ตอนที่ 12 สงครามฝ่ายธรรมกับสำนักอสูร มีเพียงปราชญ์ยุทธ์เท่านั้นที่ไร้เทียมทาน!
ท่ามกลางท่าทีที่แปรเปลี่ยนของสิบสำนักใหญ่ ไม่เพียงแต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้รับสมบัติทั้งสิบกลับคืน ยังได้ข้อสรุปในการกวาดล้างเหล่าอสูรกับสิบสำนักใหญ่อย่างพร้อมพรัก
“คนเหล่านี้นับว่ายังรู้เรื่องรู้ราวอยู่บ้าง!”
เมื่อได้เห็นท่าทีเคารพนบนอบของทั้งสิบสำนัก หนิงฝานก็ลอบผงกศีรษะ
หลังจากนั้น เขากลับไปยังพระราชวังจักรพรรดินีระหว่างที่เพลงกำลังบรรเลง
ยามราตรีมาเยือน ก็ปรากฏพระจันทร์กระจ่างแขวนอยู่บนฟากฟ้าแล้ว
ณ ใต้แสงจันทร์ บนโต๊ะและเก้าอี้หินหลัวชิงเซียนที่แต่งกายด้วยชุดขาวนั่งหลังเหยียดตรงราวกับนางอัปสรภายใต้กัษษากร
บนโต๊ะหินเบื้องหน้านางประดับประดาด้วยอาหารมากมายหลากหลายชนิด มีทั้งเนื้อวิญญาณตุ๋น หม่าล่าปลาวิญญาณ กุ้งวิญญาณอบและอื่น ๆ
“มาแล้ว! แกงเต่าร้อยปี บำรุงหยินหยาง บำรุงปราณ ทั้งยังบำรุงรักษาผิว!”
ถึงตอนนี้ หนิงฝานออกมาจากห้องครัว มือถือชามแกงเต่าที่ส่งกลิ่นยั่วยวนไว้ในมือ
“หนิงฝาน เจ้าหยุดยุ่งวุ่นวายที นั่งลงก่อน!”
ได้มองดูหนิงฝานที่กำลังชุลมุนวุ่นวาย หัวใจของลัวชิงเซียนอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
แม้นว่าการแต่งงานกับหนิงฝานแรกเริ่มเดิมทีเพียงเพื่อขับพิษพันปรารถนา ทว่าในระหว่างสองสามปีที่ผ่านมาของการร่วมชีวิต นางได้ฟูมฟักความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ต่อหนิงฝานขึ้น
เป็นเพราะการปรากฏกายของหนิงฝาน ทำให้นางรู้สึกเหมือนกับได้กลับบ้านทุกครั้งเมื่อนางกลับมายังพระราชวังจักพรรดินี
ไม่เหมือนดังแต่ก่อน ทั้งเวิ้งว้างว่างเปล่า ไร้ร่องรอยประกายดอกไม้ไฟ
“ที่รัก ช่วงนี้เจ้ายุ่งกับทุกสิ่งทุกอย่างยิ่ง ยากนักที่จะได้กลับมา สามีจึงทำอาหารให้เจ้าเพิ่มสองจาน!”
“ฝีมือการทำอาหารของสามีเจ้าย่อมไม่เลวนัก ในบ้านเกิดเก่าของข้า นับได้ว่าเป็นระดับเชฟ!”
หนิงฝานเอี้ยวหัวกลับมายิ้มแย้ม จากนั้นก็กลับไปวุ่นวายอยู่ในครัวอีกครั้ง
ในที่สุด
เมื่ออาหารทั้งสิ้นแปดจานกับแกงอีกสองอยู่บนโต๊ะแล้ว ถึงตอนนี้หนิงฝานจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามหลัวชิงเซียนได้
“ภรรยา มาเถอะ มาลิ้มลองรสมือของสามีเจ้า!”
หลิงฝานนำถ้วยสองใบและตะเกียบมาเผื่อหลัวชิงเซียงอย่างเอาใจใส่
“ได้”
แม้ว่าหลัวชิงเซียนจะงดอาหารนานแล้ว ทว่านางไม่ได้ปฏิเสธ หยิบถ้วยและตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกินทันที
หนึ่งคำ!
สองคำ!
สามคำ!
…
หลัวชิงเซียนเพียงทานเช่นนี้ ไม่ได้เอ่ยปากว่าอร่อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากว่ามันแย่
จากนั้น หลังจากทานไปสักพักหนึ่ง หลัวชิงเซียนจึงวางมือลง
“ฮ่าฮ่า อร่อยใช่ไหม!”
หนิงฝานยิ้มแย้ม
หลัวชิงเซียนพยักหน้าน้อย ๆ จากนั้นนางจึงวางจานลงและเอ่ยเสียงเบาว่า “หนิงฝาน หมู่นี้การฝึกฝนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หนิงฝานกำกำปั้น จงใจปล่อยกระแสพลังที่อยู่ในขั้นขัดเกลาร่างระดับสิบสามออกมา
“เอ๊ะ รุดหน้าเร็วยิ่งนัก ใกล้จะเข้าสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์แล้วนี่!”
“…”
ใบหน้างามล้ำของหลัวชิงเซียนสั่นไหว นางลอบถอนหายใจออกมา
หนิงฝานผู้นี้สิ่งใดล้วนดีหมด หากแต่พรสวรรถ์แห่งวิถียุทธ์ของเขากลับขาดแคลนมหาศาล
สองสามปีที่ผ่านมานี้ ทรัพยากรสำหรับฝึกฝนที่นางเตรียมไว้ให้หนิงฝานเพียงพอให้คนธรรมดาฝึกฝนจนถึงขั้นยอดยุทธ์ ผลที่ได้คือหนิงฝานยังคงอยู่ในขั้นขัดเกลาร่าง
“เฮ้อ! หนิงฝาน จะดีแค่ไหนหากเจ้าได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ไร้ผู้เทียบเคียง!”
หลัวชิงเซียนลอบผ่อนลมหายใจอยู่ภายในใจ ในฐานะจักรพรรดินีแห่งยุค นางเองเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์หาที่เปรียบมิได้ของยุค ย่อมเป็นธรรมดาที่นางจะอยากแต่งงานกับผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ท้ายที่สุดกลับต้องแต่งงานกับหนิงฝานเพียงเพราะหยินหยางมิสมดุล
แม้นางจะยอมจำนนต่อโชคชะตา ถึงอย่างไรเสียกลับยังคงมีร่องรอยของความไม่ยินยอมอย่างเสียไม่ได้
“หนิงฝาน ต่อไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะเริ่มดำเนินการกวาดล้างมารอสูรร่วมกับสิบสำนักใหญ่ ข้าอาจมิได้กลับมาพระราชวังจักรพรรดินีในยะเวลาอันสั้นนี้ ทรัพยากรเหล่านี้ควรเพียงพอให้เจ้าใช้ฝึกฝนไปอีกหลายปี!”
หลัวชิงเซียนกล่าวแล้วจากนั้นจึงส่งถุงเก็บสิ่งของให้หนิงฝานอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า ขอบใจภรรยาข้า ข้าจะต้องฝึกฝนให้หนักอย่างแน่นอน เชื่อข้า ในอีกไม่ช้าข้าจะข้ามผ่านเจ้า”
หนิงฝานหัวเราะอย่างเบิกบานใจ เพียงรับเอาถุงเก็บสิ่งของมาด้วยความยินดี
“เหนือกว่าข้า?”
หลัวชิงเซียนส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา เพียงคิดว่าหนิงฝานคุยโม้เท่านั้น
นางเป็นถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสุดผู้แข็งแกร่ง พรสวรรค์ล้ำเลิศยิ่งไร้ผู้ใดเทียบเทียม หากทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีผู้ใดสามารถข้ามผ่านนางได้ คงมีเพียงความภาคภูมิแห่งสวรรค์ไร้นามผู้พิชิตชั้นสิบแห่งหอคอยสวรรค์ทะนงเท่านั้นที่มีหวัง
อย่างไรก็ตามนางย่อมไม่ขัดลำหนิงฝาน กลับเอ่ยกระเซ้าว่า “ย่อมได้! ข้าจะรอวันที่เจ้าข้ามผ่านข้า!”
สุดท้ายทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสักพัก แล้วหลัวชิงเซียนจึงจากไปอย่างเร่งรีบ
“ฝึกฝน!”
“ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ก่อน ข้ามผ่านภรรยาตนเอง!”
หลังจากหลัวชิงเซียนจากไป หนิงฝานเริ่มต้นฝึกฝนในทันที
ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตจ้าวยุทธ์ขั้นสุด ขณะที่หลัวชิงเซียนอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสุด ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
…
หลังจากนั้น หนิงฝานเริ่มกิจวัตรประจำวันในการลงชื่อเข้าใช้และฝึกฝน
ขณะที่โลกภายนอกนั้น ภายใต้การนำของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน สำนักฝ่ายธรรมเปิดฉากดำเนินการกวาดล้างอสูรครั้งใหญ่!
เป้าหมายหลักคือเก้าสำนักมหาอสูร!
เก้าสำนักอสูรใหญ่คือ สำนักอสูรกลืนกิน สำนักอสูรหลอมโลหิต สำนักอสูรหุ่นเชิดศพ สำนักอสูรมารปีศาจ สำนักอสูรโรคระบาด สำนักอสูรเจ็ดสังหาร สำนักอสูรร้อยพิษ สำนักอสูรพันปรารถนา สำนักอสูรหมื่นสรรพสัตว์
สำนักอสูรใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดรู้จักในนามสำนักอสูรพันปรารถนา เป็นเพราะจักรพรรดิปีศาจพันปรารถนา เจ้าสำนักของสำนักอสูรพันปรารถนาอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่ง!
การดำเนินการกวาดล้างอสูรเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเป็นเพียงสถานที่ในการชำระล้าง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และสิบสำนักใหญ่ผู้แข็งแกร่งในขณะที่เข่นฆ่าผู้นำอสูรผู้ก่อความวุ่นวายไปทุกหนทุกแห่ง พวกเขาก็มองหารังซ่อนของสำนักมหาอสูรไปด้วย
จนกระทั่งหนึ่งปีต่อมา ท้ายที่สุดจึงค้นพบสถานที่ลับของสำนักอสูรพันปรารถนา
ทันใดนั้นจักรพรรดินีหลัวชิงเซียน ผู้อาวุโสสูงสุดลี่ฉิงเทียน ผู้แข็งแกร่งขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน และผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจากสำนักใหญ่ทั้งสิบ ตะบึงเข้าสังหารสำนักอสูรพันปรารถนาอย่างเกรียงไกร
การต่อสู้ระหว่างธรรมะและอสูรสามารถเกิดขึ้นได้ทุกชั่วขณะ สำนักอสูรพันปรารถนาถูกเข่นฆ่าโดยผู้แข็งแกร่งฝ่ายธรรมะ อสูรภายใต้สำนักได้รับบาดเจ็บล้มตายมหาศาล ทั้งจักรพรรดิปีศาจพันปรารถนาถูกปิดล้อมด้วยความพยายามร่วมมือของสองจักรพรรดิยุทธ์คือ จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนและผู้อาวุโสสูงสุดลี่ฉิงเทียน
เพียงแต่เมื่อจักรพรรดิปีศาจพันปรารถนากำลังจะถูกทั้งสองร่วมกันตัดหัว กระแสพลังของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งปะทุขึ้น จักรพรรดิอสูรหลอมโลหิต เจ้าสำนักของสำนักอสูรหลอมโลหิต พลันรุดเข้ามาในสนามรบช่วยเหลือจักรพรรดิปีศาจพันปรารถนาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นหลบหนีไปภายใต้ความมืดมิเหลือทิ้งไว้แม้เพียงร่องรอย
หนึ่งปีถัดมา
จักรพรรดิปีศาจพันปรารถนาและจักรพรรดิอสูรหลอมโลหิตที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี นำสำนักอสูรใหญ่สองสำนักเข้าโจมตีสำนักเจ้าโอสถกลางราตรี สังหารหมู่ศิษย์และผู้อาวุโสสำนักเจ้าโอสถนับหมื่นคน เมื่อหลัวชิงเซียนมาถึงพร้อมคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สำนักเจ้าโอสถก็ได้รับความพ่ายแพ้เสียหายยับเยินอย่างหนักแล้ว
ข่าวสำนักเจ้าโอสถทำให้สำนักฝ่ายธรรมรู้สึกถึงวิกฤตโดยสิ้นเชิง ภายใต้การนำของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน สำนักฝ่ายธรรมเริ่มเข้าสู้กับสำนักเก้าอสูรใหญ่ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
ธรรมะและอสูรประจันหน้า สงครามชักเย่อระหว่างเจ้าและข้าได้เริ่มขึ้น
เป็นอยู่เช่นนี้ จนกระทั่งอีกสามปีผ่านไป
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้หอหมื่นวิถีสำเร็จ ได้รับเคล็ดลึกล้ำแปดเก้า!]
หนิงฝานเดินออกจากหอหมื่นวิถี เคล็ดลึกล้ำแปดเก้าเป็นทักษะที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ทันทีที่ฝึกฝนมีโอกาสเกิดทักษะแห่งการเปลี่ยนแปลงถึงเจ็บสิบสองรูปแบบ
“ฮู้ว! กว่าจะรู้ตัวก็อยู่ในโลกนี้มาได้เจ็ดปีแล้ว!”
หนิงฝานผ่อนลมหายใจเย็นยะเยือกออกมา ตอนนี้เป็นเหมันต์ฤดู หิมะตกหนักยิ่ง ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมด้วยหิมะ ท้องฟ้าและผืนดินเป็นสีเดียวกัน
พูดแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาบางเบา
“เจ็ดปี ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูง เชื่อว่าด้วยความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้ ทั่วทั้งใต้หล้าไม่มีใครสามารถข้ามผ่านข้าได้!”
หลังจากสามปีของการเข้าสู่ระบบฝึกฝน หนิงฝานได้เข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว แม้ระดับขั้นฝึกฝนของเขาจะยังไม่ข้ามผ่านหลัวชิงเซียน แต่ด้วยทักษะที่หลากหลาย แม้แต่หลัวชิงเซียนก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
“ยังไม่พอ แม้ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์จะนับเป็นผู้แกร่งกล้าชั้นสูงแล้ว แต่หากต้องการไร้เทียมทาน ก็ต้องกลายเป็นปราชญ์ยุทธ์ในตำนานเท่านั้น!”
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ หนิงฝานได้ตั้งเป้าหมายถัดไปเรียบร้อยแล้ว นั่นคือการเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ในตำนาน!
ต้องเป็นปราชญ์ยุทธ์เท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!