ตอนที่ 42 ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าแดงก่ำ (รีไรท์)
หลัวชิงเซียนกำลังจะกลับสู่ราชวงศ์เทพ และหนิงฝานตัดสินใจจะไปกับนาง
หลัวชิงเซียนต้องการกลับไปเพื่อค้นหาวิธีทำลายคำสาปอมตะให้กับหนิงฝาน ส่วนหนิงฝานนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก เขาเพียงต้องการหาสถานที่อื่น ๆ เพื่อลงชื่อเข้าใช้
ดังที่ทราบ วิถีอุบัติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหมดไปแล้ว และเขาก็หยุดนิ่งมานานกว่าครึ่งปี
เขาต้องการจะลงชื่อเข้าใช้เพื่อแข็งแกร่งขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องใช้วิถีอุบัติ
และแน่นอนว่าราชวงศ์เทพเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมาก!
“ฝ่าบาท ในเมื่อท่านตัดสินใจกลับ เช่นนั้นสามารถติดตามผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อออกเดินทางได้ในทันที”
เมื่อเห็นว่าหลัวชิงเซียนเปลี่ยนใจแล้ว หลินชิงอวี่พลันรู้สึกยินดียิ่ง
แม้การเดินทางคราวนี้จะทุลักทุเลและเขาถูกทุบตีอย่างทารุณ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็สามารถนำพาองค์หญิงกลับสู่ราชวงศ์เทพได้
“ไม่ต้องกังวล ข้าคือเจ้านิกายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ข้าจะออกไปโดยไม่บอกกล่าวพวกเขาได้อย่างไร!”
หลัวชิงเซียนโบกมือ ทว่ากลับมีความลังเลฉายชัดในแววตา
หนิงฝานก็รู้สึกเช่นเดียวกัน อย่างไรแล้ว เขาก็อยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมานานกว่าสิบปีนับตั้งแต่ข้ามเวลามาเยือน และเขาก็รู้สึกผูกพันกับสถานที่แห่งนี้อย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ หลินชิงอวี่ไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก
“อาวุโสหลี่ เรียกอาวุโสระดับสูงทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาพบข้า ข้ากับหนิงฝานมีเรื่องต้องบอกกล่าว”
ไม่นานนักตามคำสั่งของหลัวชิงเซียน ห้องโถงใหญ่ก็อัดแน่นไปด้วยเหล่าอาวุโสระดับสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“ทุกคน เราทั้งสองกำลังจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
เพียงประโยคเดียวของหลัวชิงเซียนก็ทำให้ห้องโถงนี้เกิดความโกลาหล
“อะไรกัน!”
“จักรพรรดินีของเราคิดออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
“เซียนกระบี่หนิงก็ไปด้วย!”
ทุกคนยิ่งตื่นตระหนกกับข่าวที่ได้รับ
แม้ว่าโลกจะสงบสุข ไม่มีปีศาจร้ายอีกต่อไป แต่จักรพรรดินีและหนิงฝานเปรียบเสมือนเสาหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อทั้งสองจากไป ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมทรุดโทรมลงเป็นแน่
“ทุกคน ข้าต้องพาหนิงฝานออกไปค้นหาวิธีถอนคำสาป หวังว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะเข้าใจข้า!” หลัวชิงเซียนผูกพันกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมากก็จริง แต่เพื่อหนิงฝาน นางจึงต้องยอมกลับสู่ราชวงศ์เทพ
“ทราบแล้ว!”
เมื่อหลัวชิงเซียนกล่าวเช่นนี้ ทุกคนจึงไม่คิดคัดค้านการตัดสินใจของนาง
“หลังจากจักรพรรดินีจากไป อาวุโสสูงสุดหลี่ฝูเฟิงจะขึ้นเป็นเจ้านิกาย!”
“นี่คือตราศักดิ์สิทธิ์ กุญแจสู่คลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์และสุสานปราชญ์ ทั้งหมดมอบให้เจ้าแล้ว”
เวลานี้หลัวชิงเซียนมอบบางสิ่งให้กับหลี่ฝูเฟิง
“ข้าอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นานเกินพอแล้ว และก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าขอฝากสิ่งเหล่านี้ไว้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
หนิงฝานหยิบเม็ดยาล้ำค่านับไม่ถ้วน ทั้งอาวุธ สมบัติในตำนานมากมายออกจากมิติเก็บของ
สมบัติเหล่านี้หนิงฝานได้รับมาหลังจากที่ลงชื่อเข้าใช้หลายปี และมีหลายชิ้นที่ไม่ได้ใช้งาน เขาจึงคิดทิ้งมันไว้ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถือได้ว่าส่งมันคืนแก่เจ้าของที่แท้จริง
ท้ายที่สุด หนิงฝานหยิบแผ่นจารึกมากด้วยบารมีน่าสะพรึงกลัวออกมา
มันคือค่ายกลที่ทรงพลังยิ่งกว่าที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีก่อนหน้านี้
“นี่คือค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ ข้าไม่ได้ใช้มันมากว่าครึ่งปี และไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม พลังของมันสามารถหยุดฝีเท้าของปราชญ์ยุทธ์ที่มีพลังเทียบเท่าบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ มีนามว่าค่ายอาคมอมตะ”
โอ้!
ในเวลานี้เอง ผู้คนมากมายถึงกับตกตะลึง
เดิมที สมบัตินับไม่ถ้วนที่หนิงฝานหยิบออกมาล้วนน่าทึ่งทั้งสิ้น แต่พวกเขาไม่คาดหวังว่าหนิงฝานจะมีแผ่นจารึกยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงเช่นนี้อยู่ในมือ
หนิงฝานยกยิ้ม
เหตุผลที่เขาสามารถแกะสลักจารึกขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ เพราะได้รับความสามารถเมื่อครั้งลงชื่อเข้าใช้ภายในภูเขาวิถีอาคม
“ขอบคุณองค์จักรพรรดินี!”
“ขอบคุณเซียนกระบี่หนิง!”
อาวุโสระดับสูงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแสดงความเคารพต่อหนิงฝานและหลัวชิงเซียน
แม้ทั้งสองจะจากไป แต่สมบัติที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลังก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่รอดได้ยืนยาว
“หลินชิงอวี่ เจ้าฝ่าฝืนเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และทำให้ผู้คนมากมายต้องบาดเจ็บ เวลานี้ยังไม่คิดทำสิ่งใดอีกหรือ!”
เวลานี้หลัวชิงเซียนชำเลืองมองหลินชิงอวี่ แต่นางก็ทราบดีว่าหลินชิงอวี่ในฐานะแม่ทัพของกองทัพอารักขาราชวงศ์เทพมากด้วยสมบัติในมือ
“อ่า ในเมื่อองค์หญิงกล่าวเช่นนั้น ข้าจึงจะมอบเม็ดยาจักรพรรดิทั้งสิบนี้ให้!”
อย่างไรแล้ว การนำพาหลัวชิงเซียนกลับสู่ราชวงศ์เทพนั้นทำให้หลินชิงอวี่ยินดียิ่ง เขารีบโยนเม็ดยาทั้งสิบออกไปทันที
“เจ้านิกายหลี่ รีบรับมันไว้เร็วเข้า หากเม็ดยาจักรพรรดิทั้งสิบนี้ถูกใช้อย่างเหมาะสม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์เพิ่มขึ้นถึงสิบคน!”
จากคำพูดของหลัวชิงเซียน หลี่ฝูเฟิงถึงกับตกตะลึงก่อนจะเก็บรวบรวมยาทั้งสิบเม็ดอย่างระมัดระวัง
“เจ้านิกายหลี่ ด้วยทรัพยากรเหล่านี้แล้ว แม้ข้าและหนิงฝานจะไม่ได้อยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีวันล่มสลายอย่างแน่นอน”
“หากเป็นเช่นนี้ พวกเราก็วางใจแล้ว!”
หลัวชิงเซียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางหันหน้ามองหนิงฝานก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นยืน
“ทุกคน แล้วพบกันใหม่!”
สิ้นสุรเสียงนั้น หลัวชิงเซียนและหนิงฝานเดินทางออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ตามด้วยหลินชิงอวี่และกลุ่มองครักษ์ติดตาม
หลังจากเห็นว่าหนิงฝานและหลัวชิงเซียนออกไปแล้ว หลี่ฝูเฟิงถอนหายใจเบาก่อนจะมองฝูงชนโดยรอบด้วยแววตาเคร่งขรึม
“ทุกคน! แม้จักรพรรดินีและเซียนกระบี่หนิงจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะไม่มีวันลืมความเมตตาของทั้งสองตลอดหลายปีที่ผ่านมาเด็ดขาด!”
“ข้าขอให้ใช้หินวิญญาณที่ดีที่สุด และช่างฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในการหล่อรูปปั้นของทั้งสองเพื่อให้ผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์บูชา!”
หลังจากหลี่ฝูเฟิงกล่าวจบ อาวุโสระดับสูงทุกคนเปล่งเสียงพร้อมกัน
“ยอดเยี่ยม!”
“ข้าจะไปจัดการ!”
“ข้าเห็นด้วย!”
“ทั้งสองเป็นผู้ประเสริฐ!”
…
นอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์
พรึ่บ!
หลินชิงอวี่สะบัดมือ แล้วรถม้างดงามก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนทันที โดยมีม้าสีเพลิงเก้าตัวเป็นตัวลาก
“องค์หญิง ท่านคงจะทราบว่าไม่มีอาคมเคลื่อนย้ายในดินแดนรกร้างทางเหนือ เวลานี้ท่านคงเหนื่อยมากแล้ว โปรดเชิญขึ้นรถม้าเถิด!”
หลัวชิงเซียนขึ้นรถม้าพร้อมกับหนิงฝานและนั่งลงประจำตำแหน่ง
“ออกเดินทาง!”
หลังจากหลินชิงอวี่กล่าวคำ ม้าทั้งเก้าก็ลากรถม้างดงามทะยานขึ้นท้องฟ้า ล้อมรอบด้วยองครักษ์ติดตาม
ระหว่างทาง
“เฮ้อ! ข้าอยู่ภายในพระราชวังจักรพรรดินีมาเนิ่นนาน ทิวทัศน์ข้างนอกนี้ช่างงดงามไม่น้อย!”
หนิงฝานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลังจากมองผ่านหน้าต่างบนรถม้า
นับตั้งแต่เดินทางข้ามเวลามา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอย่างแท้จริง
ครั้งสุดท้ายที่เขาออกมาคือการทำลายเก้าสำนักมหาอสูร และนั่นคือกลางดึกอีกทั้งยังเดินทางอย่างรีบร้อน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้รับชมสิ่งงดงาม
มันแตกต่างจากวันนี้ เมฆาลอยอยู่รอบทิศ ภูเขา แม่น้ำด้านล่างตัดสลับซับซ้อน ทิวทัศน์เหล่านี้งดงามเสียจนเขาอดไม่ได้ที่จะผ่อนคลาย
“สามี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะชื่นชอบทิวทัศน์ภายนอกมากเช่นนี้”
หลัวชิงเซียนปิดปากหัวเราะเบา ๆ
หนิงฝานพยักหน้าพร้อมกับนึกถึงบางอย่าง “อื้ม ในบ้านเกิดเดิมของข้า การเดินทางและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์โดยรอบมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก และหากสถานที่ใดงดงามมาก ๆ เราจะต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าชม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินชิงอวี่ที่อยู่นอกหน้าต่างพึมพำ “ดินแดนรกร้างทางเหนือนี้จะมีความงดงามอะไรกัน? ท่านคงไม่ทราบว่าความงดงามแท้จริงเป็นเช่นไร รอรับชมทิวทัศน์ของเมืองหลวงราชวงศ์เทพก่อนเถิด!”
“ข้าบอกแล้วหรือไม่ ว่าหากไม่สามารถกล่าวคำที่ดีได้ก็จงหุบปากเสีย!”
หนิงฝานกวาดสายตาอย่างเย็นชา หลินชิงอวี่ปิดปากเงียบสนิทในทันที
แม้หลินชิงอวี่จะเหยียดหยามภูมิหลังของหนิงฝานจากก้นบึ้งหัวใจ แต่เขาก็หวาดกลัวกับขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ของอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานปฏิบัติต่อแม่ทัพองครักษ์เลื่องชื่อผู้นี้อย่างตรงไปตรงมา หลัวชิงเซียนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ
นางพยักหน้าพร้อมกล่าวคำ “หนิงฝาน แม้ว่าหลินชิงอวี่จะกล่าวไม่ถูกใจเจ้า แต่สิ่งที่เขากล่าวก็เป็นความจริง เมืองหลวงแห่งราชวงศ์เทพมากด้วยทิวทัศน์งดงาม และเจ้าสามารถเพลิดเพลินกับมันได้ไม่รู้จบ”
หนิงฝานพยักหน้าพร้อมกล่าวถาม “ภรรยาข้า แล้วดินแดนรกร้างทางเหนือนี้ห่างไกลจากดินแดนแห่งราชวงศ์เทพหรือไม่?”
หลัวชิงเซียนตอบกลับ “ไกลมาก ไกลเกินจินตนาการ หากไม่มีค่ายอาคมเคลื่อนย้าย การเดินทางแบบนี้จะต้องใช้เวลากว่าสิบวัน!”
“อืม ต้องใช้เวลาถึงสิบวัน…”
เวลานี้หนิงฝานจึงตระหนักได้ว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก ก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออก “ยังมีเวลาอีกมากโข เรามาทำสิ่งที่เราชื่นชอบกันดีกว่า”
เขาสะบัดมือเพียงหนึ่งครั้ง ปราการป้องกันขอบเขตปราชญ์ห่อหุ้มรถม้าไว้ในฉับพลัน ตัดขาดการรับรู้จากหลินชิงอวี่และคนอื่น ๆ ด้านนอกรถม้าทันที
“เจ้า… เจ้าคิดทำสิ่งใด?” เมื่อเห็นเช่นนี้ แก้มของหลัวชิงเซียนแดงเรื่อ
“ฮ่า ๆ!”