ตอนที่ 47 หลินชิงอวี่ผู้เศร้าโศก งานเลี้ยงเทพขนนก!
“หลินชิงอวี่?”
หนิงฝานเลิกคิ้วสูง นับตั้งแต่เขามาถึงเมืองเทพขนนก หลินชิงอวี่ก็คล้ายกับหวาดกลัวเขาอยู่เสมอมา มิหนำซ้ำ อีกฝ่ายไม่เคยคิดจะเหยียบย่างมาฝั่งตำหนักองค์หญิงอีกเลย แต่เหตุใดวันนี้จึงได้โผล่มานะ?
ด้วยความสงสัย หนิงฝานจึงเดินไปเปิดประตูตำหนัก
“เป็นเจ้า? แล้วองค์หญิงเล่า?”
เมื่อเห็นว่าเป็นหนิงฝาน หลินชิงอวี่ก็ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“ชิงเซียนไม่อยู่ เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด?” หนิงฝานเอ่ยอย่างขบขัน
หลินชิงอวี่ไม่ตอบรับคำ นัยน์ตาคู่นั้นเพียงจับจ้องหนิงฝาน อีกทั้งแววตายังเผยท่าทียั่วยุ
“วันนี้ข้าอยู่ในสวรรค์ขั้นที่สามแล้ว”
“เป็นข้าที่สมควรได้รับขนานนามว่าอัจฉริยะ!”
หนิงฝานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะปลดปล่อยออร่าอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างตั้งใจ
เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ แววตาของหลินชิงอวี่ถึงกับเบิกกว้าง
ทว่าในตอนนี้เอง หนิงฝานกลับเผยท่าทีกระอักกระอ่วนออกมา “เจ้าต้องการสิ่งใด!”
“หาได้ต้องการสิ่งใด ไม่นานมานี้ ข้าเพียงพัฒนาความก้าวหน้าของการฝึกฝนได้ และต้องการคำแนะนำจากราชบุตรเขยหนิง พอจะเป็นไปได้หรือไม่?”
เมื่อหลินชิงอวี่กล่าวจบ เขาก็มองหนิงฝานต่อไป ทว่าหนิงฝานกลับหลบเลี่ยงสายตา เขาจึงค่อนข้างแน่ใจแล้ว
“ราชบุตรเขยหนิง รับมือ!”
ตู้ม!
โดยไม่รอให้หนิงฝานตอบรับ หลินชิงอวี่ปล่อยหมัดทรงพลังออกไป จู่โจมหนิงฝานด้วยพละกำลังมหาศาล
เวลานี้เขาอยู่ในสวรรค์ขั้นที่สามของขอบเขตปราชญ์แล้ว!
ในทางกลับกัน หนิงฝานถูกคำสาปอมตะเล่นงาน ดังนั้นเขาจึงเป็นเพียงแค่เศษขยะในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์เท่านั้น
เขาที่เคยหวาดกลัวอีกฝ่ายพลันกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งแล้ว
วันนี้เขาจะลงมือกับหนิงฝานเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปให้จงได้!
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลินชิงอวี่กำลังเพ้อฝันนั้น
ตู้ม!
พลังหมัดที่เพิ่งปลดปล่อยไปกลับถูกหยุดยั้งไว้โดยฝ่ามือใหญ่ที่ไม่ทราบว่าโผล่ออกมาจากที่ใด จากนั้นก็ตบเขาหน้าหัน แล้วหลินชิงอวี่ที่หลบไม่พ้นจึงถูกตบกระเด็นออกไปไกล
“จบสิ้น!”
“ข้าตกอยู่ในความอัปยศอีกครั้ง!”
“เขายังคงเป็นปราชญ์ยุทธ์ที่โหดเหี้ยม!”
การถูกตบอย่างกะทันหันนี้ ทำให้หลินชิงอวี่เข้าใจทันทีว่าหนิงฝานคือปราชญ์ยุทธ์ที่หลบซ่อนตัว อีกฝ่ายล่อลวงให้เขาเปิดก่อน จากนั้นค่อยทุบตีเขาอย่างสมเหตุสมผล
“อั่ก! อ๊า! อ๊าก!”
หลินชิงอวี่กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ความมั่นใจที่เพิ่มพูนเล็กน้อยก่อนหน้าพังทลายลงพร้อมกับเสียงตบดังกึกก้อง สถานการณ์นี้ไม่แตกต่างจากครั้งพบเจอในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ครานั้นร่างกายของเขาก็กลายเป็นกระสอบทรายมนุษย์ให้กับหนิงฝานเช่นตอนนี้
ไม่นานหลังจากนั้น หนิงฝานถึงหยุดมือลง แล้วร่างของหลินชิงอวี่ก็ทรุดลงกับพื้น หัวคนกลายเป็นหัวหมูอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าวิทยายุทธ์ของข้าลดลงจากปราชญ์ยุทธ์งั้นหรือ? คิดเอาคืนข้าหรือไร ต้องขอโทษด้วยแล้วที่ทำให้เจ้าผิดหวัง!”
หนิงฝานเผยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า ชอบเป็นสุนัขหรือไรกัน!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มไร้พิษภัยของหนิงฝาน หลินชิงอวี่แม้ภายนอกจะนิ่งเฉย แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยคำสาปแช่งนับล้านคำ!
เขาลอบสบถคำสาบานอย่างลับ ๆ ว่าเมื่อหนิงฝานร่วงหล่นจากขอบเขตปราชญ์ยุทธ์เมื่อใด เขาจะกลับมาทวงคืนศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปในครั้งก่อนหน้า และครั้งนี้อย่างแน่นอน
ต้องทำให้ได้!
“อ่า หลินชิงอวี่ เจ้าเป็นอะไร?”
หลัวชิงเซียนกลับมาแล้ว และทันทีที่นางกลับมาถึงก็พบว่าหลินชิงอวี่มีใบหน้าบวมเป่งไม่ต่างจากหัวหมู
“ฮ่า ๆ ไม่มีอะไร วิทยายุทธ์ของแม่ทัพหลินพัฒนารวดเร็วเกินไป จึงทำให้เส้นลมปราณบนใบหน้าของเขาบวมเป่ง เช่นนี้เขาจึงมาขอให้ข้าช่วยเหลือ ใช่หรือไม่แม่ทัพหลิน?”
หนิงฝานยิ้มก่อนจะมองหลินชิงอวี่
“เป็นเช่นที่ราชบุตรเขยหนิงกล่าว!”
หลินชิงอวี่เผยรอยยิ้มขมขื่น
ต้องยอมรับแล้วว่าเวลานี้เขาไม่กล้าต่อต้านหนิงฝาน
อย่างไรก็ตาม หลัวชิงเซียนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นางเหลือบมองหลัวชิงเซียนด้วยแววตาเย็นชา ในดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยคำเตือน
“แม่ทัพหลิน เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อรักษาใบหน้างั้นหรือ?”
ในเวลานี้ หนิงฝานกล่าวถาม
หลินชิงอวี่พยักหน้าอย่างเร่งรีบ เขารู้สึกขอบคุณหนิงฝานเล็กน้อย
ก่อนจะหันหน้าไปแล้วกล่าวว่า “ราชบุตรเขยหนิง องค์หญิง ข้าได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิให้มาแจ้งพวกท่านว่า ในอีกสิบวันจะมีงานเลี้ยงเทพขนนก พวกท่านทั้งสองต้องเข้าร่วมด้วย!”
“งานเลี้ยงเทพขนนก?”
หนิงฝานเลิกคิ้ว ช่วงนี้เขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับงานเลี้ยงเทพขนนกอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สนใจมันมากนัก เขาทราบเพียงงานเลี้ยงเทพขนนกจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี มันคืองานเลี้ยงราชวงศ์เทพขนนก
“ไม่!”
หลัวชิงเซียนเผยเสียงเย็นชา
หลินชิงอวี่คล้ายจะเตรียมตัวมาอย่างดี เขากล่าวต่อ “องค์จักรพรรดิเทพขนนกกล่าวว่าจะมีแขกรับเชิญมากมายในงานเลี้ยงเทพขนนก และองค์หญิงสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการทำลายคำสาปอมตะได้!”
“หืม?”
ดวงตางดงามของหลัวชิงเซียนเปล่งประกาย ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา นางเดินทางในเมืองเทพเพื่อออกค้นหา แต่กลับไม่พบหนทางใด เวลานี้งานเลี้ยงเทพขนนกจึงเป็นโอกาสที่ดี
ทันใดนั้น หลัวชิงเซียนเปลี่ยนใจ “อืม! เจ้ากลับไปรายงานว่า อีกสิบวัน เราสองคนจะเข้าร่วมงานเลี้ยงเทพขนนก!”
“ทราบแล้ว!”
หลินชิงอวี่พยักหน้ารับ พร้อมกับหันหลังกลับเพื่อออกจากสถานที่
หลังจากหลินชิงอวี่ออกไป หลัวชิงเซียนเดินไปหาหนิงฝานพร้อมกล่าวอย่างกังวล “หนิงฝาน เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
“ไม่ ไม่เลย เจ้าไม่ต้องกังวล”
หนิงฝานส่ายศีรษะ เขาทราบดีว่าหลัวชิงเซียนคิดว่าเขาคงจะสูญเสียฐานการฝึกฝนไปมากมาย เพราะต้องทุกข์ทรมานกับคำสาปอมตะ
แต่ดังที่ทราบ มันตรงกันข้าม!
“ภรรยาเอ๋ย เจ้าช่วยเล่าเรื่องงานเลี้ยงเทพขนนกให้ข้าฟังได้หรือไม่?” หนิงฝานเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการกล่าวเรื่องของตนเองมากเกินไป
หลัวชิงเซียนพยักหน้าพร้อมกล่าวอธิบาย “งานเลี้ยงเทพขนนกเป็นงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นทุก ๆ ร้อยปีโดยราชวงศ์เทพขนนก เมืองหลวงจากดินแดนต่าง ๆ จะส่งคนเข้าร่วมงานเลี้ยง มันเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ทั้งเมืองจะถูกประดับด้วยผ้าแพรสีแดงสด เต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนาน มีการลั่นระฆัง การประลอง เซ่นสังเวยบูชาสวรรค์ รำบวงสรวงเทพเจ้า…”
หลังจากรับฟัง หนิงฝานพยักหน้าพร้อมคิดในใจอย่างลับ ๆ ‘งานเลี้ยงเทพขนนกมีประวัติศาสตร์ยาวนานจริง ๆ เช่นนี้งานเลี้ยงย่อมมีวิถีอุบัติ หึ ๆ รอดูเลยว่าข้าจะได้รับสมบัติที่ยอดเยี่ยมหรือไม่!’
…
ในอีกสิบวันข้างหน้า งานเลี้ยงเทพขนนกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ภายในเมืองเทพขนนกจึงปรากฏสีสันและชีวิตชีวาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ประตูเมืองเทพขนนกมีรถม้า เกวียน และเสลี่ยงมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองอย่างต่อเนื่อง
เหล่าขุนนางระดับสูง และผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนจากสามพันดินแดนปรากฏตัว เหล่าทูตมากมายยกโขยงกันเข้าสู่เมือง
ภายในตำหนักเทพขนนก ทั้งขันทีและสาวใช้ปรากฏตัวในทุกหนแห่ง อีกทั้งทุกตำหนักถูกประดับด้วยโคมไฟสีแดง และบรรยากาศล้วนรื่นเริง ถนนทุกสายปูด้วยผ้าไหมสีแดง มีทองคำ หยก และอัญมณีอื่น ๆ มากมายฝังเอาไว้ประดับประดา แสดงออกถึงความหรูหราอย่างไร้สิ้นสุด
ในขณะเดียวกัน บรรยากาศภายในราชวงศ์เทพขนนกเต็มไปด้วยความตึงเครียด เวลานี้ภายในราชวงศ์กำลังตระเตรียมผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง และจัดเตรียมการป้องกันที่แน่นหนา เพราะนี่คือการรวบรวมผู้แข็งแกร่งจากทั่วสารทิศ แน่นอนว่าราชวงศ์เทพขนนกย่อมไม่ขาดแคลนศัตรู
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่คิดซ่อนเร้นลอบเข้าสู่งานเลี้ยง พวกเขาจึงต้องเข้มงวดอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่กองทัพจักรวรรดิที่ปกป้องเมืองหลวงที่ต้องออกลาดตระเวนตลอดเวลา แต่แม่ทัพยิ่งใหญ่อย่างหลินชิงอวี่ยังไม่มีเวลาแม้แต่จะเงยหน้ามองท้องฟ้า
เช่นเดียวกัน บรรยากาศแห่งความรื่นเริง และความตึงเครียดของผู้คนทั้งหมดก็ผ่านพ้นไปในพริบตา
ในวันนี้ งานเลี้ยงเทพขนนกในรอบหนึ่งร้อยปีเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!