ตอนที่ 44 ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์เก้าขั้น จักรพรรดิหลินไท่ซู!
ตู้ม!
ด้วยการช่วยเหลือของระบบ หนิงฝานเชี่ยวชาญในคัมภีร์เซียนเทพขนนกอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่าคัมภีร์เซียนเทพขนนกนี้ไม่ใช่เพียงวิธีการฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ พลังเหนือธรรมชาติมากมาย เช่น สร้างปราการขนนกปิดกั้นลมหายใจ มันสามารถยับยั้งออร่าของตนเองได้ เปรียบกับลำแสงเทวะที่เป็นได้ทั้งพลังในการโจมตีและป้องกันในหนึ่งเดียว
มีแม้กระทั่งคำอธิบายเกี่ยวกับขอบเขตวิทยายุทธ์โดยละเอียด
‘อืม! ปรากฏว่าขอบเขตปราชยุทธ์แบ่งออกเป็นสวรรค์เก้าขั้น!’
‘เวลานี้ข้าอยู่ในสวรรค์ขั้นแรกของปราชญ์ยุทธ์เท่านั้น’
‘ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์เก้าขั้น สวรรค์ขั้นที่หนึ่งเปรียบเสมือนประตูเริ่มต้น ซึ่งจะต้องผ่านพ้นสวรรค์ขั้นที่เก้าเท่านั้น จึงจะเข้าสู่ขอบเขตถัดไปได้!’
ดวงตาของหนิงฝานเปล่งประกายราวกับว่าเขาได้เปิดประตูการฝึกวิทยายุทธ์ครั้งใหม่
‘อืม ข้าคิดว่าแม้ปราชญ์ยุทธ์จะไม่ใช่วิทยายุทธ์การต่อสู้ขั้นสูงสุด แต่จุดสิ้นสุดคงไม่ไกล กลับกลายเป็นว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!’
หนิงฝานถอนหายใจ แต่ในใจกลับตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นเขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดตนเอง และเริ่มฝึกฝนตามคำแนะนำของคัมภีร์เซียนเทพขนนก
ฟู่ว…
ด้วยการช่วยเหลือจากคัมภีร์เซียนเทพขนนก พลังวิญญาณฟ้าดินที่อุดมสมบูรณ์อย่างไร้ที่เปรียบพุ่งทะยานเข้าสู่ร่างกายเขาในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน หนิงฝานพลันรู้สึกว่าการฝึกฝนของเขาที่เกือบจะหยุดนิ่งนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ชั่วพริบตาหลังจากฝึกฝนหนึ่งคืนเต็ม หนิงฝานพัฒนาขึ้นมาก
ความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์บนรถม้าพลันหายไปหมดสิ้น
‘คัมภีร์แห่งเซียนนกขนนี้คู่ควรแก่การถูกเรียกขานว่าคัมภีร์แห่งเซียนอย่างแท้จริง เพียงฝึกฝนคืนเดียวก็คุ้มค่ากับการทำงานหนักเทียบเท่าร้อยวันในอดีต!’
หนิงฝานรู้สึกตื่นเต้นเมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย
[ติ๊ง! ท่านต้องการลงชื่อเข้าใช้ที่ตำหนักองค์หญิงหรือไม่?]
เวลานี้วันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ระบบแจ้งเตือนจึงดังขึ้นในจิตใจของเขา
“เข้าสู่ระบบ!”
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ตำหนักองค์หญิงสำเร็จ และได้รับเนตรสลายภาพลวง! มันสามารถมองข้ามผ่านภาพลวงตาและสามารถสืบทราบถึงแก่นแท้ของสิ่งต่าง ๆ ได้!]
‘เนตรสลายภาพลวง?’
หนิงฝานตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะลองใช้เนตรสลายภาพลวง
ตู้ม!
ในชั่วพริบตา กระแสพลังงานทะลักเข้าสู่ดวงตาของหนิงฝาน ความเจ็บปวดทำให้เขาถึงกับหลับตาลงทันที ถึงกระนั้นความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจึงไม่เหลือสิ่งใดให้เขาสัมผัสได้อีก
ฮ่าฮ่า!
หลังจากนั้นหนิงฝานลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัว ปรากฏลำแสงเทวะปลดปล่อยออกจากดวงตาทั้งสองของเขา เสียดแทงทะลุความว่างเปล่าตรงหน้าในทันที
ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าหนิงฝานจะมองเห็นโลกทั้งใบเปลี่ยนไป
ทุกสิ่งที่ไม่เคยมองเห็นด้วยสายตา ทั้งออร่าพลังไร้ลักษณ์ต่าง ๆ และพลังวิญญาณฟ้าดินรอบตัว ทุกสิ่งล้วนปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา
พลังวิญญาณฟ้าดินนั้นหาพบได้ยาก แต่ในสถานที่แห่งนี้มันกลับอัดแน่นชัดเจน มนต์ขลังของมันไร้สิ่งใดเทียบเทียม
“แม้แต่พลังวิญญาณฟ้าดินยังสามารถมองเห็นได้โดยตรง เนตรสลายภาพลวงนี้ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”
หนิงฝานตกตะลึง
ปัง!
ทันใดนั้นเอง ประตูตำหนักเปิดออก เป็นหลัวชิงเซียนที่กลับมาจากด้านนอก
หนิงฝานมองไปยังทิศทางโดยไม่รู้ตัว และทันใดภายในเนตรสลายภาพลวง ภาพอันงดงามปรากฏ ภายใต้ร่างอันทรงพลังทุกสิ่งที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าก็เผยออกสู่สายตาเขาชัดเจน
“ข้ามาแล้ว!”
เมื่อเห็นฉากเร่าร้อนนี้ ดวงตาหนิงฝานถึงกับเบิกกว้าง
แม้เขาจะเคยเห็นร่างกายบอบบางนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่มันก็ยังทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ
ทว่าหลัวชิงเซียนก้าวเข้าหาหนิงฝานด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
นางส่ายศีรษะเล็กน้อย “หนิงฝาน ข้าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้าไปสำรวจในทุกหนแห่งแต่ไม่สามารถแก้ไขคำสาปอมตะได้”
“ไม่เป็นไรเลย!”
หนิงฝานส่ายศีรษะ แต่สายตายังจับจ้องเรือนร่างของหลัวชิงเซียน
“ไม่ต้องกังวลไป เมืองเทพนี้ยิ่งใหญ่และกว้างขวางนัก ยังมีตำราโบราณอีกมากมาย ข้าเชื่อว่าข้าจะหามันเจอในสักวัน…”
หลัวชิงเซียนกล่าวคำ ในระหว่างที่พูดนางเผยสีหน้าประหลาดใจ “สามี เจ้ามองอะไรหรือ? ร่างกายข้าผิดปกติอะไรหรือไม่?”
“โอ้… ไม่ ข้าไม่เห็นอะไรเลย!”
ชายหนุ่มหันศีรษะออกไปนอกตำหนักทันที เขารู้สึกว่าตนเองไม่ต่างจากพวกถ้ำมองเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เองหนิงฝานพลันหรี่ตาลง
“ภรรยาข้า มีคนกำลังมา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลัวชิงเซียนจึงหันหลังมองออกไปนอกตำหนักองค์หญิง
ตึก ตึก ตึก!
มีเสียงฝีเท้าสม่ำเสมอดังอยู่นอกตำหนัก เสียงนั้นเข้าใกล้ประตูขึ้นทุกขณะ และเมื่อฝีเท้าหยุดลง เสียงคมชัดก็ดังขึ้นจากภายนอก
“องจักรพรรดิเสด็จ!”
ปัง!
ประตูตำหนักเปิดออกในทันที ภายใต้การจับจ้องของหนิงฝานและหลัวชิงเซียน ปรากฏชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมมังกร เขาอายุประมาณสี่สิบปีเดินตรงเข้ามา แววตาแม้วูบไหว แต่ปลดปล่อยออร่าทรงพลังออกจากร่างกาย ทุกท่วงท่าล้วนแต่สง่างามยิ่ง
นี่คือหลินไท่ซู! ผู้ปกครองเมืองเทพ!
ด้านหลังของหลินไท่ซูมีทาสรับใช้ผู้หนึ่ง เส้นผมขาวโพลน สวมชุดสีเทา ท่าทางต่ำต้อยคอยติดตาม
“เซียนเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ดูเหมือนเจ้าคงจะยกโทษให้พ่อแล้ว!”
เวลานี้องค์จักรพรรดิแห่งเมืองเทพหลินไท่ซูเผยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินตรงเข้าหาหลัวชิงเซียน
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้หลัวชิงเซียน หญิงสาวพลันเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “องค์จักรพรรดิหลิน อย่าได้คิดเรื่องนั้น ข้าไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อยกโทษให้ท่าน และข้าจะไม่มีวันทำเช่นนั้น!”
“เซียนเอ๋อร์…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าหลินไท่ซูบิดเบี้ยวและรอยยิ้มแข็งค้างกลางอากาศ
จากนั้นเขาจึงรีบกล่าวขอโทษเสียงอ่อน “เซียนเอ๋อร์ เกี่ยวกับมารดาเจ้า พ่อตระหนักถึงความผิดพลาดแล้ว พ่อสั่งประหารชีวิตแม่มดที่ร่ายอาคมใส่พ่อ และมอบสถานะคืนแก่มารดาเจ้าในฐานะจักรพรรดินีแห่งเมืองเทพ ยามเมื่อนางสิ้นลมหายใจ พ่อก็ฝังร่างของนางไว้ที่สุสานทวยเทพ โปรดยกโทษให้พ่อได้หรือไม่!”
“ยกโทษ? หากยกโทษแล้วท่านแม่จะฟื้นคืนกลับมาหรือไม่!”
“จักรพรรดิหลิน ท่านไม่คู่ควรทั้งในฐานะสามีหรือบิดาทั้งสิ้น ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้กับท่านเด็ดขาด!”
อารมณ์ของหลัวชิงเซียนขุ่นเคืองยิ่ง รอบ ๆ ดวงตาของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาเอ่อล้นเมื่อหวนนึกถึงมารดาผู้ล่วงลับ
“ภรรยาข้า เรื่องในอดีตจงปล่อยวางเถิด”
หนิงฝานก้าวไปยืนด้านข้างพร้อมกล่าวปลอบโยนนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นี่คงเป็นสหายหนิงฝาน?”
เมื่อหลินไท่ซูเห็นหนิงฝาน เขาไม่แปลกใจเลยเพราะได้ทราบเรื่องราวของหนิงฝานจากหลินชิงอวี่แล้ว
“ข้านามว่าหนิงฝาน!”
หนิงฝานพยักหน้า เขาไม่ได้ประหม่าเพียงเพราะอีกฝ่ายคือผู้ปกครองเมืองแห่งเทพขนนก ชายหนุ่มเพียงกล่าวคำเบาว่า “ข้าสมควรเรียกขานท่านว่าพ่อตา แต่ดูเหมือนภรรยาข้าไม่อยากจดจำท่านแล้ว ในฐานะสามี ข้าขอเรียกขานท่านว่าองค์จักรพรรดิหลินเช่นกัน!”
“สามหาว! สกุลของจักรพรรดิมิใช่สิ่งที่สามัญชนเช่นเจ้าจะเรียกขานได้ตามใจ!”
ในเวลานี้ ทาสชราที่อยู่ด้านหลังของหลินไท่ซูคำรามลั่น
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร สหายน้อยหนิงฝานนั้นเจ้าคารมเสียจริง!”
หลินไท่ซูยกยิ้มพร้อมโบกมือ แววตาดุดันราวมังกรเปล่งประกาย “ข้าได้ยินว่าหนิงฝานเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ทราบว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“จริงหรือเท็จนั้นสมควรถามกับหลินชิงอวี่! เขาย่อมทราบดี!” หนิงฝานกล่าวตอบเย็นชา
“ฮ่าฮ่า!”
ขณะนี้หลินไท่ซูส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายก่อนจะกล่าวต่อ “ดังคำกล่าวที่ว่า รับรู้ด้วยตาตนเองย่อมดีกว่ารับฟังจากปากผู้อื่น ข้าต้องการรับชมด้วยตาของข้าเอง!”
ตู้ม!
หลังกล่าวจบ ทาสชราชุดเทาด้านหลังพลันลุกขึ้นยืนในทันที