ตอนที่ 50 อาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์ พิษสกัดมังกร (รีไรท์)
“คิดอยู่แล้วว่ามือสังหารจากที่ใดจะใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็คือเหล่าผู้เหลือรอดจากอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของชายชราและมือสังหารคนอื่น ๆ องค์จักรพรรดิก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา ชัดเจนว่ารู้จักคนกลุ่มนี้มาช้านาน
“หึ ผู้เหลือรอดจากอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์”
“เช่นนั้นผู้นำก็คงเป็นอดีตปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์”
“กลุ่มคนเดนตายเช่นนี้กล้ามารบกวนงานเลี้ยงของราชวงศ์แห่งเทพอย่างนั้นหรือ?”
“…”
เหล่าคณะผู้แทนต่างส่งเสียงเย้ยหยัน
“ผู้เหลือรอดจากอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?”
หนิงฝานรู้สึกงงงวย
หลัวชิงเซียนจึงหันมาให้ความกระจ่างแก่สามี “พวกเขาเคยเป็นอาณาจักรส่วนหนึ่งของเรา แต่เมื่อหลายร้อยปี ก่อนผู้นำของอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีความทะเยอทะยาน เขาซ่องสุมกำลังอย่างลับ ๆ ปราชญ์ยุทธ์ทั้งห้า ร่วมกันปล้นสะดม รุกรานชายแดนของราชวงศ์แห่งเทพ แต่ก็ถูกปราบปรามโดยองค์จักรพรรดิแห่งเทพ ก่อนที่ปราชญ์ยุทธทั้งสี่จะถูกสังหารในคืนเดียว และทำลายเมืองของพวกเขาจนสิ้น”
“ทว่าตอนนั้นยังมีปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องการแฝงกาย ซ่อนเร้นตัวตนผู้หนึ่งที่หนีรอดไปได้ ไม่คาดว่าเขาจะกลายมาเป็นผู้นำในการลอบเข้ามาในงานเลี้ยงครั้งนี้”
“เช่นนี้นี่เอง”
หนิงฝานพยักหน้า แต่ก็ยังมีเรื่องสงสัยในใจ
ถ้าหากว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นมาเป็นร้อยปี แต่อีกฝ่ายไม่ออกมาปรากฏตัว แล้วเป็นสิ่งใดที่ทำให้ปรมาจารย์ผู้นี้กล้าลอบเข้ามาถึงที่นี่อย่างไม่กลัวตายในวันนี้?
กลับมาเช่นนี้ก็เท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งไม่ใช่หรือ?
หรือว่ามีบางอย่างแปรเปลี่ยนไปจากเดิม?!
ขณะที่หนิงฝานกำลังครุ่นคิด ปรมาจารย์ของอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์พลันขยับกระบี่สีโลหิตในมือตน เจตจำนงค์แห่งกระบี่และจิตสังหารรุนแรงได้ปะทุขึ้นพร้อมกัน
“หลินไท่ซู วันนี้ปรมาจารย์ผู้นี้จักฆ่าเจ้าเพื่อล้างแค้นให้แก่อาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์!”
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
สิ้นเสียงของเขา เหล่ามือสังหารก็บุกเข้ามา
“มีคนคุ้มกันมากถึงเพียงนี้ ยังกล้าบุกเข้ามาอีกหรือ!?”
“ช่างกล้าเสียจริงที่มาก่อกวนงานเลี้ยงแห่งราชวงศ์เทพ เจ้าเจอดีแน่!”
“อยากตายก็เอาเลย!”
สิ้นเสียงตะโกน ร่างสามร่างพลันปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือขันทีเว่ย มหาดเล็กข้างกายขององค์จักรพรรดิ อีกสองคนอยู่ในชุดองค์รักษ์แห่งเทพ คนหนึ่งคือเว่ยเสวียน หัวหน้ากองกำลังผู้พิทักษ์เทพ อีกหนึ่งคืออวี้เฉิง ผู้บัญชาการทหารองค์รักษ์ของราชวงศ์เทพ
ทั้งสามคนแสดงพลังแห่งปราชญ์ยุทธ์ออกมาและพร้อมเข้าสู่การต่อสู้ทุกเมื่อ
การปรากฏตัวของทั้งสามคนทำให้ความโกลาหลโดยรอบสงบลงทันที
มีปราชญ์ยุทธ์ถึงสามท่านอยู่ที่นี่ แม้ว่าศัตรูจะเป็นถึงปราชญ์ยุทธ์เช่นกัน อีกฝ่ายก็คงไม่อาจทำสิ่งใดได้
“ฮ่า ๆ มีปราชญ์ยุทธ์สามคนอยู่ที่นี่งั้นหรือ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์บุกมาถึงที่นี่ คิดว่าจะทำให้ข้ากลัวได้สินะ”
มิคาดว่าผู้บุกรุกไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ทว่ากลับใช้คำพูดเย้ยหยันเสียด้วย
“ฮึ่ม ไร้ยางอายยิ่งนัก”
“เจ้าลูกหมาเดนตายกล้ามาเห่าเสียงดังถึงที่นี่”
เว่ยเสวียนกับอวี้เฉิงอยู่ในอารมณ์โกรธทั้งคู่ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็พยายามข่มใจไว้ ส่วนขันทีเว่ยแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตากลับเผยประกายแสนเย็นเยียบออกมา
“งั้นหรือ? ฮ่า ๆๆ”
ปรมาจารย์เฒ่ายิ้มอย่างเย็นชา และเริ่มร่ายเวทบางอย่าง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ฉับพลันนั้น
ขันทีเว่ย เว่ยเสวียน อวี้เฉิง และแม้แต่องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พลันตัวแข็งทื่อ เพราะจู่ ๆ ก็มีพลังพิษครอบงำร่างกายของท่านทั้งสี่ สกัดเส้นลมปราณทั้งเจ็ดและอวัยวะทั้งแปดของพวกเขาโดยตรง ชีพจรไปจนถึงจุดรวมวิญญาณตันเถียนล้วนถูกปิดกั้นทั้งหมด
“อันใดกัน!?”
“แย่แล้ว!”
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
เมื่อรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ขันทีเว่ยและคนทั้งสามก็หน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก
แม้แต่องค์จักรพรรดิก็หน้าถอดสี
“ฮ่า ๆๆ”
“พิษสกัดมังกร แม้ว่าจะไม่สามารถสังหารพวกเจ้าได้ แต่ก็ทำให้พวกเจ้าไม่อาจโคจรพลังใด ๆ ได้ครึ่งชั่วยาม บางทีมันอาจจะไม่นานเพียงนั้น ทว่านั่นก็เพียงพอให้ข้าลงมือสังหารเจ้าได้แล้ว”
หลังจากนั้น ปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็เงยหน้าขึ้นฟ้า ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ซ้ำยังมีจิตสังหารรุนแรงแฝงอยู่ในเสียงหัวเราะนั่นด้วย
ตู้ม!
เมื่อได้ยินถ้อยวาจานั้น สถานการณ์ในงานเลี้ยงพลันเริ่มโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าเพิ่งจะมาที่นี่ เป็นไปไม่ได้ที่จะวางยาพิษเรา แสดงว่ามีคนแฝงตัวอยู่ที่นี่มาก่อนอย่างนั้นหรือ?”
องค์จักรพรรดิมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา
“แน่นอน ข้าให้คนลอบวางยาพิษพวกเจ้าเมื่อครึ่งปีก่อน ทีละเล็กทีละน้อย ไม่อาจจับได้โดยง่าย หลังจากสะสมมาครึ่งปีก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าติดกับดักของข้า ฮ่า ๆๆ”
สวรรค์!
ครั้นได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ยิ่งมีอาการประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
มีเกลือเป็นหนอนแฝงตัวเพื่อวางยาพิษปราชญ์ยุทธ์ทุกท่านตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน… นี่ช่างเป็นการกระทำอย่างรอบคอบที่น่ากลัวยิ่งนัก
“เอาล่ะ”
“ไร้สาระมามากพอแล้ว ถึงเวลาส่งเจ้าไปยังปรโลกเสียที!”
ปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จากนั้นก็เปลี่ยนทีท่าเป็นพร้อมโจมตี เงื้อกระบี่หวังจะจัดการองค์จักรพรรดิ
“คุ้มกันองค์จักรพรรดิ!”
ความวุ่นวายทวีคูณขึ้นไปอีก ทหารองค์รักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนตรงเข้ามาหยุดการโจมตีนั้น ทว่ากลับถูกเหล่ามือสังหารมาขวางไว้
แม้แต่องค์รักษ์ขององค์จักรพรรดิที่ฝ่าการสกัดกั้นของมือสังหารเข้าไปได้ ก็ต้องถูกพลังของปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผลักออก
“บังอาจนัก!”
ปราชญ์ยุทธ์ทั้งสาม ขันทีเว่ย เว่ยเสวียน และอวี้เฉิงรีบตรงเข้ามาปกป้ององค์จักรพรรดิทันที
“ฮึ่ม! หลีกไป เมื่อฆ่าหลินไท่ซูเรียบร้อยแล้วจึงจะเป็นคราวของพวกเจ้า!”
เมื่อพวกเขาถูกสกัดการโคจรพลังก็หาใช่คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป กระบี่โลหิตของเขาฟาดฟันเพียงครั้งเดียว ทั้งสามก็กระเด็นไปไกลพร้อมกับรอยเลือดที่หน้าอก
ฉับ!
เพียงชั่วพริบตา ปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ฝ่าด่านปราชญ์ยุทธ์ทั้งสามไปได้อย่างง่ายดาย
“หลินไท่ซู ไปลงนรกเสีย!”
ตู้ม!
ขณะที่ฟาดกระบี่ออกไป มวลพลังมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่องค์จักรพรรดิเหมือนคมกระบี่ขนาดยักษ์
“องค์จักรพรรดิระวัง!”
ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ รวมทั้งคนในงานเลี้ยงทั้งหมดต่างมีสีหน้าหวาดกลัว
หากเทพขนนกต้องมาถูกสังหารในงานเลี้ยงเช่นนี้ อาณาจักรทั้งหมดไม่แคล้วต้องเกิดความโกลาหลเป็นแน่
“อ๊าก!”
ก่อนที่ลำแสงสีเลือดจะมาถึงร่างขององค์จักรพรรดิซึ่งพลังถูกปิดกั้น จนไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทันเวลา เจ้าตัวก็ตะโกนเสียงดังออกมา ส่งพลังปราณสีม่วงปรากฏเป็นร่างมังกรขนาดใหญ่ตรงเข้ารับลำแสงสีแดงอย่างดุเดือดทันที!
ตู้ม!
เมื่อร่างของมังกรปะทะกับลำแสงจากกระบี่ พลังงานมหาศาลก็ปะทุขึ้นทันที ก่อนจะระเบิดออกเป็นระลอกของคลื่นพลังอย่างรุนแรง และทำให้ทุกคนตกตะลึง
การสัประยุทธ์ครานี้ส่งผลให้นักรบธรรมดาสามัญไม่อาจทนได้อีก
มังกรสีม่วงหายไปพร้อมกับลำแสงสีแดงเมื่อครู่
“หึ ๆ สมกับเป็นเทพขนนกเสียจริง แม้ว่าจะไม่สามารถใช้พลังยุทธ์ของตนเองได้ แต่ก็ยังรับการโจมตีของข้าด้วยปราณเช่นนั้นได้”
“อยากจะรู้เสียจริงว่ามังกรนั่นจะปกป้องเจ้าจากข้าไปได้ซักกี่น้ำ”
ปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์เผยยิ้มเย็นชา แล้วมือก็วาดกระบี่ขึ้นฟาดฟันอีกครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง!
ลำแสงสีแดงจากกระบี่เต็มไปด้วยพลังมหาศาล
โฮก!
ปราณสีม่วงรูปร่างดั่งมังกรปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และยังพร้อมที่จะรับมือกับการโจมตีจากกระบี่สีเลือดอยู่
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
แต่ถึงกระนั้นลำแสงจากกระบี่ก็มีทรงพลังมิใช่น้อย อีกทั้งองค์จักรพรรดิเองก็มิอาจใช้ออกด้วยพลังของตนเองได้ ด้วยเหตุนี้มังกรจึงถูกโจมตีได้โดยง่าย และทุกครั้งที่ถูกโจมตี ร่างของผู้เป็นนายก็จะสั่นเทิ้ม พลังและวิญญาณที่ใกล้จะหมดลงอยู่แล้วพลันยิ่งเหือดแห้งลงจากการโจมตีเหล่านี้
เมื่อเห็นว่าองค์จักรพรรดิกำลังจะถูกสังหารด้วยกระบี่โลหิตนั้น
เสียงถอนหายใจหนึ่งก็ดังขึ้นกลางงานเลี้ยงของเหล่าเทพ
“เฮ้อ…”