ตอนที่ 41 ทุบตีหลินชิงอวี่อย่างเกรี้ยวกราด ตัวตนที่แท้จริงของหลัวชิงเซียน
ขอบเขตแห่งปราชญ์ยุทธ์มิใช่ผักกาดขาวตามท้องถนน ไม่ต้องกล่าวถึงในดินแดนรกร้างทางเหนือ แม้ว่าจะมองหาภายในราชวงศ์เทพทั้งหมด ปราชญ์ยุทธ์ยังนับว่าหาพบเจอได้ยาก และแต่ละคนย่อมเป็นบุคคลทรงพลังอย่างถึงที่สุด
ทว่าเวลานี้ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าซึ่งมีอายุราวสามสิบปีเท่านั้น กลับเผยพลังแห่งปราชญ์ยุทธ์อย่างชัดเจน นี่ทำให้องครักษ์ติดตามหลินชิงอวี่ถึงกับตกตะลึง!
“บ้าไปแล้ว!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“อายุไม่เกินสามสิบปี ไม่มากไปกว่าข้า เจ้าจะเป็นปราชญ์ยุทธ์ได้อย่างไร!”
ในเวลานี้หลินชิงอวี่กรีดร้อง เขาไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้
เขาอายุเพียงสามสิบและยังมีสองอำนาจปราญช์ไว้ในมือ ด้วยความแข็งแกร่งนี้แม้แต่ภายในราชวงศ์เทพยังไม่มีผู้ใดต่อกรกับเขาได้
นี่เป็นที่มาของความเย่อหยิ่งและอวดดีของเขาเสมอมา
ทว่าในเวลานี้ สิ่งที่เขาภาคภูมิใจกลับถูกหนิงฝานบดขยี้จนจมดิน
ชายหนุ่มอายุสามสิบปีกลับเข้าสู่ขอบเขตแห่งปราชญ์ยุทธ์ได้…เรื่องเช่นนี้ยังไม่เคยปรากฏในราชวงศ์เทพมาก่อน
“ฮ่าฮ่า เป็นไปไม่ได้งั้นหรือ? เป็นเพราะเจ้ามันไร้ความสามารถอย่างไรเล่า!”
หนิงฝานเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“กล้าดีอย่างไรจึงดุด่าข้า!”
หลินชิงอวี่คำรามลั่น แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ข้าจะทำให้เจ้าอับอายเสียบ้าง มาให้ข้าตีก้นเสีย!”
หนิงฝานตะคอกเย็นชาก่อนจะเหวี่ยงฝ่ามือ หลินชิงอวี่กระเด็นออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
ปัง!
หนิงฝานตบซ้ายขวาอย่างต่อเนื่อง ร่างของหลินชิงอวี่ลอยไปมาในอากาศไม่ต่างจากกระสอบทรายมนุษย์ ไม่ว่าเขาจะคำรามหรือพยายามรีดเค้นพลังอย่างไร ก็ไม่อาจต่อต้านฝ่ามือสังหารของหนิงฝานได้
“ท่านแม่ทัพ!”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า องครักษ์ติดตามทำได้เพียงกัดฟันแน่นและพยายามจะเข้าช่วยเหลือ
ขณะที่พวกเขากำลังกรีดร้อง แรงกดดันมากมายพลันถาโถมลงมาจากฟากฟ้า องครักษ์ของแม่ทัพใหญ่ทั้งหมดถูกกดข่มให้นอนลงบนพื้น ไม่อาจขยับร่างกาย ทุกคนถูกบดขยี้ให้นอนกองอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา
พลังของปราชญ์ยุทธ์นั้นน่าเกรงขามยิ่งนัก!
เพียงแค่จิตสังหารเล็กน้อย พวกเขายังมิอาจต้านทานได้
หลัวชิงเซียนที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้หยุดยั้งเขาไว้
นางทราบดีว่าหนิงฝานแสดงความเมตตาแล้ว มิฉะนั้น หลินชิงอวี่กับพรรคพวกของเขาคงจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับไปได้แม้แต่ผู้เดียว
ตู้ม!
หลังจากทุบตีกันกว่าหนึ่งชั่วโมง หลินชิงอวี่ร่วงหล่นจากอากาศ ใบหน้าไม่ต่างจากหมู มันแดงและบวมจนไร้เค้าโครงเดิม
หลังจากถูกทุบตีหนึ่งชั่วโมง หลินชิงอวี่พลันจดจำทุกสิ่งได้แม่นยำ เขาตระหนักได้ถึงความเป็นจริงแล้ว เวลานี้เขาจึงไม่คิดตะโกนคำหยาบคายและหุบปากอยู่เงียบ ๆ
แม้ว่าจะเย่อหยิ่ง แต่ก็ไม่ได้โง่เขลา
อีกทั้งยังทราบดีว่าหนิงฝานเผยความเมตตาแล้ว มิฉะนั้นหากปราชญ์ยุทธ์ต้องการสังหารเขา อีกฝ่ายคงสังหารเขาตายตกไปนับร้อยครั้ง
“หลินชิงอวี่ ยอมรับหรือยัง?” หลัวชิงเซียนกล่าวถาม
“ข้า… ยอมแล้ว!”
หลินชิงอวี่ลดศีรษะลงต่ำ
ไม่ว่าจะพรสวรรค์ หรือพละกำลัง หนิงฝานสามารถบดขยี้เขาได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส แล้วเหตุใดเขาจึงต้องดื้อรั้น
“ข้าขอคืนคำพูดทั้งหมดก่อนหน้า บุรุษผู้นี้คู่ควรกับองค์หญิงแล้ว!”
คำพูดเหล่านี้ไม่เกินจริงเลย บุคคลที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ได้ด้วยอายุเพียงสามสิบ แม้แต่ภายในราชวงศ์เทพทั้งหมดยังไม่อาจทำได้ ชายผู้นี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
‘ชายผู้นี้ดูเหมือนจะคุ้นชินกับการถูกเฆี่ยนตี แล้วหลังจากถูกเฆี่ยนแล้ว เขาจึงเผยความสัตย์ซื่อออกมา!’
เมื่อเห็นท่าทีของหลินชิงอวี่ หนิงฝานรู้สึกประหลาดใจ
ตู้ม!
ทันใดนั้น ร่างของหนิงฝานพลันสั่นสะท้าน รากสีทองพุ่งทะยานออกจากร่างของเขาตรงขึ้นสู่ฟากฟ้า
คำสาปอมตะสลายแล้ว!
สำหรับเรื่องนี้ หนิงฝานไม่คิดตื่นเต้น เพราะคำสาปอมตะกลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของเขามาตั้งนานแล้ว
ทว่าหลินชิงอวี่และคนอื่น ๆ ถึงกับตกตะลึง
“นี่มัน?”
“เป็น…คำสาปอมตะ?”
“โอ้! เขามีคำสาปอมตะในกาย!”
“…”
การแสดงออกของหลินชิงอวี่ถึงกับแปรเปลี่ยน จากนั้นเขามองหลัวชิงเซียน “องค์หญิง… นั่นคือคำสาปอมตะในตำนานหรือ?”
“อืม” หลัวชิงเซียนถอนหายใจ
“เรื่องนี้…”
รูม่านตาของหลินชิงอวี่หดตัวลง ก่อนจะมองหนิงฝานด้วยความเห็นอกเห็นใจ
คำสาปอมตะ สามารถสังหารอมตะที่แท้จริงได้!
หนิงฝานเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ได้เมื่ออายุสามสิบปี เขาคืออัจฉริยะไร้ผู้ใดเทียบในรอบหลายพันปี และความสำเร็จในอนาคตนั้นไร้ขีดจำกัด
แต่เวลานี้เขาถูกคำสาปอมตะ ทั้งหมดจึงไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์
องครักษ์ทั้งหมดถึงกับส่ายศีรษะ พวกเขาเผยความเห็นใจและสมเพชในเวลาเดียวกัน
“แย่แล้ว”
“เสียใจด้วยอย่างยิ่ง!”
หนิงฝานพูดไม่ออก
บัดซบ!
ทุกคนมองเขาราวกับว่าตัวเขาคือ ผู้ป่วยระยะสุดท้ายและใกล้ตายตกเต็มที
โชคดีที่หนิงฝานไม่สนใจ สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่สายตาของผู้อื่น
“ภรรยาข้า ถึงเวลาที่เจ้าต้องอธิบายให้สามีรับฟังแล้ว”
หนิงฝานจับจ้องหลัวชิงเซียน
จนถึงเวลานี้ เขายังไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของหลัวชิงเซียนและกลุ่มคนเหล่านี้
“ทราบแล้ว”
หลัวชิงเซียนพยักหน้า นางทราบดีว่าถึงเวลาที่ต้องกล่าว
นางครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะกล่าวถาม “สามี ท่านทราบหรือไม่ว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด?”
“ย่อมไม่ทราบ!”
หนิงฝานส่ายศีรษะ
นับตั้งแต่มาถึงโลกนี้จวบจนปัจจุบัน เขายังไม่เคยออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเลย เพราะอย่างนั้นแล้ว ความเข้าใจโลกใบนี้ทั้งหมดล้วนแต่เป็นความทรงจำจากหนิงฝานคนเก่า
ในฐานะศิษย์ซ่อมบำรุง เขาก็ไม่ได้ทราบอะไรมากนัก
“โลกที่เราอาศัยอยู่ถูกเรียกว่า ดินแดนรกร้างทางเหนือ และดินแดนแห่งนี้เป็นหนึ่งในสามพันดินแดนที่ถูกปกครองโดยกองกำลังแห่งราชวงศ์เทพ ข้านั้นคือเจ้าหญิงคนเดียวของราชวงศ์เทพ แต่เดิมข้ามีนามว่า หลินชิงเซียน…”
หลังจากนั้นหลัวชิงเซียนก็ค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนางออกมา
หนิงฝานรับฟังอย่างตั้งใจ และใบหน้าของเขาก็เผยความตื่นเต้นให้เห็น
หลัวชิงเซียนเล่าทุกสิ้นหมดสิ้นแล้ว
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!” หนิงฝานยิ้ม
“สามี ข้าต้องขอโทษแล้ว ความจริงข้าไม่คิดซ่อนมันจากเจ้า แต่ข้าเพียงไม่ต้องการนึกถึงอดีตเท่านั้น” หลัวชิงเซียนกล่าวขอโทษหนิงฝานอย่างจริงใจ
“ข้าจะโกรธภรรยาได้อย่างไร นอกจากนี้ ก่อนหน้าข้าก็เคยปิดบังขอบเขตวิทยายุทธ์ของตนเช่นกัน!”
หนิงฝานส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้สนใจสิ่งนี้เลย
จากนั้นเขาจึงกล่าวคำเคร่งขรึม “ภรรยาข้า โปรดจดจำไว้เถิด ไม่ว่าเจ้าจะเป็นจักรพรรดินีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน หรือองค์หญิงแห่งราชวงศ์เทพ มันจะไม่มีวันกระทบต่อความสัมพันธ์ของเรา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวชิงเซียนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม หลินชิงอวี่ยังอยู่และเขาก็กล่าวขัดว่า “ด้วยความเคารพ หากท่านไม่ทำลายคำสาปอมตะ ด้วยความแข็งแกร่งของท่านในเวลานี้มันย่อมไม่แสดงผลกระทบ แต่เวลานี้ร่างกายและจิตวิญญาณของท่านถูกครอบงำจากคำสาปอมตะ มันย่อมส่งผล…”
“หากไม่รู้จะกล่าวสิ่งใด ก็จงหุบปากเสีย!”
ในเวลานี้ หนิงฝานตะคอกและไม่คิดรับฟังคำพูดที่เหลือของหลินชิงอวี่
“ภรรยา แล้วคนเหล่านี้กำลังตามหาเจ้าหรือ?” หนิงฝานกล่าวถาม
“เป็นเช่นนั้น” หลัวชิงเซียนพยักหน้า
“แล้วเจ้าอยากกลับไปหรือไม่?” หนิงฝานถาม
“สามี ข้าไม่อยากกลับไปที่เมืองเทพอีกแล้ว แต่เวลานี้ข้าเปลี่ยนใจ เพราะข้าไม่อาจหาวิธีลบคำสาปอมตะภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าจึงต้องกลับสู่เมืองเทพเพื่อค้นหาวิธีลบคำสาปนี้ให้ได้ ข้าไม่ต้องการให้ท่านต้องทุกข์ทรมานจากคำสาปนี้ในทุกวัน!”
หลัวชิงเซียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงฝานถึงกับพูดไม่ออก เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก
จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า
“ภรรยาข้า ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วก็จงกลับไปเถิด แต่ไม่ว่าชีวิตนี้เจ้าจะไปที่ใด สามีก็จะติดตามเจ้าไปทุกที่!”