ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌] – ตอนที่ 67 สะกดข่มจักรพรรดิทั้งเจ็ด!

ตอนที่ 67 สะกดข่มจักรพรรดิทั้งเจ็ด!

ตอนที่ 67 สะกดข่มจักรพรรดิทั้งเจ็ด!

เมื่อเห็นร่างหนึ่งตรงมาขวางหน้า ใบหน้าของจักรพรรดิทั้งเจ็ดถึงกับแข็งทื่อไปในบัดดล เพราะคิดโดยจิตสำนึกว่าราชวงศ์เทพขนนกจะรู้สึกเสียดายและส่งคนมาหยุดพวกเขา

ทว่าเมื่อพวกเขาจับจ้องเข้าไปใกล้ ๆ ก็ถึงกับตกตะลึงในภาพที่ได้เห็น

“เป็นเจ้า!” ในใจของจักรพรรดิทั้งเจ็ดรู้สึกประหลาดใจยิ่ง

เพราะผู้ที่มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพขนนก

“เป็นข้าเอง!” หนิงฝานกล่าวคำเบา

“มาคนเดียวงั้นหรือ?” ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดกล่าวพร้อมกับมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง

“ไม่ต้องมองไปไหน ข้ามาคนเดียว!” หนิงฝานกล่าวตอบ

“ฮ่า ๆ น่าสนใจ เจ้านั่นน่าสนใจจริง ๆ แล้ว!”

เมื่อเห็นว่ามีหนิงฝานเพียงคนเดียว เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันออกมา “เพื่อเห็นแก่ราชวงศ์เทพขนนก พวกเราก็ไว้ชีวิตเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับโผล่หัวมาที่นี่!”

“เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าเวลานี้เจ้าอยู่นอกเขตเมืองเทพขนนกแล้ว และเวลานี้ไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้เคียง แม้เราจะสังหารเจ้า ราชวงศ์เทพขนนกก็ไม่อาจตำหนิพวกเราได้!”

ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดมองหนิงฝานอย่างมุ่งร้าย

โง่เขลายิ่งนัก!

ราชวงศ์เทพขนนกจ่ายเพื่อแลกกับชีวิตของเขาอย่างมหาศาล แต่ในพริบตาชายผู้นี้กลับมาแสวงหาความตายถึงที่!

“สองประการ!”

หนิงฝานชูสองนิ้วต่อหน้าทุกคน

“ประการแรก พวกเจ้าไม่อาจสังหารข้าได้!”

“ประการที่สอง ข้าไม่ชินกับการเป็นที่โปรดปรานของผู้อื่น แม้ว่าสำหรับข้าแล้ว ราชวงศ์เทพขนนกดูจะเอาแต่ใจไปหน่อย แต่สุดท้ายแล้วข้าก็ต้องตอบแทนน้ำใจพวกเขา!”

“ฮะ… ฮ่า ๆ… ฮ่า ๆๆ!!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดพลันตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งราวกับถ้อยคำที่ได้ยินเป็นเพียงเรื่องขบขัน

“ฮ่า ๆๆ ชายผู้นี้บอกกล่าวว่าพวกเราไม่อาจสังหารมัน!”

“ดูเหมือนว่าในกะโหลกของเขาจะมีสิ่งผิดปกติแล้ว!”

“ฮึ่ม! ก็แค่ขยะที่ถูกคำสาปอมตะเล่นงาน ร่างกายเขามีความสามารถเทียบเท่ากับปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นแรกเท่านั้น แต่กลับหาญกล้าวิ่งมาขวางหน้าพวกเรา!”

“…”

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าจักรพรรดิทั้งเจ็ด แล้วพวกเขาทุกคนก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง

ในที่สุด

เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูยิ้มเยาะและพูดว่า “ไอ้หนู ในเมื่อเจ้ายืนยันที่จะแสวงหาความตาย เช่นนั้นการฆ่าเจ้าให้สาวใช้ต่ำต้อยผู้นั้นคงจะยุติธรรมสำหรับนางแล้ว”

ตู้ม!

สิ้นเสียง เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูก็ปลดปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงใส่หนิงฝานทันที

สายตาของหนิงฝานมองลำแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยแววตาสงบ

เขาส่ายศีรษะเบา ๆ

ก่อนจะกล่าวคำ

“ในโลกนี้ มีแต่พวกโอหังที่มองว่าผู้อื่นเป็นมดปลวก แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าบางครั้ง… พวกเขาต่างหากที่เป็นเพียงเศษขยะในสายตาผู้อื่น…”

“ไอ้พวกมดปลวก!”

กล่าวจบ หนิงฝานก็ยกมือขึ้นเพื่อสะกดข่มจักรพรรดิทั้งเจ็ด

ตู้ม!!!

แล้วพลังฝ่ามือนี้ก็ปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สี่ออกมา บังเกิดลมกระโชกแรงพร้อมกับท้องนภาร้องคำรนกึกก้อง ในพริบตา ฝ่ามือขนาดใหญ่เกินกว่าจินตนาการควบแน่นแล้วปรากฏออกมาบนอากาศ ฝ่ามือใหญ่ทว่างดงาม ซ้ำยังสามารถมองเห็นลายนิ้วมือชัดเจนราวกับหัตถ์ของเทพเจ้า ด้วยพลังเทียบสวรรค์นี้มันกดข่มจักรพรรดิทั้งเจ็ดไว้ใต้ฝ่ามืออย่างไร้ความปรานี!

“อันใดกัน!!!”

“นี่… กลิ่นอายนี้… ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สี่!”

“สวรรค์ขั้นที่สี่! เจ้าคือปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สี่!”

“ไม่! เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“…”

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ใบหน้าของเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูกลายเป็นแข็งค้างในบัดดล!

ดวงตาของทุกคนแทบจะถลนออกมา ใบหน้ามีแต่ความประหลาดใจไม่สิ้นสุด

ร่ำลือกันว่าราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพต้องคำสาปอมตะ และความแข็งแกร่งของของเขาก็อยู่เพียงแค่ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นแรกเท่านั้น!

แต่เวลานี้พวกเขากลับเผชิญหน้ากับปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สี่!

“เร็ว! ร่วมมือกันฆ่ามัน!”

ด้วยแรงกดขี่จากฝ่ามือยักษ์ มันสายเกินไปแล้วที่ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดจะเคลื่อนไหวได้

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!!!

ร่างของปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดระเบิดพลังออกพร้อมกัน

พลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดพุ่งทะยานออกไป แล้วแต่ละคนก็เปิดเผยพลังของตนเองออกมา บางคนใช้หมัด บางคนถือกระบี่ บางคนใช้ดาบ และอื่น ๆ

ในขณะนี้ หลังจากพวกเขาปลดปล่อยพลังไร้สิ้นสุดของตนออกมา ทั้งหมดก็พยายามอย่างยิ่งที่จะบุกโจมตีโดยหวังว่าจะต่อต้านฝ่ามือยักษ์ตรงหน้าได้

ปัง! ปัง! ปัง!

ทว่าชั่วครู่ต่อมา ใบหน้าทุกคนถึงกับเผยความสยดสยอง ฝ่ามือยักษ์กดลงมา การโจมตีของพวกเขาทั้งเจ็ดถูกบดขยี้จนแหลกสลายหายไปในพริบตา

ขณะที่แววตาเผยความสิ้นหวัง ฝ่ามือยักษ์พลันกดลงมาอีกครั้ง

ตู้ม!

บังเกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง ทั้งเจ็ดถูกปราบปรามโดยสิ้นเชิง!

อะไรกัน!

ในตอนนี้ ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงราวกับว่าทั้งหมดกำลังแบกสวรรค์เอาไว้บนหลัง พลังอันมหาศาลและน่าสะพรึงกลัวทำให้ร่างกายของพวกเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง มิหนำซ้ำ ความเจ็บปวดยังเสียดแทงลึกไปถึงจิตวิญญาณ

พวกเขาอยากจะหยัดยืน อยากจะต่อต้าน อยากจะเงยหน้าขึ้น… แต่กลับไม่อาจทำได้สักอย่าง

และเวลานี้ทั้งเจ็ดก็กลายเป็นมดปลวกตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ภายใต้ฝ่ามือของผู้อื่น

มดปลวก

ที่อ่อนแอ

และทำได้เพียงร้องขอร้องความเมตตา

ขณะที่หนิงฝานจับจ้องไปยังปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดที่ถูกสะกดข่ม ชายหนุ่มยังไม่คิดสังหารพวกเขาทันที แต่เผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา “ที่บอกว่าพวกเจ้าไม่อาจสังหารข้าได้ มันยังน่าขันอยู่หรือไม่?”

ใบหน้าทั้งเจ็ดเปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่รู้ว่าพวกเขาละอายใจกับสิ่งที่กล่าวก่อนหน้า หรือพวกเขากำลังจะหมดแรงเพราะถูกแรงกดข่มจากฝ่ามือยักษ์

ขณะเดียวกัน

พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงช่องว่างระหว่างตนเองกับหนิงฝานแล้ว ด้วยเหุตนี้ การเย้ยหยันและจิตสังหารจึงไม่ปรากฏบนสีหน้าของพวกเขาอีกต่อไป

“ข้าขอโทษแล้ว เวลานี้พวกเราทราบความผิดทั้งหมด เป็นพวกเราที่ดวงตามืดบอดไปเอง!”

“ได้โปรด ปล่อยพวกเราไป อย่าได้ลงมืออีกเลย!”

“เราจะชดใช้ให้กับเจ้า ตราบใดที่ไม่คิดสังหาร ต่อให้ร้องขอสิ่งใดพวกเราล้วนยินยอมทั้งสิ้น!”

“อ๊าก! อย่าขยับอีกเลย ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว!”

“…”

เวลานี้จักรพรรดิทั้งเจ็ดกำลังเจ็บปวดพร้อมกับร้องขอความเมตตาทีละคน

“ปล่อยพวกเจ้าไปก็ได้ แต่พวกเจ้าต้องยอมจำนนและเป็นทาสรับใช้ของข้า!”

หนิงฝานเหยียดยิ้มเย็นชา

“ว่าไงพวกทาสรับใช้!”

“ไม่! พวกเราคือปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ด จะตกเป็นทาสผู้อื่นได้อย่างไร!?”

“เราสามารถมอบทุกสิ่งอย่าง ทั้งหินวิญญาณ เม็ดยา สมบัติศักดิ์สิทธิ์…”

“พวกเราคือผู้ฝึกยุทธ์มากด้วยเกียรติ ย่อมไม่มีวันตกเป็นทาสของผู้อื่น หากเจ้ากล้าทำ เช่นนั้นก็ลงมือเสีย!”

“…”

เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดก็เผยความขุ่นเคืองยิ่ง

มันช่างเป็นเรื่องน่าขมขื่นและเหยียบย่ำเกียรติยิ่งที่จะให้จักรพรรดิทั้งเจ็ดผู้ครองอำนาจมาอย่างยาวนานกลายเป็นทาสรับใช้ ถ้าเช่นนั้น พวกเขายินยอมที่จะตายเสียมากกว่า

“เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า พวกเจ้าก็ไร้สิทธิ์ที่จะร้องขอ!”

ทว่าหนิงฝานกลับไม่คิดสนใจ เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาและวาจานั้นก็เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ

จากนั้น

เขาหงายฝ่ามือก่อนจะควบแน่นพระราชลัญจกรเจ็ดดวงไว้ในอุ้งมือ นี่คือ… พระราชลัญจกร!

“ไป!”

ในวินาทีถัดมา เพียงการสะบัดฝ่ามือ พระราชลัญจกรทั้งเจ็ดก็พุ่งออกเป็นลำแสงตรงเข้าสู่ร่างกายของจักรพรรดิทั้งเจ็ด

“บัดซบ? นี่คือสิ่งใด!?”

“เจ้าทำอะไรพวกเรา!”

“ไอ้เวร เจ้าทำบ้าอะไร!”

“…”

ทันทีที่เห็นว่าลำแสงหนึ่งพุ่งเข้าสู่ร่างกาย ทั้งเจ็ดพลันตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที

ทั้งหมดสังหรณ์ใจว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น

เมื่อพระราชลัญจกรสำแดงอำนาจกับร่างของคนทั้งเจ็ด ร่างกายของพวกเขาพลันแข็งทื่อราวกับกลายเป็นหุ่นเชิด และทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกควบคุมโดยหนิงฝาน

พรึ่บ!

ท้ายที่สุด เมื่อหนิงฝานหยุดใช้งานหัตถ์เทพเจ้า ทั้งเจ็ดที่ได้รับอิสรภาพกลับคืนไม่คิดตะโกนถ้อยคำหยาบคายอีกต่อไป ทั้งหมดคุกเข่าลงต่อหน้าหนิงฝานโดยพร้อมเพรียงกัน

“นายท่าน!”

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

ระบบล็อกอินสู่สวรรค์ [苟在女帝宫我举世无敌]

Status: Ongoing

หนิงฝาน' ชายหนุ่มผู้เดินทางข้ามสายธารแห่งกาลเวลามาเป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีก็คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้อ่อนแอและเกาะภรรยากินไปชั่วชีวิตเสียแล้ว ทว่าจู่ ๆ เขากลับเปิดใช้งานระบบสลากขั้นเทพได้...

นี่เองคือจุดเริ่มต้นใหม่ของผู้ที่ 'เคยอ่อนแอ' มาก่อน!

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ในพระราชวังจักรพรรดินีเสร็จสิ้น และได้ร่างกายของเซียนดาบ!]

[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ยอดเขาสารพัดประโยชน์ได้สำเร็จ และได้รับเสื้อคลุมเร้นลับ!]

หนิงฝานเดินเล่นไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมระบบสลากขั้นเทพ ล็อกอินสถานที่อย่างเงียบ ๆ ในฐานะสามีผู้ไร้ค่าของจักรพรรดินี จนกระทั่งหลายปีต่อมา บรรพชนของปีศาจทั้งหลายถือกำเนิดขึ้นและยกกองทัพปีศาจนับล้านบุกแดนศักดิ์สิทธิ์!

จักรพรรดินีผู้เลอโฉมพ่ายแพ้ และทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในภยันตราย! หนิงฝานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยื่นมือเข้ามาช่วย ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปีศาจนับล้านพลันถูกกำจัด! แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มไม่ได้สนใจมากนัก... เพราะเขารู้เพียงว่าเขาได้กลายเป็นตัวตน 'อมตะ' ในโลกนี้แล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท