบตราจักรพรรดินีออกมา เสียงรอบข้างหยุดลงในทันที
การได้พบเจอกับจักรพรรดิหนิง ไม่ต่างจากการได้พบจักรพรรดินีหลัว!
ด้วยวิธีเช่นนี้ จึงไม่มีใครกล้ากล่าวหยาบคายต่อเขาอีก
“ฮ่า ๆ ข้าชอบใจนักที่พวกเจ้าไม่ชื่นชอบข้า แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดข้าได้!”
“อีกอย่างข้าเกิดมาท้องไส้ไม่ค่อยดีนัก จึงไม่อาจทานอาหารรสจัดได้ ชอบรับประทานเพียงอาหารอ่อน ๆ เท่านั้น!”
“ข้าขอตัว ต้องกลับไปที่พระราชวังเพื่ออุ่นเตียงรอภรรยาข้า!”
ในที่สุด หนิงฝานก็เดินออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
…
ไม่นานหลังจากหนิงฝานกลับสู่พระราชวังจักรพรรดินี
ตู้ม!
ก็มีออร่าอันน่าสะพรึงแห่งขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์กลับมาจากด้านนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนที่กลับมาพร้อมกับอาวุโสผู้มีอำนาจในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นไรบ้าง?”
“แล้วลี่ฉิงเทียนล่ะ เขาคือสายลับจากสำนักอสูร!”
“เกิดเรื่องกับหอคอยปราบอสูรหรือไม่?”
กลุ่มอาวุโสระดับสูงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว พวกเขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะพ่นคำถามต่าง ๆ
โดยเฉพาะจักรพรรดินีหลัวชิงเซียน นางไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง พร้อมปลดปล่อยสัมผัสเทวะเพื่อตรวจสอบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทั้งหมด
แต่เพียงชั่วพริบตา ใบหน้าของทุกคนก็เผยความประหลาดใจออกมา
เพราะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีสภาพเช่นถูกปีศาจทำลายล้าง
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
ทุกคนเผยความประหลาดใจ ในเวลานี้เหล่าผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมาต้อนรับพวกเขา
หลัวชิงเซียนกล่าวถามทันที “เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ข้าได้รับข่าวว่าอาวุโสสูงสุดลี่ฉิงเทียนเป็นคนจากสำนักอสูร และเขาต้องการทำลายหอคอยปราบอสูรในวันนี้…”
“เจ้านิกาย เซียนกระบี่ที่ซ่อนเร้นเป็นผู้กอบกู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
อาวุโสจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก้าวไปด้านหน้าพร้อมอธิบายเรื่องราวโดยละเอียด
“อะไรกัน? สังหารลี่ฉิงเทียน และจักรพรรดิปีศาจทวนซื่อด้วยกระบวนท่าเดียว!”
“จะเป็นไปได้เช่นไร!”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรามีอาวุโสพลังซ่อนเร้นเช่นนี้ด้วยหรือ?”
หลังจากรับฟัง เหล่าอาวุโสทั้งหมดตกตะลึง
แม้แต่ดวงตาคู่สวยของหลัวชิงเซียนยังเปล่งประกายวูบไหว
มหาอำนาจที่ซ่อนเร้น?
ในฐานะเจ้านิกายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เหตุใดนางจึงไม่ทราบว่ามีมหาอำนาจเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่
‘เป็นสวรรค์ทะนงนิรนามผู้นั้นหรือ?’
หลัวชิงเซียนพยายามคาดเดา
หากเป็นเขาจริง ๆ ก็น่าอัศจรรย์นัก เพราะผ่านไปเพียงเจ็ดปีหลังจากเผยชื่อออกมาบนชั้นสิบของหอคอยสวรรค์ทะนงมหาลึกล้ำ
แต่หลัวชิงเซียนไม่แน่ใจว่าเป็นเขาจริงหรือไม่
ท้ายที่สุดจึงทำได้เพียงคาดเดาไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
“ไม่ว่าอย่างไร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์รอดพ้นจากภัยพิบัติโดยไม่ได้รับอันตราบใด นอกจากนี้ยังรอดพ้นจากอันตรายที่ลอบหลบซ่อนจากลี่ฉิงเทียนและจักรพรรดิปีศาจทวนซื่อด้วย”
“ทุกคนคงทำงานหนักมาก เช่นนั้นแยกย้ายกลับไปพักผ่อนเถิด”
ท้ายที่สุดหลัวชิงเซียนออกคำสั่งก่อนจะกลับสู่พระราชวังจักรพรรดินี
นางร้อนรนเล็กน้อย
เพราะมีบุคคลที่ห่วงใยอยู่ในนั้น
พรึ่บ!
หลังจากเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลัวชิงเซียนก็มาหยุดยืนอยู่ในพระราชวังจักรพรรดินี
ทันทีที่นางเข้ามาภายใน นางพบกับร่างหนึ่งนอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้หวายในลานอย่างผ่อนคลาย
นางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ภรรยาข้า เจ้ากลับมาแล้ว!”
เมื่อเห็นหลัวชิงเซียน หนิงฝานทักทายนางด้วยความประหลาดใจ
แต่เมื่อเข้าใกล้หลัวชิงเซียน หนิงฝานกลับขมวดคิ้วแน่น
เสื้อผ้าสีขาวของหลัวชิงเซียนเปรอะเปื้อนด้วยโลหิต ลมปราณในร่างกายผันผวนไร้ระเบียบ เห็นได้ชัดว่านางบาดเจ็บสาหัส
“ภรรยาข้า เจ้าบาดเจ็บสาหัส นั่งลงก่อนเถิด!”
หนิงฝานยิ่งลำบากใจ ก่อนจะพยุงกายหลัวชิงเซียนนั่งลงบนเก้าอี้หวาย
“ไม่เป็นไร ข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการต่อสู้กับสำนักอสูร”
หลัวชิงเซียนส่ายศีรษะ จากนั้นนางมองหนิงฝานพร้อมถามอย่างกังวล “เป็นเจ้ามากกว่า เจ้าถูกปีศาจเหล่านั้นรุกรานหรือไม่?”
ในความคิดของนาง หนิงฝานเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ตัวน้อย และแน่นอนว่าเขาไม่อาจต่อต้านพลังแห่งจักรพรรดิปีศาจได้เลย
“ไม่เลย ข้าไม่ได้ออกจากพระราชวังด้วยซ้ำ และปราณปีศาจก็สูญสลายหมดสิ้น ข้าไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น!” หนิงฝานแสร้งทำสับสน
“โชคดีแล้ว อาวุโสศักดิ์สิทธิ์ที่หลบซ่อนในดินแดนของเราได้ช่วยเหลือเอาไว้”
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจว่าเป็นอาวุโสศักดิ์สิทธิ์ หรือบุคคลนิรนามแห่งหอคอยมหาสวรรค์ทะนงที่ก่อเกิดความภาคภูมิสวรรค์เมื่อเจ็ดปีก่อนกันแน่”
หลัวชิงเซียนคล้ายจมอยู่ในความคิด ในที่สุดนางจับจ้องหนิงฝาน “หนิงฝาน บอกกล่าวกับข้าว่าเป็นผู้ใดแน่?”
“…”
หนิงฝานยิ่งรู้สึกละอายใจนัก
เขาอยากจะกล่าวว่าบุคคลผู้นั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อม!
“ภรรยาข้า เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับบุคคลผู้นั้น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร เขาล้วนแต่เป็นคนของฝ่ายดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!”
หนิงฝานกล่าวคำหนักแน่น
“ที่เจ้ากล่าวก็ถูกต้อง ข้าไม่ควรกังวลเกี่ยวกับตัวตนของบุคคลนั้น เพียงแค่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะอาวุโสนิรนามแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เพียงพอ!”
หลัวชิงเซียนพยักหน้าก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อาวุโสสูงสุดลี่ฉิงเทียนลอบหักหลังพวกเราและถูกสังหารสิ้น ข้าเป็นผู้มีพลังขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์เพียงคนเดียวที่เหลือในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เกรงว่าการจัดการกับสำนักอสูรมันจะยากเย็นยิ่งขึ้น… แค่หวังว่าหากในอนาคตดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบเจอปัญหา เขาจะยอมเคลื่อนไหวเช่นวันนี้!”
“อย่ากังวลเลย! หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบเจอปัญหา เขาย่อมเคลื่อนไหวแน่!” หนิงฝานยิ้ม
“ข้าก็หวังเช่นนั้น!”
หลัวชิงเซียนยิ้มออกมา และในชั่วพริบตาที่บุปผาเบ่งบานเต็มที่ รอยยิ้มนี้งดงามยิ่งกว่าสตรีใดในโลกหล้า!