ตอนที่ 33 จักรพรรดินีพ่ายแพ้ หนิงฝานตื่นขึ้น (รีไรท์)
“หึ ๆ”
เมื่อมองไปตามเสียงนั้น ก็พบว่าเหล่าอสูรโลหิตพากันแหวกทางให้ชายชราในอาภรณ์สีโลหิตย่างกรายผ่านเข้ามาอย่างเรียบง่าย ราวกับกำลังเดินเล่นในลานบ้านอย่างไม่ทุกข์ร้อน เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“ฮ่า ๆๆ”
“นี่น่ะหรือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไท่เสวียนเป็นผู้สร้าง ช่างงดงามยิ่ง แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่มันกำลังจะพินาศในวันนี้แล้ว”
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สนใจผู้คนที่อยู่ในนั้นแม่แต่น้อย เพียงมองไปยังดินแดนแห่งนี้ด้วยสายตาหยามเหยียด
“เจ้าเป็นใคร พวกข้าไม่ได้มีปัญหาหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อเจ้า เหตุใดต้องมุ่งเป้าจะทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนด้วย”
จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนก้าวออกมาเหนือฝูงชนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เผชิญหน้ากับชายชราผู้เป็นนายแห่งอสูรโลหิตนับล้าน
ใบหน้าของหลัวชิงเซียนเคร่งขรึมกว่าทุกคราระหว่างเอ่ย เพราะนางไม่อาจมองเห็นขอบเขตแห่งเทพยุทธ์ของเขาได้ ซ้ำยังไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตของชายชราผู้นี้อีกด้วย
สัญชาตญาณของนางกำลังเตือนว่าชายชราผู้นี้อันตรายอย่างมาก
“หึ ๆ”
“ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อข้างั้นหรือ”
ผู้เฒ่าในอาภรณ์สีโลหิตจ้องมององค์จักรพรรดินี รอยยิ้มน่าพิศวงนั้นเย็นยะเยือก ม่านตาสีแดงฉานราวกับเป็นการจ้องมองจากอเวจี “ปรมาจารย์ที่สร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อย่างไรเล่าที่เป็นปรปักษ์ต่อข้า ผู้ทำลายสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าสร้างขึ้นมากับมือ”
“หมายความว่าอย่างไร”
ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวนั้น ชาวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทั้งหมดก็พากันตกตะลึง
หลายพันปีก่อน?
สำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์?
หมายความว่า…ชายชรากระหายเลือดที่อยู่ต่อหน้านี้คือ…
แม้แต่หลัวชิงเซียนที่อยู่ในอาการสงบมาตลอดก็อดตกใจไม่ได้ “เจ้าจะบอกว่าเจ้าคือบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
“หึ ๆ นับว่าเจ้าเป็นผู้มีปัญญา ข้านี่แหละบรรพบุรุษผู้ให้กำเนิดสำนักอสูรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อหลายพันปีก่อน”
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ยิ้มรับเมื่อแนะนำตัวตนของตัวเอง
ตู้ม!
การอ้างถึงตัวนั้นของชายชรา ทำเอาชาวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทั้งหมดราวกับถูกตีด้วยของแข็งที่หัว เสียงร้องด้วยความหวาดหวั่นดังขึ้นในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความเกรงกลัว
ไม่ควรจะเป็นไปได้เลยที่ปีศาจชั่วร้ายซึ่งถูกทำให้สูญสลายไปกว่าพันปี จะมาปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาพวกเขา
“เป็นไปไม่ได้”
“เวลาล่วงเลยมานับพันปีแล้ว แม้แต่ท่านปรมาจารย์ไท่เสวียนก็ยังหมดอายุขัยไป แล้วบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์จะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
“ชายผู้นี้ต้องโป้ปดเป็นแน่”
ชาวดินแดนศักดิ์สิทธิ์พากันส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อถือ
แต่ถึงอย่างนั้น
มีเพียงหลัวชิงเซียนที่เงียบนิ่ง
เพราะนางรู้ว่าความแข็งแกร่งของชายผู้นี้สามารถยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องโป้ปด
“บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่คาดคิดว่านับพันปีผ่านไป แม้แต่ปรมาจารย์ไท่เสวียนก็สิ้นอายุขัยแล้ว ทว่าเจ้าที่เป็นปีศาจกลับยังมีชีวิตอยู่ สวรรค์ช่างไม่มีตาเอาเสียเลย”
หลัวชิงเซียนกล่าวต่ออย่างเย็นชา นางรู้แน่แล้วว่าชายผู้นี้มายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเพื่อทำลายล้าง จึงไม่ได้เอ่ยอะไรเพื่อเป็นการอ้อนวอนขอความเมตตา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ยิ่ง
“หึ ๆ”
“สตรีนางนี้วาจาช่างโอหังยิ่งนัก ไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนกัน คิดว่าอาณาเขตคุ้มกันนี่จะช่วยเจ้าได้งั้นหรือ”
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์เหยียดยิ้มเย็นชา จากนั้นก็เริ่มวางมือเหี่ยวย่นลงบนอาณาเขตคุ้มกันไท่เสวียน
หลัวชิงเซียนเงียบนิ่ง
ในขณะนี้อาณาเขตคุ้มกันไท่เสวียนเป็นความหวังเดียวที่พวกเขาเหลืออยู่
ถ้าอาณาเขตไท่เสวียนมีความแข็งแกร่งดังที่เล่าลือ ก็จะต้องสามารถป้องกันการโจมตีจากอสูรตรงหน้านี้ได้
“อาณาเขตเล็ก ๆ เท่านี้ไม่อาจหยุดข้าได้หรอก!”
“สลาย!”
ในตอนนี้เอง เมื่อบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์เอ่ยขึ้น พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาจากมือข้างนั้น ซึ่งวางอยู่บนอาณาเขตคุ้มกัน
ตู้ม!
เสียงโครมครามดังสนั่น เกิดรอยปริแตกจากฝ่ามือนั้น แล้วเริ่มกระจายไปทั่วทั้งอาณาเขตราวกับใยแมงมุมในพริบตา
ตู้ม!
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คนมากมาย อาณาเขตคุ้มกันไท่เสวียนที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งเหนือเหล่าศัตรูกำลังพังทลายลงในทันใด!
“พัง…พังแล้ว”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชาวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็พลันใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวั่นกลัว
อาณาเขตคุ้มกันไท่เสวียนถูกทำลายเสียแล้ว
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจมากเพียงใดกัน
แม้จะไม่ถึงขั้นปราชญ์ยุทธ์ผู้ไร้เทียมทาน แต่ก็น่ากลัวว่าจะไม่ได้ห่างไกลกันนัก
“จบสิ้นแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจบสิ้นแล้ว”
กำลังใจของชาวดินแดนศักดิ์สิทธิ์พลันดับมอด แม้แต่องค์จักรพรรดินียังหวาดหวั่น
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ต่อหน้านางแล้วในตอนนี้ นอกจากท่านปรมาจารย์ไท่เสวียนจะฟื้นคืนชีพมา ก็ไม่อาจมีใครมาขวางชายผู้นี้ได้อีก
“ฮ่า ๆๆ”
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วจึงก้าวเข้าไปในเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
พรึ่บ!
เหล่าอสูรโลหิตพากันหลั่งไหลเข้าไปในเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์ราวกับธารโลหิตทะลักท่วม ล้อมรอบอาณาเขตทั้งหมดเอาไว้
เหล่าผู้อาวุโสนับแสนคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนต่างพากันจมลงในทะเลแห่งความสิ้นหวัง พวกเขาถูกทำให้ตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อาจมีกำลังใจต่อสู้
“บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ ความปรารถนาของเจ้าคือการฆ่าล้างให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ”
จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนไม่เพียงแต่ไม่ยอมล่าถอย ทว่ายังคงก้าวไปด้านหน้า เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูจากบรรพกาล
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าตนเองไม่ใช่ผู้ที่จะต่อกรกับบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ในฐานะจักรพรรดินีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน นางไม่สามารถล่าถอยไปได้แม้แต่เพียงครึ่งก้าว
“หึ ๆ ไม่คิดว่าเจ้าที่เป็นเพียงสตรีน้อยนางหนึ่งจะอาจหาญมาต่อกรกับข้า ผู้ที่เป็นถึงบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าใจกล้าไม่เบา”
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ยิ้มเย็น มองไปที่หลัวชิงเซียนอย่างแปลกใจ
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมถอยไป ข้าในฐานะจักรพรรดินีแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็ไม่อาจนิ่งเฉย หากดินแดนแห่งนี้ต้องพินาศในครานี้ ก็จงข้ามศพข้าไปก่อน!”
ตู้ม!
ทันทีที่กล่าวจบ ก็บังเกิดแรงระเบิดรุนแรงจากร่างของหลัวชิงเซียน ปรากฏคลื่นพลังเฉพาะตัวของจักรพรรดิแผ่ออกมาจากร่างของนาง
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน!”
หลัวชิงเซียนตะโกนอย่างฉุนเฉียว ด้วยท่วงท่าที่น่าเกรงขาม สำแสงเจิดจ้าพุ่งขึ้นจากวิหารหลวงมาอยู่ในมือของนาง เมื่อแสงสว่างเริ่มสลายไป ก็ปรากฏเป็นกระบี่ยาวที่อาบไล้ไปด้วยลำแสงศักดิ์สิทธิ์ มีอักษรคำว่า ‘ไท่เสวียน’ สลักไว้ที่ด้ามกระบี่ แสดงความเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ตกทอดมาจากท่านปรมาจารย์ไท่เสวียน
“ฆ่ามัน”
หลัวชิงเซียนประคองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนด้วยสองมือ พลังจากกายพลุ่งพล่าน เมื่อเริ่มตวัดกระบี่ก็บังเกิดแสงสว่างยาวหลายสิบจั้งพุ่งตรงไปยังศัตรู
จักรพรรดินีทุ่มพลังทั้งหมดไปที่การโจมตีด้วยกระบี่นี้
“ฮ่า ๆ เป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งดีนี่ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่เพียงพอ”
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์มองภาพการโจมตีนั้นอย่างนิ่งเฉย ส่ายหน้าไปมา เพียงสะบัดมือเบา ๆ กระบี่ที่อาบไล้ไปด้วยแสงสว่างก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ หญิงสาวผู้จับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อุทานเสียงดัง ปล่อยกระบี่จากมือ ร่างกายที่บอบบางของนางราวกับจะแตกหัก ร่วงหล่นจากกลางอากาศ กระอักเลือดออกมาทางปาก อาภรณ์ขาวกระจ่างย้อมไปด้วยสีเลือด
“องค์จักรพรรดินี!”
ผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พากันโกรธเกรี้ยว
ไม่คาดว่าแม้แต่องค์จักรพรรดินีก็พ่ายแพ้แก่ชายผู้นี้อย่างง่ายดายเพียงสะบัดมือเบา ๆ
บรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ช่างแข็งแกร่งนัก
“จริงสิ ท่านผู้อาวุโสนิรนาม เรายังมีเซียนกระบี่นิรนามผู้นั้นอยู่”
“ท่านผู้อาวุโสนิรนามโปรดออกมาช่วยจัดการบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วย”
“ท่านเซียนกระบี่นิรนาม โปรดปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย”
“ท่านเซียนกระบี่นิรนาม…”
“…”
ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันเรียกขานเซียนกระบี่นิรนาม
ตอนนี้แม้แต่องค์จักรพรรดินีก็พ่ายแพ้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนตกอยู่ในอันตราย มีเพียงท่านผู้นั้นที่เป็นทางรอดสุดท้ายที่พวกเขาหลงเหลืออยู่
แต่ถึงกระนั้น
แม้เวลาจะผ่านไป
ก็ไม่มีผู้ใดปรากฏกาย
“เซียนกระบี่นิรนามคือใครกัน ด้วยพลังปราชญ์ทั้งสองของข้า เพียงสะบัดนิ้วก็บดขยี้มันได้แล้ว”
“ในยามนี้นอกจากจะหวังให้ปรมาจารย์ไท่เสวียนคืนชีพกลับมาก็ไม่มีใครช่วยพวกเจ้าได้”
“อสูรโลหิตนับล้านจงฟังคำสั่ง สังหารพวกมันให้สิ้นทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว”
ในที่สุดเหล่าอสูรโลหิตก็คำรามอย่างบ้าคลั่งเมื่อรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย และการสังหารหมู่ที่โหดเหี้ยมก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“ฮึ่ม! ไอ่แก้สารเลว บังอาจมากที่กล้ามาทำร้ายภรรยาของข้า รนหาที่ตายงั้นเรอะ!”
จู่ ๆ เสียงเย็นเยียบของชายผู้หนึ่งพลันดังขึ้น
ชั่วอึดใจต่อมา ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ชายหนุ่มในชุดเรียบ ๆ ก็ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากฝูงชน