ตอนที่ 66 นางบำเรอก็ไม่อาจทำได้!
ภายในพระราชวังเทพขนนก เมื่อจักรพรรดิทั้งเจ็ดก้าวเข้ามา พวกเขาล้วนต่างมาด้วยความกระหาย และเงื่อนไขที่หยิบยกมาก็ทำให้ปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนกทั้งหกถึงกับตกตะลึง
แต่เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงมาก พวกเขาจึงทำได้เพียงระงับความโกรธและพยายามลดเงื่อนไขต่าง ๆ ลงมา
หลังจากพูดคุยอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งวัน ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ยอมความกันมากนัก และเมื่อวันนี้ไม่อาจเจรจาให้จบลงได้ ทั้งสองฝ่ายจึงต้องหารือกันต่อในวันพรุ่งนี้
ม่านรัตติกาลมาเยือน
ณ ตำหนักของพระสนมเหยา
ใขณะนี้จักรพรรดิทั้งเจ็ดกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และพระสนมเหยากำลังอ้อนวอนพวกเขาอย่างขมขื่น
“พี่ใหญ่… ไม่สิ เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกท่าน ข้าขอร้องพวกท่าน ได้โปรดล้างแค้นให้กับบ่าวเช่นข้าด้วยเถิด ตราบใดที่ท่านสามารถสังหารหนิงฝานได้ พวกท่านจะให้ข้ากระทำสิ่งใด ข้าล้วนยินยอมทั้งสิ้น!”
“งั้นหรือ?”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเลิกคิ้วสูง ก่อนจะจ้องมองร่างเพรียวบางของพระสนมเหยาด้วยสายตาจาบจ้วง เขากระทุ้งเท้าเข้าไปในส่วนโหนกนูนของนาง
เมื่อเห็นเช่นนี้ พระสนมเหยาเผยความยินดีพร้อมกับขยิบตาให้ “นายท่าน ตราบใดที่ท่านสามารถล้างแค้นให้กับบ่าวผู้นี้ได้ ข้าย่อมปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี!”
“จะรับใช้ข้าเพียงผู้เดียวได้อย่างไร? หากเจ้าสามารถรับใช้พวกเราทั้งเจ็ดได้ เราจักคิดเรื่องสังหารหนิงฝานให้อีกครั้ง!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกถึงกับลุกเป็นไฟ
แม้เหยาเม่ยเอ๋อร์ผู้นี้จะเป็นบ่าวรับใช้ภายในตำหนักของเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซู แต่ตัวตนปัจจุบันของนางคือ พระสนมผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์เทพขนนก ซ้ำยังเป็นสตรีของหลินไท่ซู จักรพรรดิเทพขนนกด้วย
แม้นางจะมีเสน่ห์เย้ายวน แต่ข่าวลือของนางก็นับว่าเลื่องลือยิ่งเช่นกัน เพราะนางมีทักษะบนเตียงที่ยอดเยี่ยม พวกเขาจึงค่อนข้างสนใจที่จะร่วมหลับนอนกับนาง
“เอ๊ะ?”
“ทั้งเจ็ดพร้อมกัน… ทั้งยังอยู่ในขอบเขตปราชญ์ยุทธ์… นางบำเรอยังไม่อาจทำได้เลย!”
เหยาเม่ยเอ๋อร์เผยความหวาดกลัวออกมา ปราชญ์ยุทธ์นั้นเต็มไปด้วยพละกำลัง ก่อนหน้านี้นางเพียงรับใช้หลินไท่ซูคนเดียวก็เหน็ดเหนื่อยมากแล้ว หากต้องเผชิญหน้าถึงเจ็ดคน ไม่แคล้วนางคงต้องตายตกอย่างแน่นอน
“นังแพศยา! เจ้ากล้าปฏิเสธงั้นหรือ!?”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูเหยียดยิ้มชั่วร้าย
หึ!
เพียงแค่สะบัดมือ เสื้อผ้าของเหยาเม่ยเอ๋อร์ก็ถูกปลดเปลื้อง แล้วนางกลายเป็นแกะขาวตัวน้อยในทันที
หลังจากนั้นทั้งเจ็ดก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
ไม่นานนัก เสียงร้องแทบขาดใจของเหยาเม่ยเอ๋อร์ก็ดังขึ้นภายในตำหนักละอองเมฆา
…
จากนั้นถึงวันนี้… เป็นเวลาเจ็ดวันติดต่อกัน!
ในช่วงกลางวัน จักรพรรดิทั้งเจ็ดจะหารือเกี่ยวกับค่าชดเชยกับปราชญ์ยุทธ์ทั้งหกแห่งราชวงศ์เทพขนนก และในเวลากลางคืนพวกเขาจะเล่นสนุกกับเหยาเม่ยเอ๋อร์อย่างบ้าคลั่งภายในตำหนักละอองเมฆา
จนกระทั่งวันที่แปด เงื่อนไขต่าง ๆ ถึงบรรลุฉันทานุมัติ
ณ ตำหนักละอองเมฆา
หลังจากผ่านพ้นการต่อสู้อย่างดุเดือดในเจ็ดวัน เหยาเม่ยเอ๋อร์แทบจะรู้สึกว่านางสิ้นเรี่ยวแรงและไร้ซึ่งวิญญาณ
หลังจากทราบว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดได้รับผลประโยชน์จากราชวงศ์เทพขนนกแล้ว นางจึงกล่าวคำด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “นายท่านของข้า ราชวงศ์เทพขนนกจ่ายค่าชดเชยแล้ว และบ่าวผู้นี้ก็รับใช้พวกท่านอย่างเต็มที่ ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านจะต้องสังหารหนิงฝานเพื่อข้า!”
“ฮ่า ๆ ฆ่าหนิงฝาน?”
“ไม่ ๆ จักทำเช่นมิได้ ตอนนี้ราชวงศ์เทพขนนกจ่ายออกด้วยสมบัติจำนวนมากเพื่อซื้อชีวิตเขาไว้ หากพวกเราสังหารเขา ไม่แคล้วว่าราชวงศ์เทพคงโกรธแน่!”
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ไม่! นายท่าน ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ข้ารับใช้พวกท่านแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเหยาเม่ยเอ๋อร์ถึงกับซีดเผือดในบัดดล
ทว่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดไม่คิดสนใจแต่อย่างใด พวกเขาส่ายศีรษะพร้อมกับเดินออกไปด้านนอก นางจึงเข้าใจอย่างแท้จริงว่าพวกเขาไม่เคยคิดจะสังหารหนิงฝานเพื่อนาง
“ไม่นะ!”
“พวกท่านจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น หากท่านไม่ช่วยข้าสังหารหนิงฝาน ข้าจะบอกกล่าวต่อองค์จักรพรรดิเทพขนนกว่าพวกท่านสร้างความอับอายให้แก่ข้า…”
เหยาเม่ยเอ๋อร์วิ่งไปดักหน้าของเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูอย่างไม่ยินยอม
เพียะ!
เจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูตบหน้าของนางอย่างแรง
“นังสาวใช้ตัวจ้อย เจ้ากล้ากล่าวเช่นนี้ด้วยหรือ? ระวังจะตายตกโดยไม่รู้ตัว!”
“ไปกันเถิด!”
หลังจากดื่มด่ำกับทุกสิ่งเต็มอกแล้ว เหล่าจักรพรรดิทั้งเจ็ดก็เดินออกจากตำหนักละอองเมฆาทันที
“ไอ้พวกบ้า! ไอ้คนไร้ยางอาย!”
เหยาเม่ยเอ๋อร์ทรุดตัวลง สายตามองพวกเขาด้วยเนื้อตัวสั่นสะท้าน และความโกรธเวลานี้ก็พุ่งสูงเทียมฟ้า
…
“ทุกท่าน ความเข้าใจผิดทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก!”
ด้านนอกพระราชวังเทพขนนก จักรพรรดิทั้งเจ็ดประสานกำปั้นให้แก่สมาชิกราชวงศ์ ก่อนจะหัวเราะออกมา จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นลำแสงเจ็ดดวงพุ่งออกไปจากเมือง
เมื่อแผ่นหลังของจักรพรรดิทั้งเจ็ดอยู่ไกลลิบแล้ว ใบหน้าของปราชญ์ยุทธ์ทั้งหกแห่งราชวงศ์เทพขนนกก็เผยความมืดมนออกมา
“เฮ้อ! คราวนี้ราชวงศ์เทพกับจักรพรรดิทั้งเจ็ดถือว่าตัดขาดกัน!”
“สมบัติวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดที่จ่ายออกไป ไม่ต้องกล่าวถึงเม็ดยาและหินวิญญาณอื่น แม้แต่คำสั่งจากราชวงศ์เทพก็ไม่อาจขวางกั้นเจ็ดมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”
“บัดซบ! หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์วุ่นวายของราชวงศ์เทพ จักรพรรดิทั้งเจ็ดย่อมมิอาจหาญกล้าบุกรุกพระราชวังเพื่อปล้นชิงเป็นแน่!”
“ไม่มีทาง! สถานการณ์ปัจจุบันรุนแรงยิ่งนัก ไหนจะการก่อกบฏของราชาทั้งสิบที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกอาณาจักรและเกิดวิกฤตมากพอแล้ว ราชวงศ์เทพขนนกมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เรามิอาจประกาศสงครามกับเจ็ดมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้!”
“นังสารเลว! เพราะตัวโง่งมเช่นนั้น หากมิใช่เพราะสถานะกุ้ยเฟยของนาง ข้าคงบั่นศีรษะนางทิ้งไปนานแล้ว!”
“…”
ทั้งหกคนถอนหายใจพร้อมกับสบถออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกเขาล้วนแต่ไม่ยินดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในเวลานี้ ปราชญ์ยุทธ์ผู้ซ่อนเร้นในนามของเหล่าเฟิงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “เฮ้อ! เจ้าควรจะฟังข้าและปล่อยให้จักรพรรดิทั้งเจ็ดสังหารหนิงฝานเสีย เหตุใดราชวงศ์เทพจึงต้องจ่ายราคาแพงเพื่อปกป้องเขาด้วย!”
เหล่าอวิ๋นด้านข้างกล่าวเสริม “ถูกต้อง มันคุ้มแล้วหรือที่จะช่วยชีวิตคนไร้ประโยชน์เช่นนั้น!”
“อาวุโสทั้งสองกล่าวผิดแล้ว แม้หนิงฝานจะถูกคำสาปอมตะ แต่เขาก็ช่วยเหลือองค์จักรพรรดิเทพและกองทัพทหารของราชวงศ์เทพเอาไว้ เขาคือวีรบุรุษผู้มีเกียรติแห่งราชวงศ์เทพ หากราชวงศ์ของเราสามารถหักหลังวีรบุรุษได้ตามใจชอบ เมื่อถึงเวลาที่สมควร เหล่าพลเรือนและกองกำลังของเราหลายร้อยล้านคนจะกล้าไว้วางใจและมอบชีวิตให้กับราชวงศ์เทพอยู่อีกหรือ!” ขันทีเว่ยกล่าวโต้แย้ง
“เอาเถิด เรื่องมันจบแล้ว เถียงกันไปก็ไร้ประโยชน์!”
“เก็บแรงไว้จัดการเรื่องวุ่นวายที่จะตามมาเถอะ!”
ท้ายที่สุด ปราชญ์ยุทธ์ที่ซ่อนเร้นนามว่าเหล่าเทียนก็โบกมือเพื่อหยุดการทะเลาะโต้แย้ง
…
แม้จักรพรรดิทั้งเจ็ดจะจากไปแล้ว แต่ข่าวการชดเชยมหาศาลนั้นกลับแพร่กระจายไปทั่วพระราชวังอันกว้างขวางนี้ โชคยังดีที่มันไม่ได้เผยแพร่ออกไปสู่โลกภายนอกด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว ความอัปยศนี้ก็ไม่สมควรได้รับการเปิดเผย เพราะสิ่งนี้มีผลกับเกียรติแห่งราชวงศ์เทพขนนกเป็นอย่างมาก
“กลับไปแล้วหรือ?”
ภายในตำหนักองค์หญิง หนิงฝานได้รับข่าวนี้มาจากหลัวชิงเซียน
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ เขาก็คิดหาข้ออ้างออกจากตำหนักองค์หญิงขึ้นมาได้
เมื่อหนิงฝานเดินออกมาด้านนอก เขาก็ทอดสายตามองไปยังนอกเมืองเทพขนนก
“กลับงั้นหรือ ถามข้าหรือยังเล่า?”
ฟึ่บ!
จากนั้นร่างของชายหนุ่มก็สว่างวาบพร้อมกับหายลับไปในทันที
…
ด้านนอกของเมืองเทพขนนก
จักรพรรดิทั้งเจ็ดกลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานไปตามเส้นทาง
“ฮ่า ๆ เรื่องราวช่างน่ายินดีนัก ข้าล่ะตื่นเต้นเสียจริง!”
“ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเจ็ดมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะได้รับผลประโยชน์จากราชวงศ์เทพขนนก!”
“ราชวงศ์เทพขนนกนี้ร่ำรวยยิ่งนัก เพียงแค่การชดเชยเล็กน้อยก็แทบจะเทียบเท่ากับสมบัติทั้งหมดภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราแล้ว!”
“สมบัติเหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญคือจากนี้ไปเจ็ดมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่ต้องรับฟังคำสั่งของราชวงศ์เทพขนนกอีกต่อไป พวกเราจะกลายเป็นผู้ปกครองตนเองอย่างแท้จริง!”
“ฮ่า ๆ!”
“ฮ่า ๆๆ!”
“…”
จักรพรรดิทั้งเจ็ดนำโดยเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนซูหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในขณะเดินทางกลับ
ใบหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ
พรึ่บ!
ขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จู่ ๆ แสงสว่างวาบสีขาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา กลับกลายเป็นว่ามีร่างหนึ่งขวางพวกเขาเอาไว้อย่างกะทันหัน
“หืม? เป็นผู้ใดกัน!!!”