งามและโอ่อ่าใหญ่โตยิ่ง ทว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดกลับเผยสีหน้าเย้ยหยันออกมาแทน
ในฐานะจักรพรรดิ พวกเขาทั้งเจ็ดเคยมาเยือนเมืองเทพขนนกนี้แล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีต หลินไท่ซูในตอนนั้นเป็นผู้ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดแห่งปราชญ์ยุทธ์ เขาดูแลและปกครองเมืองเทพขนนกราวกับตนเป็นอสูรบรรพกาล แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายกลับทรงอำนาจและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าพวกเขาอยู่ดี
ทว่าตอนนี้หลินไท่ซูหายไปจากเมืองเทพขนนกแล้ว นี่ย่อมคล้ายกับสัตว์ร้ายที่ถอนเขี้ยวถอดเล็บออก ไร้ซึ่งความน่าพรั่นพรึงใด ๆ ให้หวาดกลัวต่อไปอีก
“หลินไท่ซู!”
“ออกมาเสีย!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูและอีกหกคนแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างตั้งใจ ก่อนร่างทั้งหมดจะพุ่งเข้าสู่เมืองเทพขนนกประดุจลำแสงจากฟากฟ้าที่รวดเร็วยิ่งกว่าอุกกาบาต
“หืม? เกิดอันใดขึ้น?”
“ปราชญ์ยุทธ์! ปราชญ์ยุทธ์มาเยือน!”
“บัดซบ! มีพวกชั่วร้ายบุกมาอีกแล้วหรือ?!”
“…”
เมื่อจักรพรรดิทั้งเจ็ดย่างก้าวเข้าสู่เมืองหลวง ทั้งสามัญชนและกองทัพจักรวรรดิต่างก็เผยท่าทีหวาดกลัวออกมา
จักรพรรดิทั้งเจ็ดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเวลานี้พวกเขาก็เข้าใกล้พระราชวังเทพขนนกแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาผ่านสถานที่ใดไป มันก็ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตื่นตระหนกกับพลังอำนาจแห่งปราชญ์ยุทธ์
แล้วในตอนนั้นเอง จักรพรรดิทั้งเจ็ดก็บุกเข้าสู่พระราชวังเทพขนนกได้สำเร็จ
“ไอ้บัดซบ!”
“พวกเจ้าเป็นใครกัน!?”
“นี่คือเขตหวงห้ามของพระราชวังเทพขนนก ห้ามเข้าเด็ดขาด!”
ทหารองครักษ์ทั้งหมดตื่นตัวพร้อมกับชักอาวุธออกมาตั้งรับ
“ฝูงมดปลวกไร้คุณสมบัติจะพูดคุยกับข้า จงไปเรียกหลินไท่ซูออกมา!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ก่อนจะสะบัดมือสร้างวายุกระโชกขับไล่ทหารนับไม่ถ้วนออกไป
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ได้สังหารผู้ใด นี่เพราะเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูยังคงหวาดกลัวอำนาจของพระราชวังเทพขนนกนี้อยู่
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ในเวลานี้เอง ขันทีเว่ย เว่ยเสวียน และอวี้เฉิงก็รีบรุดเข้ามายังพื้นที่
พวกเขาทั้งสามอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์ แน่นอนว่าย่อมรู้จักจักรพรรดิทั้งเจ็ดเป็นอย่างดี
“จักรพรรดิทั้งเจ็ด… แห่งมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด?”
“พวกท่านมาเยือนที่นี่ด้วยเหตุอันใด!?”
“บังอาจนัก! กล้าบุกรุกพระราชวังเทพขนนก พวกท่านคิดจะก่อกบฏหรือไร!”
ขันทีเว่ยคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ซ้ำแล้วภายในจิตใจยิ่งไม่สบอารมณ์มากกว่าสีหน้าหลายเท่า
เมื่อภูผาไร้พยัคฆ์ปกครอง วานรจึงตั้งตนเป็นราชา!
นับตั้งแต่องค์จักรพรรดิเทพเข้าสู่การปิดด่านฝึกตน สัตว์ประหลาดมากมายต่างก็กระโดดออกมาแย่งอำนาจกันไม่หยุดไม่หย่อน
คราวก่อนหน้าเป็นอาชญากรที่บุกรุกเข้าสู่วิหารทองคำ มาเวลานี้เป็นจักรพรรดิทั้งเจ็ดปรากฏตัว
นี่มิมีผู้ใดเห็นหัวขององค์จักรพรรดิเทพแล้วหรือไร!
“ขันทีเว่ยอย่าได้ตีตราพวกเราเป็นกบฏไป พวกกบฏมันคือราชาทั้งสิบเหล่านั้นต่างหาก พวกเราจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดล้วนไม่เกี่ยวข้อง!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูไม่ยอมรับว่าตนเองคิดก่อกบฏโดยง่าย จึงตำหนิอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
อันที่จริง ตอนนี้ยังมีอีกหลายคนจากพระราชวังเทพขนนกรีบรุดออกมาดูสถานการณ์หน้าประตู และในหมู่คนเหล่านั้นก็มีองค์ชายทั้งห้าที่ปกครองราชสำนักในเวลานี้ด้วย
เมื่อเห็นจักรพรรดิทั้งเจ็ดมาเยือนถึงที่ ใบหน้าขององค์ชายทั้งห้าถึงกับซีดเซียวไปในบัดดล
เพราะไม่นานนี้พวกเขาเพิ่งออกกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อจำกัดกองกำลังที่ปกครองโดยจักรพรรดิทั้งเจ็ด ทั้งหมดไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นการบังคับให้จักรพรรดิทั้งเจ็ดบุกรุกเข้าสู่พระราชวังเทพขนนกในเวลานี้
ขันทีเว่ยและอีกสามคนก็สงสัยด้วยเช่นกัน ความจริงแล้วแม้คำสั่งเหล่านั้นจะสร้างความอึดอัดให้กับจักรพรรดิทั้งเจ็ด แต่มันไม่ควรจะเป็นเหตุผลให้จักรพรรดิแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดมารวมตัวกันนี่
พฤติกรรมเช่นนี้ ไม่สมควรเรียกขานว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดคิดก่อกบฏหรอกหรือ!
ตอนนี้เอง เว่ยเสวียนถึงกับบันดาลโทสะจนแทบจะชักกระบี่ออกมาอยู่ร่อมร่อ “พวกท่านทั้งเจ็ดร่วมมือกันฝ่าฝืนเข้ามาในพระราชวังเทพขนนก แล้วยังจะอวดอ้างว่าไม่ใช่กบฏอีกหรือ!?”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเผยรอยยิ้มเย็นชา แต่ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากบอกกล่าวเหตุผลก็กลับมีเสียงร่ำไห้ดังขึ้นมา
“พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว!”
ทรวดทรงอ้อนแอ้นของพระสนมเหยาวิ่งเข้ามากลางฝูงชนพร้อมกับใบหน้าเย้ายวนใจ
“น้องหญิง!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูพยักหน้ารับ แววตาของเขาเผยความลุ่มลึกซึ่งไม่อาจอธิบายได้
เป็นเพราะเขาคือผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด ด้วยชื่อเสียงของเขาจึงไม่อาจกล่าวคำใดมากได้
พระสนมเหยาเห็นว่าไม่ได้มีเพียงเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเท่านั้น แต่ยังมีเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกคนที่มาร่วมด้วย เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกยินดียิ่ง
เดิมที นางคิดแล้วว่าเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูย่อมไม่สนใจ และในท้ายที่สุดนางคงจะไม่ได้รับความยุติธรรมเป็นแน่ หากเขาเดินทางมาที่นี่เพียงคนเดียว แต่นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูจะรักนางมากถึงเพียงนี้
เขาถึงกับมาพร้อมเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ในเวลานี้นางจึงกล้าทิ้งร่างของตนเองเข้าสู่อ้อมแขนของเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับคุกเข่าลงเพื่ออ้อนวอน
“พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็มา ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับบุตรชายของข้า หลงเซี่ยงถูกสังหาร และเม่ยเอ๋อร์ก็ถูกตบตีอย่างรุนแรง สภาพของข้าช่างน่าสมเพชนัก!” เหยาเม่ยเอ๋อร์บอกกล่าวเรื่องราวแก่เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูด้วยน้ำตา ใบหน้าของนางร่ำไห้อย่างน่าสงสาร
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดผิดไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งขันทีเว่ย องค์ชายทั้งห้า และคนอื่น ๆ จึงเข้าใจในทันที
จักรพรรดิทั้งเจ็ดถูกเรียกตัวมาเพราะเรื่องราวของพระสนมเหยา
ไม่สิ ควรจะกล่าวว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดนี้ใช้ประโยชน์จากปัญหาของพระสนมเหยาเข้ามาปราบปรามราชวงศ์เทพขนนกเสียมากกว่า
แน่นอนว่าหากผู้ใดมีดวงตา ก็ย่อมทราบถึงเจตนาที่แท้จริงของจักรพรรดิทั้งเจ็ดได้อย่างรวดเร็ว
‘นางผู้นี้โง่เขลาเกินเยียวยาแล้ว!’
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะลอบด่าพระสนมเหยาในใจ
ในฐานะสมาชิกของราชวงศ์เทพ การกระทำของนางนับว่าโง่เขลาอย่างยิ่ง ถึงกับกล้าเรียกหมาป่าเข้าบ้านเพื่อสร้างความวุ่นวาย!
เมื่อเห็นเหล่าองค์ชายหน้าถอดสี จักรพรรดิทั้งเจ็ดพลันเผยรอยยิ้มเย็นชา จากนั้นเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูก็ลูบศีรษะของพระสนมเหยาอย่างอ่อนโยนพร้อมกล่าวปลอบ “น้องหญิง อย่าได้ร่ำไห้ไปเลย ในเมื่อพี่ชายของเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าผู้นี้ย่อมต้องมอบความยุติธรรมแก่เจ้าอย่างแน่นอน วันนี้จักรพรรดิทั้งเจ็ดล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวมารดาของเจ้า หากมีผู้ใดสร้างความคับข้องใจแก่เจ้า เราย่อมช่วยสะสาง! หากผู้ใดทำให้เจ้าเคียดแค้น พวกเราย่อมชำระแค้นให้!”
“พี่ใหญ่…”
พระสนมเหยาเผยใบหน้ายินดีออกมา
หลังจากนั้น นางก็เอ่ยขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ “หนิงฝาน เป็นหนิงฝานที่ทำ!”
“หนิงฝาน?”
“ราชบุตรเขยของราชวงศ์เทพขนนกนั่นน่ะหรือ? ผู้ที่ช่วยเหลือหลินไท่ซูจากการลอบสังหาร แต่ร่างกายกลับถูกคำสาปอมตะเล่นงานอยู่ใช่หรือไม่?”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเลิกคิ้ว เขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคนผู้นี้มาบ้าง ตัวตนที่สร้างความแตกตื่นให้กับดินแดนใต้อำนาจแห่งราชวงศ์เทพ
“มันก็แค่ไอ้คนบ้านนอก ไม่รู้ว่าปีนป่ายกิ่งไม้สูงเช่นองค์หญิงได้อย่างไร แต่ด้วยขอบเขตการฝึกฝนของตัวมันจึงได้เผยท่าทีเย่อหยิ่งออกมา ไม่เพียงสังหารหลงเซี่ยงของข้า แต่มันยังทุบตีข้าด้วย หลินไท่ซูที่ใกล้ตายตกก็ปิดด่านฝึกตน คนภายนอกล้วนแต่สนับสนุนพวกมัน เช่นนี้บุตรชายของแม่ม่ายผู้นี้จึงถูกละเลยไป!”
เหยาเม่ยเอ๋อร์หลั่งน้ำตานองหน้าเมื่อกล่าวเช่นนั้น เผยความน่าสงสารต่อหน้าทุกคน
“ฮึ่ม! ช่างเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลยิ่งนัก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูถึงกับโกรธทันที ร่างทั้งร่างปลดปล่อยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ออกมาข่มเหงผู้คนโดยรอบ
นอกจากนี้แล้ว เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์อีกหกคนก็แสร้งว่าโกรธเกรี้ยวเช่นกัน ราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดโกรธแค้นที่พระสนมเหยาถูกรังแก
เมื่อเห็นพระสนมเหยากล่าวออกไปอย่างโจ่งแจ้งเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก กลับดำให้เป็นขาว ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซู อย่าด่วนขุ่นเคืองไป ข้าคิดว่าพระสนมเหยาผู้นี้เข้าใจราชบุตรเขยหนิงผิดไป!”
“ถูกต้อง ท่านไม่อาจตัดสินสถานการณ์ได้จากปากของนางเพียงผู้เดียว”
“พระสนมเหยา ท่านสมควรกล่าวถึงความผิดของตนเองด้วย หนิงฝานคือวีรบุรุษของราชวงศ์เทพ ท่านไม่อาจใส่ร้ายเขาเช่นนี้ได้!”
ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ กล่าวโต้เถียง
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว พระสนมเหยาเผยสีหน้ากังวลออกมาทันที แต่ก่อนที่นางจะได้แสดงละครอีกครั้ง เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมกับกล่าวเสียงทุ้ม “หืม? เจ้าเรียกมันผู้นั้นว่ากระไรนะ? ไม่ใช่ว่าหลานชายของข้าตายตก หรือน้องสาวตัวน้อยข้าผู้นี้ไม่ได้ถูกตบโดยมันผู้นั้นงั้นหรือ?”
“เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซู หากองค์ชายหลงเซี่ยงถูกสังหารโดยหนิงฝานผู้เป็นราชบุตรเขย ราชวงศ์เทพย่อมไม่ปล่อยเขาไปเป็นแน่ แต่ความจริงแล้วองค์ชายหลงเซี่ยงถูกสังหารโดยนักฆ่าจากหอคอยเมฆาโลหิต ยิ่งไปกว่านั้นพระสนมเหยาสร้างความอับอายแก่ผู้อื่น นางจึงถูกตบตี…”
เห็นได้ชัดว่าขันทีเว่ยต้องการใช้เหตุผลเพื่อโต้แย้ง ทว่ากลับถูกขัดจังหวะโดยเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซู “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ากับข้าต่างก็ยึดมั่นในเหตุผลของตนเอง เช่นนั้นก็ให้เขามาเผชิญหน้ากับพวกเราตัวต่อตัวดีกว่า!”
“กล้าพาเราไปพบเขาหรือไม่?”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายกดข่มออกมาเพื่อบีบบังคับ
“ย่อมได้!”
เมื่อสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ จึงทำได้เพียงนำทางพวกเขาไป แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็เตรียมพร้อมให้ปราชญ์ยุทธ์หลบซ่อนอยู่ภายในตำหนักด้วย
จักรพรรดิทั้งเจ็ดต้องการพบเจอหนิงฝาน มันคงดีหากพวกเขาพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล ทว่าหากจักรพรรดิทั้งเจ็ดนี้ต้องการโจมตีหนิงฝาน พวกเขาย่อมไม่อาจเพิกเฉยได้
ไม่นานนัก ทุกคนก็มาถึงหน้าตำหนักองค์หญิง
ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ กำลังจะเคาะประตู ทว่าพระสนมเหยากลับตรงเข้าไปถีบประตูให้เปิดอ้าออกทันที
“ไอ้เด็กน้อยหนิงฝาน ชีวิตเจ้าจบสิ้นแล้ว เจ้าทำร้ายจักรพรรดิของข้า ซ้ำยังทุบตีข้า หากข้าไม่อาจสังหารเจ้าวันนี้ได้ ข้ายอมเป็นคนไร้…”
ใบหน้าของเหยาเม่ยเอ๋อร์เต็มไปด้วยความเดือดดาล ขณะที่นางกล่าวอย่างมั่นใจ แต่ยังไม่ทันจบประโยคดี
เพียะ!
ในขณะนั้น เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูยังไม่แม้แต่จะได้เคลื่อนไหว เหยาเม่ยเอ๋อร์ก็ถูกตบหน้าอีกครั้งด้วยเสียงดังฟังชัด ร่างของนางถึงกับลอยละลิ่วปลิวข้ามอากาศไป
“ไอ้สารเลว!”
“ไอ้ตัวบัดซบ!”
“ต่อหน้าข้า เจ้ายังกล้าลงมืออีกหรือ!”
“…”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว จักรพรรดิทั้งเจ็ดถึงกับตกตะลึง พวกเขาโกรธจัดก่อนจะปลดปล่อยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่างกายอย่างไม่คิดปิดกั้น!
ตู้ม ตู้ม ตูม!!!
ทันทีที่พลังศักดิ์สิทธิ์จากร่างทั้งเจ็ดปะทุออก คลื่นพลังมหาศาลก็พัดพาทุกคนจนกระเด็นออกไป มีเพียงขันทีเว่ยทั้งสามที่ยังยืนอยู่ได้
“ไม่ดีแล้ว!”
ทันทีที่เหยาเม่ยเอ๋อร์ถีบประตู ขันทีเว่ยก็สัมผัสได้ถึงลางร้าย
เพราะเขาทราบดีว่าหนิงฝานมิใช่บุรุษอ่อนโยน
ท้ายที่สุดเมื่อเขาได้พบกับหนิงฝานในคราวแรก อีกฝ่ายก็กล้าสบตามององค์จักรพรรดิโดยตรง!
แต่ถึงกระนั้น คนเหล่านี้ก็เย่อหยิ่งและทรงอำนาจยิ่ง ลำพังตัวเขาที่เป็นบุรุษเยาว์วัยจะปราบปรามจักรพรรดิทั้งเจ็ดได้อย่างไร!?
“หยุดพวกเขาเสีย!”
ขันทีเว่ยเอ่ยเสียงดัง ก่อนจะกระโจนไปด้านหน้าพร้อมกับเว่ยเสวียนและอวี้เฉิง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เผายันต์สื่อสารในมือทันที
“ขันทีเว่ย พวกเจ้าทั้งสามไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าไปจัดการเรื่องของตนเองเสีย”
“ข้าจะไม่กล่าวว่า ชายผู้นี้ลงมือสังหารหลงเซี่ยงหลานชายข้าอย่างไร แต่มันหาญกล้าลงมือทุบตีคนของข้าต่อหน้าข้า มิหนำซ้ำ มันยังกล้าดูหมิ่นเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นพวกเรา!”
“ในราชวงศ์ เจ้ากลับมีผู้ที่หยิ่งยโสเช่นนี้ หากราชวงศ์เจ้าไม่คิดจัดการ พวกเราจะเป็นคนทำความสะอาดให้เอง!”
เมื่อเห็นว่าขันทีเว่ยทั้งสามต้องการจะหยุดพวกเขา เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูกับคนอื่น ๆ ก็พากันเอ่ยเย้ยหยันและหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง
ท้ายที่สุด วันนี้พวกเขาก็มาเพื่อปราบปรามราชวงศ์เทพขนนก!
พวกเขาคิดใช้โอกาสนี้เป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นได้รับทราบ!
มันคือการ… เชือดไก่ให้ลิงดู!