ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] – ตอนที่ 52 ความโกลาหลภายในงานเลี้ยงเทพขนนก ภัยพิบัติคืบคลาน!

ตอนที่ 52 ความโกลาหลภายในงานเลี้ยงเทพขนนก ภัยพิบัติคืบคลาน!

ตอนที่ 52 ความโกลาหลภายในงานเลี้ยงเทพขนนก ภัยพิบัติคืบคลาน!

ทันทีที่ฝูงชนมองเห็นคำสาปอมตะพลุ่งพล่านออกจากร่างกายของหนิงฝาน เสียงสนทนาที่ตื่นเต้นก่อนหน้าพลันเงียบลงในบัดดล!

ใบหน้าของทุกผู้คนบิดเบี้ยวเป็นอย่างยิ่ง

“เอ่อ? นี่ใช่… คำสาปอมตะในตำนานหรือไม่?”

“คำสาปอมตะ! มันคือคำสาปอมตะจริง ๆ ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาก่อน!”

“ราชบุตรเขยถูกคำสาปอมตะจริงหรือนี่! เรื่องนี้มัน…”

“ผู้ใดก็ตามที่ถูกคำสาปอมตะ ต่อให้เป็นอมตะที่แท้จริงก็ย่อมสูญสลาย… บุตรเขยผู้นี้จะต้องพิการกลายเป็นผักในภายภาคหน้า เพราะเขาถูกคำสาปอมตะเข้าแล้ว!”

“เฮ้อ! ข้าอุตส่าห์คิดว่าราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพขนนกที่เป็นปราชญ์ยุทธ์ตั้งแต่วัยเยาว์ มิหนำซ้ำยังมากด้วยพรสวรรค์ คืออัจฉริยะไร้ผู้ใดเทียบและอนาคตภายภาคหน้าของเขาช่างสดใสยิ่งนัก ทว่าเวลานี้เขาเป็นได้เพียงแค่เศษขยะที่ไร้ประโยชน์เสียอย่างนั้น!”

“น่าเศร้ายิ่งนัก เขาอุตส่าห์มีพรสวรรค์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้!”

“…”

แววตาที่เคยเปล่งประกายของผู้คนพลันดับวูบลงในทันที

หลาย ๆ คนถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ

“หนิงฝาน! เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”

ในเวลานี้ หลัวชิงเซียนพลันรีบรุดเข้ามาหาชายหนุ่ม แววตาคู่งามเต็มไปด้วยความกังวล ขณะเดียวกันดวงหน้างามพิลาสนั้นก็เผยความรู้สึกผิดออกมา

นางรู้ว่าหากตนไม่ร้องขอให้หนิงฝานเคลื่อนไหว คำสาปอมตะนี้จะไม่ปรากฏขึ้นมาแน่นอน

ในความคิดของนาง ทุกครั้งที่คำสาปอมตะปะทุออกมา พลังชีวิตของหนิงฝานจะลดลง

“ที่รักของข้า เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าสบายดี!” หนิงฝานหัวเราะเบา ๆ พร้อมกล่าวคำอย่างผ่อนคลาย

อย่างไรก็ตาม ยิ่งหนิงฝานเผยท่าทีเช่นนี้ หลัวชิงเซียนยิ่งกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น และใบหน้าที่รู้สึกผิดอยู่แล้วก็ยิ่งย่ำแย่ขึ้นไปอีก

เมื่อเห็นนางทำหน้าเช่นนั้น หนิงฝานพลันเผยรอยยิ้มประหลาดก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “ไม่ต้องห่วงข้าหรอก รีบไปดูบิดาของเจ้าก่อนเถิด!”

“เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดมากหรอก อย่างไรก็ไม่ตายตกแน่นอน!”

แม้หลัวชิงเซียนจะกล่าวเช่นนั้น ทว่าสายตาของนางก็ยังแอบชำเลืองมองอยู่

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!

ในตอนนี้เอง ขันทีเว่ย เว่ยเสวียน อวี้เฉิง และคนอื่น ๆ ก็รีบรุดเข้าไปหาหลินไท่ซู

“ฝ่าบาท พระวรกายเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ!?”

“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่อาจปกป้องท่านได้ กระหม่อมสมควรตาย!”

“ฝ่าบาท โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันทีที่ทั้งสามเข้ามาถึง พวกเขาก็คุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว มีเพียงหนิงฝานกับหลัวชิงเซียนเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ ขณะที่ทุกคนในงานเลี้ยงต่างคุกเข่าลงพร้อมกับกล่าวตะโกนเพื่อขอให้หลินไท่ซูลงโทษทัณฑ์

ท้ายที่สุดแล้ว ทุกผู้คนที่อยู่ตรงนั้นยกเว้นหนิงฝาน ล้วนแต่ถูกพิษร้ายเล่นงานจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้!

ทว่าในเวลานี้ หลินไท่ซูไม่คิดสนใจผู้อื่น

อัก!

ทุกคนแค่คาดเดาว่าหลินไท่ซูเพียงสงบนิ่งก่อนจะระเบิดความโกรธออกมา แต่เขากลับกระอักโลหิตคำใหญ่ออกมา โลหิตเหล่านั้นแห้งกรังและเป็นสีเหลืองไม่ใช่สีแดงอย่างที่ควรเป็น

“ฝ่าบาท!”

ทุกคนตื่นตระหนก

“กลับ!”

หลังจากหลินไท่ซูกล่าวออกมาหนึ่งคำ เขาก็สิ้นสติไปในทันที

“ฝ่าบาทหมดสติ!”

“รีบพาพระองค์เสด็จกลับ! เร็วเข้า!”

“มาช่วยข้าเร็ว!”

“…”

เมื่อเห็นหลินไท่ซูหมดสติไป งานเลี้ยงเทพขนนกก็ตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลินไท่ซูที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจะหมดสติไปง่ายดายเช่นนี้

เมื่อเห็นสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ แม้ก่อนหน้าหลัวชิงเซียนจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่เวลานี้นางถึงกับเก็บอาการห่วงใยไว้ไม่มิด

“เขา… เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

“เขาไม่ได้บาดเจ็บมิใช่หรือ?”

หนิงฝานทำได้เพียงถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวคำเบา “ภรรยาข้า… เอาล่ะ ถึงเวลากล่าวความจริงกับเจ้าแล้ว เมื่อสามเดือนก่อน ข้าเห็นว่าทั้งโลหิตและพลังวิญญาณฟ้าดินของบิดาเจ้ามาถึงจุดที่ใกล้สูญสิ้นเต็มที และเวลานี้หายนะของเขาก็มาถึงแล้ว เขาไม่อาจต้านทานมันได้อีกต่อไป!”

“ว่าอย่างไรนะ?”

“เป็นไปไม่ได้!”

“เขาคือเทพขนนกอันดับต้น ๆ ของปราชญ์ยุทธ์ ซ้ำยังมีปราณมังกรม่วงอยู่ในครอบครอง เพราะอย่างนั้นเขาสมควรมีอายุยืนกว่าสองพันปี แต่เวลานี้เขาขึ้นครองบัลลังก์ได้เพียงแปดร้อยปีเท่านั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะต้องจบชีวิตลง!”

หลัวชิงเซียนกล่าวอย่างไม่คิดเชื่อ

“ข้าก็ไม่ทราบรายละเอียดนัก แต่ความตายมาเยือนชีวิตของเขาแล้ว”

หนิงฝานส่ายศีรษะ ก่อนจะมองหลัวชิงเซียนด้วยใบหน้าว่างเปล่า เขาสวมกอดร่างบางในทันทีพร้อมกับกล่าวปลอมประโลม “ไปเถิด ไปหาเขากัน!”

เมื่อหลินไท่ซูหมดสติกะทันหัน งานเลี้ยงเทพขนนกจำต้องยุติลงด้วยเหตุนี้

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเทพขนนกก็แพร่กระจายออกไปพร้อมกับผู้คนในงาน ข่าวนี้แพร่สะพัดออกสู่ภายนอกครอบคลุมทั้งสามพันดินแดน และแม้กระทั่งชายแดนของอาณาจักรก็ยังทราบเรื่องราวเหล่านี้

“เพ่ย! เจ้าได้ยินข่าวหรือไม่ว่า มือสังหารแห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวที่งานเลี้ยงเทพขนนก!”

“ข้าได้ยินเรื่องนี้แล้ว และข้าก็ได้ยินมาด้วยว่าอดีตปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์วางแผนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ครึ่งปีก่อน มิหนำซ้ำยังร่วมมือกับสายลับของตำหนักชั้นในเพื่อวางยาพิษผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด ทำให้ปราชญ์ยุทธ์ภายในตำหนักถึงกับมิอาจใช้พลังยุทธ์ได้เพราะถูกพิษสกัดมังกร กระทั่งจักรพรรดิเทพขนนกยังเกือบต้องตายตกภายใต้คมกระบี่ของมือสังหาร!”

“สวรรค์! แล้วเกิดสิ่งใดขึ้นหลังจากนั้น?”

“เรื่องราวต่อจากนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านี้อีก องค์หญิงแห่งราชวงศ์เทพมีพระสวามีแล้ว และเขาก็มีนามว่าหนิงฝาน บุรุษผู้นี้อายุเพียงสามสิบปี แต่กลับอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์แล้ว ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสังหารศัตรูทั้งหมดด้วยกระบวนท่าเดียว รวมถึงอดีตปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสุริยันศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน!”

“โอ้! ปราชญ์ยุทธ์ในวัยสามสิบ! พรสวรรค์ของราชบุตรเขยผู้นี้ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!”

“ทว่าช่างน่าเสียดายเหลือเกิน ราชบุตรเขยผู้นี้ตกอยู่ภายใต้คำสาปอมตะ มันเป็นคำสาปที่สามารถทำลายล้างอมตะได้!”

“ว่าอย่างไรนะ… คำสาปอมตะ! น่าสงสารเสียจริง หากตกอยู่ภายใต้คำสาปอมตะ ต่อให้มากพรสวรรค์เพียงใดก็ไม่ต่างอะไรจากเศษขยะ!”

“ไม่เพียงแต่ราชบุตรเขยจะไร้ประโยชน์ แต่ดูเหมือนองค์จักรพรรดิก็มิใช่จะดีไปกว่ากัน!”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ! องค์จักรพรรดิเทพขนนกสิ้นชีพแล้วหรือ?”

“หึ! ราชวงศ์เทพขนนกกำลังตกที่นั่งลำบากแล้ว!”

“…”

เรื่องราวภายในงานเลี้ยงเทพขนนกแพร่กระจายไปทั่ว และผู้คนทั่วแผ่นดินก็กำลังกล่าวถึงเรื่องนี้

อย่างไรแล้ว เรื่องราวภายในงานเลี้ยงก็เผยสิ่งที่หมักหมมออกมาสู่โลกภายนอกจนหมดสิ้น

ณ พระราชวังเทพขนนก ตำหนักวังมังกรแท้จริง

ในขณะนี้ ที่ด้านนอกของห้องโถงใหญ่มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน ทั้งองค์ชายและเหล่านางสนม รวมถึงข้าราชบริพาร แม่ทัพ นายกอง และคนอื่น ๆ

ในหมู่คนเหล่านี้ บางคนเผยความกระวนกระวายออกมา บางคนถอนหายใจ บางคนไร้ซึ่งอารมณ์ ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าที่แตกต่างกันไป

หนิงฝานและหลัวชิงเซียนก็ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาเหล่านั้นด้วย

ภายในห้องโถง

บนเตียงไม้จันทร์ที่แข็งแกร่งมีร่างซีดเซียวของหลินไท่ซูนอนอยู่ และในตอนนี้หมอหลวงกำลังตรวจสอบชีพจรของเขาอยู่

ปราชญ์ยุทธ์หกคนยืนอารักษ์อยู่รอบเตียง ในหมู่คนเหล่านี้มีขันทีเว่ย เว่ยเสวียน และอวี้เฉิงรวมอยู่ด้วย

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อหมอหลวงหยุดมือ ทุกคนก็รีบกล่าวถามทันที

หมอหลวงส่ายศีรษะพร้อมกล่าวคำ “โลหิตเหือดแห้ง จิตวิญญาณเหี่ยวเฉา แม้ข้าจะมีใจอยากรักษา แต่ก็มิอาจฝืนชะตาจากสวรรค์ได้!”

ใบหน้าของขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ เผยความหนักอึ้งออกมา อันที่จริง สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องให้หมอหลวงกล่าวคำเลยก็ย่อมได้

เพราะเวลานี้ร่างกายของหลินไท่ซูไร้ซึ่งปราณมังกรม่วงอีกต่อไปแล้ว พวกเขามองเห็นความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายในได้อย่างง่ายดาย เป็นจริงอย่างที่หมอหลวงกล่าวคำ หลินไท่ซูกำลังมาถึงจุดจบของชีวิตแล้ว

“องค์จักรพรรดิเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ได้เพียงแปดร้อยปี ตามตำนานแล้ว ปราชญ์ยุทธ์ย่อมมีเส้นทางชีวิตอันยาวนาน แต่เหตุใดพระองค์จึงตกอยู่ในสภาพแห้งเหี่ยวได้!”

ขันทีเว่ยกับคนอื่น ๆ มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

“แค่ก ๆ”

ในเวลานี้เอง หลินไท่ซูพลันตื่นขึ้นพร้อมกับไอออกมาเบา ๆ

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทตื่นแล้ว!”

ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ รีบรุดเข้าไปใกล้

“ถอยออกไป!”

หลินไท่ซูบอกให้หมอหลวงถอยออกไปพร้อมกับถอนหายใจยาว “เฮ้อ… ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วสินะ แม้ข้าอยากจะปิดบังเพียงใดก็คงทำไม่ได้แล้ว”

หลังจากนั้น เขาก็เอ่ยปากเล่าเรื่องแม่มดที่ลอบทำร้ายในเวลานั้น

“เป็นเพราะนังแม่มดนั่น!”

ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ เผยสีหน้ามืดมน พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม่มดนั่น ไม่เพียงแต่จะสังหารมารดาของหลัวชิงเซียนเท่านั้น แต่ยังทำให้องค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทพขนนกต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ด้วย

“เฮ้อ! ข้าเสียใจจริง ๆ!”

ใบหน้าของหลินไท่ซูเผยความสำนึกผิดออกมา จากนั้นแววตาพยัคฆ์ก็สงบนิ่งก่อนจะกล่าวคำ “ข้าคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แม่มดผู้นั้นไม่สมควรเป็นคนธรรมดาไปได้ นางจักต้องเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่มีความเชี่ยวชาญด้านมนตร์เสน่ห์ มิฉะนั้นข้าคงไม่ตกต่ำได้ถึงเพียงนี้!”

“จิ้งจอกเก้าหาง? หรือว่าคือ… ราชวงศ์เทพหมื่นอสูร!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนพลันตื่นตระหนกในทันที

ราชวงศ์เทพหมื่นอสูรนั้นไม่ต่างอะไรจากราชวงศ์เทพขนนก นี่คือราชวงศ์เทพสูงสุดที่ปกครองเหล่าอสูรนับร้อยล้านตน ความแข็งแกร่งของพวกมันย่อมไม่อาจประเมินค่าได้

“ควรเป็นเช่นนั้น!”

“และไม่ใช่เพียงราชวงศ์เทพหมื่นอสูรเท่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการต่อต้านราชวงศ์เทพขนนกของข้ามากยิ่งขึ้น ข้าสัมผัสได้ว่ายังมีเงาของราชวงศ์ผานอู่และเทพเร้นลับทั้งแปด อย่างเช่นวันนี้ที่เราต้องเผชิญคือพิษสกัดมังกรที่มีต้นกำเนิดจากเทพเร้นลับทั้งแปด!” หลินไท่ซูอธิบาย

“ผานอู่! เทพเร้นลับทั้งแปด! หมื่นอสูร!”

เมื่อได้ยินชื่อเหล่านี้ ทุกคนล้วนเผยสีหน้าเคร่งขรึมทันที

เพราะดินแดนที่ปกครองโดยราชวงศ์ยิ่งใหญ่ทั้งสามนี้ ความแข็งแกร่งของพวกมันไม่ด้อยไปกว่าราชวงศ์เทพขนนกแม้แต่น้อย หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!

“พวกเจ้ายังจดจำคำทำนายของราชวงศ์เทพขนนกได้หรือไม่?”

หลินไท่ซูกล่าวขึ้นอีกครั้ง แล้วคำพูดนี้ก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน

“วันก่อตั้งราชวงศ์เทพขนนก ตามตำนานเล่าขานว่ามีจำนวนทวยเทพที่เสด็จลงจากสวรรค์ถึงหนึ่งหมื่นแปดพันองค์ ในเวลานั้นร่ำลือกันว่าความรุ่งเรืองของราชวงศ์เทพขนนกจะยืนยาวกว่าหนึ่งหมื่นแปดพันปี ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ราชวงศ์เทพขนนกของข้าดำรงอยู่มานานกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยปี… อีกเพียงเล็กน้อยก็จะครบเวลาแล้ว!”

หลินไท่ซูถอนหายใจ แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความกังวล

“เรื่องนี้…”

ทุกคนไม่กล้ากล่าวตอบ คำพูดในปากราวกับหนักอึ้งขึ้นมาจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดออกไป

แล้วในเวลานี้หลินไท่ซูก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ไม่ว่าจำนวนเทพเจ้าที่เสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ความจริงในวันนี้คือ อำนาจของราชวงศ์เทพขนนกนั้นด้อยลงทุก ๆ วัน และดูเหมือนว่าช่วงเวลาสุดท้ายของราชวงศ์เทพขนนกกำลังจะ…”

“เผชิญหน้ากับหายนะ!”

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

Status: Ongoing

หนิงฝาน' ชายหนุ่มผู้เดินทางข้ามสายธารแห่งกาลเวลามาเป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีก็คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้อ่อนแอและเกาะภรรยากินไปชั่วชีวิตเสียแล้ว ทว่าจู่ ๆ เขากลับเปิดใช้งานระบบสลากขั้นเทพได้...

นี่เองคือจุดเริ่มต้นใหม่ของผู้ที่ 'เคยอ่อนแอ' มาก่อน!

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ในพระราชวังจักรพรรดินีเสร็จสิ้น และได้ร่างกายของเซียนดาบ!]

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ยอดเขาสารพัดประโยชน์ได้สำเร็จ และได้รับเสื้อคลุมเร้นลับ!]

หนิงฝานเดินเล่นไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมระบบสลากขั้นเทพ ล็อกอินสถานที่อย่างเงียบ ๆ ในฐานะสามีผู้ไร้ค่าของจักรพรรดินี จนกระทั่งหลายปีต่อมา บรรพชนของปีศาจทั้งหลายถือกำเนิดขึ้นและยกกองทัพปีศาจนับล้านบุกแดนศักดิ์สิทธิ์!

จักรพรรดินีผู้เลอโฉมพ่ายแพ้ และทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในภยันตราย! หนิงฝานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยื่นมือเข้ามาช่วย ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปีศาจนับล้านพลันถูกกำจัด! แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มไม่ได้สนใจมากนัก... เพราะเขารู้เพียงว่าเขาได้กลายเป็นตัวตน 'อมตะ' ในโลกนี้แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท