ตอนที่ 65 ทางเลือกของราชวงศ์เทพขนนก!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ด้านนอกตำหนักองค์หญิง ปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดรวมถึงขันทีเว่ยระเบิดพลังยุทธ์มหาศาลจนทำให้ทั้งตำหนักถึงกับสั่นสะเทือน
ดูเหมือนว่าสงครามแห่งปราชญ์ยุทธ์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
พรึ่บ!
เวลานี้เอง หนิงฝานก้าวออกมาจากตำหนักองค์หญิง และข้างกายของเขาก็คือหลัวชิงเซียนที่เผยกลิ่นอายเย็นชาออกมา
ทันทีที่พระสนมเหยาถีบประตู ทั้งสองคนก็พอจะคาดเดาสถานการณ์ได้แล้ว
หลัวชิงเซียนโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก นางคาดไม่ถึงเลยว่าพระสนมเหยาจะสร้างปัญหาด้วยการพาคนมาสังหารหนิงฝาน
กลับกัน หนิงฝานยังคงสงบนิ่งอยู่
พอเดินออกมา สายตาของเขาก็จับจ้องไปยังจักรพรรดิทั้งเจ็ดทันที
ภายใต้สายตาของเนตรศักดิ์สิทธ์ ขอบเขตการฝึกฝนปราชญ์ยุทธ์ทั้งเจ็ดคนพลันปรากฏสู่สายตาของเขาอย่างรวดเร็ว
สามปราชญ์ยุทธ์แห่งสวรรค์ขั้นที่สาม!
สี่ปราชญ์ยุทธ์แห่งสวรรค์ขั้นที่สอง!
คนเหล่านี้แข็งแกร่งพอที่จะปราบปรามขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ แต่หากจะปราบปรามเขา… มันยังไม่เพียงพอ!
“ไอ้หนู ดูเหมือนเจ้าสินะที่เป็นราชบุตรเขยราชวงศ์เทพ!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาเย็นชา
“พวกเจ้า… คิดจะสังหารข้าหรือ?”
หนิงฝานมองคนทั้งเจ็ดตรงหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่ามันกลับเย็นเยียบสุดขั้ว
เมื่อเห็นท่าทีสงบของหนิงฝาน เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูอดไม่ได้ที่จะดูแคลน “ไอ้หนู เจ้าคิดว่ามีองค์หญิงหนุนหลังพร้อมด้วยปราชญ์ยุทธ์เพียงไม่กี่คนปกป้องแล้วจะปลอดภัยงั้นหรือ? เจ้าสังหารหลานชายของข้า ซ้ำยังทุบตีน้องสาวของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้จักไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเจ้าได้อีกต่อไป!”
“อ้อ เช่นนั้นหรือ!”
หนิงฝานไม่คิดหักล้างคำกล่าวหานั้น เพียงแต่ทราบว่ามันไร้เหตุผลสิ้นดี
เพราะเขาทราบดีว่าคนเหล่านี้ไม่สนถูกผิด พวกเขาเพียงต้องการสังหารตนเพื่อปราบปรามราชวงศ์เทพขนนกเท่านั้น
“ฮ่า ๆ! ในเมื่อเจ้ายอมตาย เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าพอใจอย่างแน่นอน!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเผยรอยยิ้มเย็นชา ก่อนจะปลดปล่อยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ออกมาและคิดเคลื่อนไหว
“หยุด!”
ชั่วพริบตานั้น ปรากฏสุรเสียงทรงอำนาจดังออกมาจากสามร่างในอากาศ
สามร่างนั้น แท้จริงแล้วคือชายชราสามคน เส้นผมและหนวดเคราล้วนเป็นสีขาวโพลน มิหนำซ้ำทั้งสามยังเผยกลิ่นอายทรงพลังแห่งขอบเขตปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สามออกมา และทั้งหมดนี้คือปราชญ์ยุทธ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในตำหนักเทพขนนก!
“เหล่าเทียน เหล่าเฟิง เหล่าอวิ๋น!”
เพียงปราชญ์ยุทธ์ผู้ซ่อนเร้นทั้งสามปรากฏตัว ขันทีเว่ยและคนอื่น ๆ ก็กับโค้งคำนับให้ทันที
“หืม? พวกปราชญ์ยุทธ์ที่ซ่อนเร้นตน!”
“บัดซบ เหล่าเฒ่าชราที่เหลืออายุขัยไม่มากนัก ตราบใดที่ราชวงศ์เทพไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย พวกเขาย่อมไม่ปรากฏตัวโดยง่ายมิใช่หรือ?”
“หึ! พวกเขาไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตตนเอง ถึงกับยอมสละมันเพื่อบุตรเขยราชวงศ์เทพผู้นี้!”
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่สาม สีหน้าของจักรพรรดิทั้งเจ็ดถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที
“จักรพรรดิทั้งเจ็ด ด้วยฐานะผู้มีอำนาจภายในอาณาจักรแห่งราชวงศ์เทพขนนก พวกท่านเข้ามาสร้างความวุ่นวายในตำหนักหลวง ดูเหมือนว่าพวกท่านจะคิดก่อกบฏสินะ!” สุ้มเสียงกล่าวคำของชายชราเย็นชายิ่ง
แน่นอนว่าพลังไร้ลักษณ์ที่เปิดเผยออกมานั้น ก็ไม่น้อยไปกว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดเช่นกัน
แต่กระนั้น จักรพรรดิทั้งเจ็ดก็ไม่ได้เผยความอ่อนแอออกมาเพราะสิ่งนี้
อย่างไรแล้ว พวกเขานับว่าเป็นปราชญ์ยุทธ์เช่นเดียวกัน
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่แพ้กัน “เราไม่มีเจตนาก่อกบฏ แต่ราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพผู้นี้เย่อหยิ่งเกินไป ข้ามาที่นี่เพื่อหาความยุติธรรมให้แก่น้องสาวของข้า!”
“ความยุติธรรม?”
ผู้อาวุโสทั้งสามขมวดคิ้ว พวกเขาไม่ได้พบเจอโลกภายนอกมากนัก และทั้งหมดล้วนแล้วแต่ปิดด่านฝึกตนนานหลายปี
เมื่อเห็นเช่นนี้ ขันทีเว่ยกับคนอื่น ๆ จึงก้าวไปด้านหน้าเพื่ออธิบายเรื่องราวโดยละเอียด
“ไอ้บัดซบ!”
“ไอ้โง่เง่า!”
เมื่อพวกเขาทราบว่าทุกสิ่งเกิดจากพระสนมเหยาที่กล่าวผิดเป็นถูก ชายชราทั้งสามถึงกับโกรธจัดจนใบหน้าบิดเบี้ยว
และพวกเขารู้ดีว่าปัญหาในวันนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องความถูกผิด แต่เป็นเรื่องสุนัขจิ้งจอกทั้งเจ็ดต้องการจะทำลายราชวงศ์เทพต่างหาก!
อันที่จริง ในเวลานี้ทั้งเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูและคนอื่น ๆ ต่างต้องการสังหารหนิงฝานโดยไม่คิดอธิบายอันใดอีก
ส่วนพวกขันทีเว่ยและสามอาวุโสก็เข้าใจว่า มีเพียงสองทางเลือกให้เดินเท่านั้น
ทางที่หนึ่งคือ ปล่อยให้จักรพรรดิทั้งเจ็ดสังหารหนิงฝาน แล้วเลิกแล้วต่อกัน
ทางที่สองคือ มอบผลประโยชน์ให้กับจักรพรรดิทั้งเจ็ดจนกว่าพวกเขาจะพอใจ
แต่ไม่ว่าจะทางใด เกียรติแห่งราชวงศ์ย่อมเสียหายอย่างมิอาจคืนกลับมาได้
สิ่งที่แตกต่างคือ ทางแรกจะสูญเสียขุมกำลัง ทางที่สองจะสูญเสียเกียรติยศและชื่อเสียง
ขณะเดียวกัน หนิงฝานมองสถานการณ์ทั้งหมดออกโดยทะลุปรุโปร่ง เขารู้สึกสนใจเรื่องนี้เล็กน้อยจึงหยุดยั้งหลัวชิงเซียนที่กำลังจะอ้าปากกล่าวบางสิ่งออกมา
ชายหนุ่มต้องการรู้ว่า ราชวงศ์เทพขนนกจะเลือกหนทางใด
พวกเขาจะใช้ชีวิตของหนิงฝานเพื่อสงบศึก หรือจะยอมจ่ายออกไปเพื่อเอาอกเอาใจจักรพรรดิทั้งเจ็ด
ชั่วครู่หนึ่ง สถานที่ทั้งหมดพลันตกอยู่ในความเงียบงัน แม้อาวุโสทั้งสาม ขันทีเว่ย และคนอื่น ๆ จะเงียบไป แต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังสื่อสารกันผ่านจิตสำนึกอย่างดุเดือด
ผ่านไปเนิ่นนาน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ข้อสรุปแล้ว
อาวุโสทั้งสามเหลือบมองหนิงฝาน จากนั้นจึงประสานหมัดไปยังจักรพรรดิทั้งเจ็ดก่อนจะกล่าวคำ “เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด ข้าคิดว่าคงมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่าง หนิงฝานคือราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพ ซ้ำยังช่วยเหลือราชวงศ์เทพมาแล้วถึงสองครั้งสองครา ไม่ว่าอย่างไร คนผู้นี้ก็ไม่มีทางลงมือสังหารองค์ชายหลงเซี่ยงเป็นอันขาด”
“และแน่นอนว่าคงมีการเข้าใจผิดที่หนิงฝานทุบตีพระสนมเหยา ราชวงศ์เทพขนนกจึงคิดชดเชยให้กับนาง แต่พวกเราควรจะกล่าวพูดคุยให้เป็นเรื่องเป็นราว พวกท่านคิดเห็นอย่างไร?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนจึงทราบถึงหนทางของราชวงศ์เทพขนนก
‘เกินคาด!’
เมื่อเห็นว่าราชวงศ์เทพขนนกไม่คิดใช้ชีวิตของเขาเพื่อยุติข้อกล่าวหา หนิงฝานอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
ต้องไม่ลืมว่าตระกูลจักรพรรดิล้วนแต่ไร้ความปรานี พวกเขามักจะเลือกผลประโยชน์ของตนมากกว่าชีวิตผู้อื่นเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของคนเหล่านี้ เขายังเป็นเพียงชายที่ไร้ประโยชน์เพราะถูกคำสาปอมตะ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงเศษขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น
คาดไม่ถึงเลยว่า ราชวงศ์เทพขนนกเลือกที่จะปกป้องเขาแทน
“ฮ่า ๆ ยินดี!”
“ดูเหมือนว่าคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริง ๆ เช่นนั้นข้าจะไว้ชีวิตราชบุตรเขยผู้นี้ อย่างไรแล้วโทษประหารสามารถลดหย่อนได้ แต่อาชญากรรมที่เขากระทำลงไปอย่างไรก็ต้องถูกลงโทษ น้องสาวข้าถูกทุบตี ข้าจึงต้องตัดสินความอย่างระมัดระวัง!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเผยรอยยิ้มเย็นชา
เพราะราชวงศ์เทพเลือกที่จะยินยอม พวกเขาจึงยิ้มอย่างยินดี
ท้ายที่สุด การสังหารหนิงฝานย่อมสร้างความเสียหายต่อราชวงศ์เทพขนนก และพวกเขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดเลย ซึ่งมันมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเท่านัน
ตรงกันข้าม เมื่อเห็นว่าเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูและคนอื่น ๆ หยุดท่าทีไปอย่างกะทันหัน มันก็ทำให้พระสนมเหยาถึงกับตกตะลึง
“พี่ใหญ่… ท่านมิได้มาเรียกร้องความยุติธรรมให้ข้า…”
“หุบปาก! นังแพศยา หากเจ้าต้องการทำลายผลประโยชน์ของข้า เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะถลกหนังของเจ้าเสีย!”
ขณะที่พระสนมเหยากำลังจะอ้าปากเอ่ยต่อ เสียงของเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูก็ดังขึ้นมาในความคิด ด้วยเหตุนี้นางจึงหุบปากลงทันที
จวบจนบัดนี้ นางเพิ่งจะเข้าใจว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดมิใช่มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแก่นาง แต่พวกเขาคิดใช้โอกาสนี้ทำลายราชวงศ์เทพขนนกต่างหาก และเรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจยิ่ง
ต่อมา
ภายใต้การนำทางของปราชญ์ยุทธ์ทั้งหกแห่งราชวงศ์เทพ จักรพรรดิทั้งเจ็ดจึงออกจากหน้าตำหนักองค์หญิงเพื่อเริ่มหารือเรื่อง ‘การชดเชย’ ที่พระสนมเหยาถูกตบตี
นอกจากนี้แล้ว สมาชิกในราชวงศ์ทั้งหมดก็ติดตามไปด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ขณะฝูงชนแยกย้ายกันไปหมดสิ้นแล้ว ด้านนอกของตำหนักองค์หญิงที่เคยเสียงดังก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
หนิงฝานและหลัวชิงเซียนมองแผ่นหลังของจักรพรรดิทั้งเจ็ดที่จากไป ก่อนที่ทั้งสองจะหันหลังกลับเข้าสู่ตำหนักองค์หญิง โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่