ตอนที่ 71 ผู้พิทักษ์สุสาน สวรรค์ขั้นที่เจ็ด
เงาดำคืบคลานเข้ามาหาหนิงฝานอย่างเงียบงัน
ตุบ!
ทันใดนั้น
มันออกเคลื่อนไหวทันที และเป้าหมายของมันไม่ใช่หนิงฝาน แต่เป็นเทพมังกรประทานโชค!
“หืม?!”
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หนิงฝานตกใจพร้อมกับปลดปล่อยปราณกระบี่ออกมาทันที
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น เงาดำถูกผลักออกไปและหนิงฝานก็ถอยหลังจากแรงปะทะมหาศาลเมื่อครู่เช่นกัน
“เป็นผู้ใด!”
หนิงฝานตะโกนเสียงดัง
เขาลอบตื่นตระหนกในใจ
อย่างที่รู้ว่าเวลานี้เขาอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่ห้าแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาแข็งแกร่งยิ่ง แต่ยังมีใครบางคนลอบเข้าหาเขาจากด้านหลังได้
หลังจากเกิดการปะทะกันเมื่อครู่ ชายหนุ่มพลันรู้สึกเหน็บหนาวที่กระดูกสันหลังไม่น้อย
หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายโจมตีเทพมังกรประทานโชค มันอาจทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสเพราะตอบสนองไม่ทันแล้ว
ในขณะนี้ ดวงตาของหนิงฝานเปิดใช้พลังเนตรศักดิ์สิทธิ์แล้วจ้องมองเงาดำตรงหน้า
ภายใต้เนตรศักดิ์สิทธิ์ เขามองเห็นชายชราใบหน้าเหี่ยวย่นที่มีร่างกายซูบผอม
สิ่งที่น่าตื่นตระหนกกว่าคือ อีกฝ่ายมีออร่าของสวรรค์ขั้นที่หกแห่งปราชญ์ยุทธ์อยู่ในร่างกายนั้น
“ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่หก!”
หนิงฝานตื่นตระหนก ชายตรงหน้าคือบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาก่อน ยกเว้นหลินไท่ซูไว้ผู้หนึ่ง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสามารถหลบการโจมตีเมื่อครู่ได้
ชายหนุ่มไม่คิดประมาทอีก เขากระชับกระบี่เฉือนนภาไว้ในมือพร้อมชี้คมกระบี่ตรงไปด้านหน้า และกล่าวถามอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นผู้ใด และเหตุใดจึงคิดโจมตีข้า?!”
“ข้า… ผู้พิทักษ์สุสาน… เจ้าล่วงเกิน… สุสานเทพ… นี้… ต้อง… ได้รับ… ความตาย… แต่ข้า… ยกโทษให้เจ้า… ส่งมังกร… มาให้ข้า!”
ชายชราร่างผอมกล่าวขึ้น เสียงแหบแห้งนั้นฟังยากยิ่ง ซ้ำยังเชื่องช้าราวกับเด็กทารกหัดพูดด้วย
“ผู้พิทักษ์สุสาน? อยากได้มังกรตัวนี้งั้นหรือ?”
หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาก้มมองเทพมังกรประทานโชคในตอนนี้ที่คล้ายกับดูหวาดกลัว จากนั้นมันก็โอบรัดข้อมือของเขาไว้
“ส่งมา… ให้ข้า… ไม่งั้น… ตาย!”
เมื่อมองเทพมังกรประทานโชคบนข้อมือของหนิงฝานแล้ว ดวงตาขุ่นมัวของชายชราที่อ้างตัวเป็นผู้พิทักษ์สุสานเทพพลันฉายแววความน่าพรั่นพรึงออกมา ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นว่าชายชราตรงหน้าสนใจเทพมังกรประทานโชคมาก หนิงฝานยิ่งรู้สึกแปลกใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมอบมันให้ผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงกอดเทพมังกรประทานโชคไว้ในอ้อมแขนทันที
หลังจากนั้น มือของหนิงฝานก็กระชับกระบี่เฉือนนภา ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชากว่าเดิม “หากอยากได้มังกรตัวนี้ ก็ผ่านกระบี่ในมือข้าไปให้ได้ก่อน!”
“ตาย!”
สุ้มเสียงผู้พิทักษ์สุสานคำรามพร้อมกับบุกโจมตีเข้ามา
พรึ่บ!
ชายชราก้าวไปด้านหน้า แล้วร่างกายก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหนิงฝานในทันที
ตู้ม!
ฝ่ามือซูบผอมเผยกรงเล็บน่าหวาดกลัว พลังมหาศาลพวยพุ่งเข้าหาหนิงฝานอย่างไร้ความปรานี!
“หึ!”
แม้คู่ต่อสู้จะอยู่ในสวรรค์ขั้นที่หก แต่ก็สูงกว่าเขาเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น หนิงฝานไม่คิดตื่นกลัวและยิ่งเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารรุนแรงมากขึ้น
ฟึ่บ!
ชายหนุ่มสับฟันกระบี่เฉือนนภาในมือออกไป ปราณกระบี่อันแสนดุดันทะยานฉีกอากาศและโจมตีผู้พิทักษ์สุสานอย่างรุนแรง
ตู้ม!
พลังฝ่ามือและปราณกระบี่ปะทะกันในอากาศ ก่อนจะสูญสลายไปในพริบตา
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เมื่อพลังฝ่ามือที่ใช้ล้มเหลว ผู้พิทักษ์สุสานก็วิ่งไปรอบกายหนิงฝาน ร่างกายของเขาวูบไหวคล้ายสายฟ้าทมิฬ เพียงชั่วพริบตาก็มีฝ่ามือพุ่งออกจากทุกทิศทาง ไม่ต่างจากพายุโหมกระหน่ำแต่อย่างใด
หนิงฝานตวัดกระบี่ในมือตอบโต้ ปราณกระบี่เปล่งประกายออกมาตัดผ่านพลังฝ่ามือที่บุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัง ปัง ปัง!
เหนือจตุรัส บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ระลอกพลังงานไร้ที่สิ้นสุดทะยานออกไปทั่วทุกสารทิศ
ผู้พิทักษ์สุสานโจมตีอย่างดุเดือด มิหนำซ้ำความเร็วยิ่งเพิ่มขึ้น และพลังฝ่ามือก็ยิ่งมากมายขึ้นจนทำให้หนิงฝานรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
“มา!”
ทันทีทันใด หนิงฝานเพียงเลิกคิ้ว ก่อนที่ปราณกระบี่ไร้สิ้นสุดจะปะทุออกจากร่างกายของเขาเช่นกัน
ตู้ม!
ปราณกระบี่กวาดไปทั่วสุสานราวกับว่าจะขับไล่อีกฝ่ายออกไป
ผู้พิทักษ์สุสานหยุดมือชั่วขณะ ก่อนจะมองหนิงฝานด้วยความประหลาดใจ
“ถึงคราวข้า!”
ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว หนิงฝานก็กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง
ฟึ่บ!
ปราณกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดพุ่งทะยานออกมาราวกับสายรุ้ง มันสับฟันเข้าหาผู้พิทักษ์สุสานโดยตรง
ผู้พิทักษ์สุสานเหยียดมือออก ใช้ฝ่ามือสีเทาจับกุมปราณกระบี่โดยตรง เมื่อฝ่ามือสัมผัสกับปราณกระบี่ พลันมีเสียงคมชัดดังขึ้นในอากาศ ก่อนที่ปราณกระบี่จะระเบิดออก
ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!
หนิงฝานไม่คิดหยุดมือ เขาตวัดกระบี่พร้อมออกกระบวนท่าครั้งแล้วครั้งเล่า ปราณกระบี่ที่สับฟันออกไปล้วนแต่เต็มไปด้วยพลังมหาศาล
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ปราณกระบี่สับฟันร่างของผู้พิทักษ์สุสานอย่างต่อเนื่อง อีกฝ่ายก็ตั้งรับอย่างมั่นคงเช่นกัน
หนึ่งฉื่อ!
สิบจั้ง!
หนึ่งร้อยจั้ง!
ปราณกระบี่ของหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด มันก็เฉียบคมขึ้นมากเพียงนั้น ผู้พิทักษ์สุสานถูกบังคับให้ล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาขุ่นมัวของเขาเผยความตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดหวังว่าปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นที่ห้าตรงหน้าจะแข็งแกร่งมากปานนี้
“ตาย!”
ปราณกระบี่ของหนิงฝานมาจนถึงจุดสูงสุด กระบี่เฉือนนภาในมือของชายหนุ่มโจมตีจากบนลงล่างอย่างดุดัน!
ตู้ม!
เมื่อกระบี่นี้ฟันลงมาก็ราวกับขอบฟ้าถูกเฉือนออก ปราณกระบี่ฉีกอากาศยาวหลายร้อยจั้งก่อนจะสับลงบนร่างกายของผู้พิทักษ์สุสาน
กระไรกัน!
แม้ผู้พิทักษ์สุสานจะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ยังคงยกฝ่ามือตั้งรับอย่างป้องกัน
ตู้ม!
ทว่า…
เมื่อปราณดาบสิ้นสุด ผืนพสุธาโดยรอบใต้ฝ่าเท้าของผู้พิทักษ์สุสานกลับแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และคนทั้งคนก็ถูกบดขยี้จนทรุดลงไปกองอยู่บนพื้น
ตู้ม!
ในที่สุด ผู้พิทักษ์สุสานก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป หลังจากปะทะกับปราณกระบี่ครั้งสุดท้าย หน้าอกของเขาชุ่มไปด้วยธารโลหิต และสลบเหมือดอยู่บนพื้นอย่างพ่ายแพ้
“ฮึ่ม!”
แม้จะเอาชนะผู้พิทักษ์สุสานได้ แต่หนิงฝานก็ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตของอีกฝ่าย ท้ายที่สุดเขาคือผู้บุกรุกเข้าสู่สุสานเทพนี้ก่อน ดังนั้นในฐานะผู้พิทักษ์สุสานจึงไม่ผิดที่จะกล่าวตำหนิเขา
หนิงฝานหยุดมือและต้องการจากไป
“เอา… เทพมังกรประทานโชคมาให้ข้า!”
แต่แล้วในตอนนี้ ผู้พิทักษ์สุสานกลับยืนขึ้นมือกุมหน้าอกไว้แน่น ปากยังคงร้องขอมังกรตัวน้อยจากเขา
“เจ้าเป็นบ้าอะไร!”
หนิงฝานพูดไม่ออก ในฐานะผู้พ่ายแพ้ เขาไม่คิดจะเอาชีวิตอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับยังร้องขอเทพมังกรประทานโชคจากเขา
“เอามา… ให้ข้า!”
คำพูดของผู้พิทักษ์สุสานยังคงหนักแน่น จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาหนิงฝานอีกครั้ง
เขาก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับบาดแผลบนหน้าอกที่เลือนหายไปในพริบตา
ขณะก้าวเดินอีกก้าว ฉับพลันนั้นกลิ่นอายอันทรงพลังก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของชายชรา
และเมื่อก้าวออกอีกก้าว ไม่เพียงแต่ออร่าของผู้พิทักษ์สุสานจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งร่างกายที่ผอมแห้งยังแปรเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
“หืม มีบางอย่างผิดปกติ!”
เมื่อเห็นผู้พิทักษ์สุสานเข้าใกล้ หนิงฝานยิ่งขมวดคิ้วแน่น
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา ผู้พิทักษ์สุสานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในระหว่างการก้าวนี้
ร่างกายที่เคยเหี่ยวแห้งและซูบผอมหายไป ถูกแทนที่ด้วยสัตว์ประหลาดซึ่งมีหัวคล้ายกับมนุษย์เศียรมังกร มือมีกรงเล็บของพยัคฆ์ แผ่นหลังมีกระดองเต่า และมีปีกเพลิงคู่หนึ่งที่ยื่นออกมาจากซี่โครง พร้อมด้วยเกล็ดสีม่วงปกคลุมไปทั่วร่างกาย
เศียรมังกรฟ้า!
กรงเล็บพยัคฆ์ขาว!
ปีกหงส์เพลิง!
กระดองเต่าดำ!
หนังเกล็ดกิเลน!
“สัตว์วิญญาณทั้งห้า?”
หนิงฝานรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีที่เห็น
ผู้พิทักษ์สุสานในตอนนี้กลายเป็นสัตว์ประหลาดส่งเสียงคำราม “มอบ… เทพมังกรประทานโชค… แก่ข้า!”
ตู้ม!
เสียงคำรนกู่ร้องลั่น ออร่าสวรรค์ขั้นที่หกแห่งปราชญ์ยุทธ์แผ่ซ่านออกมา
“ปราชญ์ยุทธ์… สวรรค์ขั้นที่เจ็ด!!!”
หนิงฝานตื่นตระหนกในบัดดล
ผู้พิทักษ์สุสานกลับสามารถทะลวงขอบเขตของตนเองได้ในสามย่างก้าว!