ตอนที่ 82 ร่างที่แท้จริงของจวินซ่าง ผู้สยบสิบบรรพชน!
“ภรรยา ข้าก็ไม่ทราบตัวตนของเขาเช่นกัน ทราบเพียงแต่ว่าจวินซ่างผู้นี้มิใช่ศัตรูของราชวงศ์ หากเขาไม่ใช่ศัตรูแล้ว เหตุใดเจ้าจึงหมกมุ่นอยู่กับการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขานักเล่า?”
หนิงฝานส่ายศีรษะพร้อมยิ้มบาง ๆ เขาไม่ได้สารภาพออกไปว่าตนเองคือจวินซ่าง
ประการแรก แม้จะกล่าวออกไป หลัวชิงเซียนก็คงไม่เชื่อโดยง่าย
ประการที่สอง แม้ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขานับว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่ก็ยังมิใช่อมตะที่แท้จริง
เมื่อตัวตนถูกเปิดเผย มันย่อมดึงดูดศัตรูจากทั่วทุกสารทิศ และผลเสียย่อมมีมากกว่าผลดี!
เมื่อได้ยินคำพูดหนิงฝานแล้ว หลัวชิงเซียนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพยักหน้ารับ “สามี ที่เจ้ากล่าวมาก็ถูกต้อง แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ทราบร่างที่แท้จริงของจวินซ่าง”
“…”
หนิงฝานยิ้มแต่ในใจยังลอบคิดต่อไป เจ้าคือผู้ที่ได้เห็นจวินซ่างที่แท้จริงแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงร่างที่แท้จริง แม้แต่ร่างเปลือยเปล่าก็รับชมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!
…
เวลากลางคืน ภายในพระราชวังเทพขนนกอันเงียบสงัด
หลังจากหลัวชิงเซียนหลับ หนิงฝานก็ออกจากตำหนักองค์หญิงไปอย่างเงียบ ๆ มุ่งหน้าสู่สุสานเทพอย่างรวดเร็ว
ภายในสุสานเทพ
หลังจากที่ผู้พิทักษ์สุสานกลับมา เขาโยนบรรพชนทั้งสิบที่ถูกมัดไว้บนจตุรัส ก่อนจะยืนอยู่ใกล้ ๆ เพื่อฟื้นฟูบาดแผลของตนและรอการมาของหนิงฝาน
หลังจากผ่านไปครึ่งค่อนคืน บรรพชนทั้งสิบเริ่มฟื้นคืนสติกลับมา
“หืม?”
ทันทีที่บรรพชนทั้งสิบตื่นขึ้น พวกเขาคิดดิ้นรนและต่อต้าน ทว่าอาการบาดเจ็บสาหัสและเชือกเส้นนี้ผนึกความสามารถของพวกเอาไว้เอา ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใดก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ทั้งหมดจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ ก่อนจะหันมองผู้พิทักษ์สุสานด้วยความเกรี้ยวกราด
“เจ้าคือผู้พิทักษ์สุสาน? หรือว่า… จวินซ่าง?!”
“บัดซบ! ปล่อยพวกเราไปเดี๋ยวนี้!”
“นักรบถูกสังหารย่อมมีเกียรติมากกว่าการถูกจับกุมเป็นเชลย เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“…”
บรรพชนทั้งสิบกล่าวพร้อมเพียงอย่างขุ่นเคือง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้พิทักษ์สุสานจึงกล่าวตอบ “อ่า… รอ… นายท่าน… ของ…ข้า … มา… ถึง… ก่อน!”
“ร่างจริงของจวินซ่างน่ะหรือ?”
ใบหน้าของบรรพชนทั้งสิบหดหู่ยิ่ง แล้วพวกเขาก็เงียบปากในทันที
เวลานี้จวินซ่างผู้นั้นนับว่าเป็นฝันร้ายของพวกเขาอย่างแท้จริง เพียงแค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว ทั้งหมดหวนนึกถึงปราณกระบี่ที่ได้เผชิญเมื่อเวลากลางวันอีกครั้ง
หลังจากทั้งสิบเงียบลง สุสานเทพจึงกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง
พรึ่บ!
ไม่นานนักก็มีเสียงดังขึ้นมาจากท้องฟ้าระยะไกล ปรากฏร่างหนึ่งกำลังทะยานตรงเข้ามาภายในสุสานเทพ
“หืม? มาแล้วหรือ!”
บรรพชนทั้งสิบรีบหันมองตามทิศทาง
แม้พวกเขาจะหวาดกลัวจวินซ่าง แต่พวกเขาก็ต้องการเห็นว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่จัดการพวกเขาในกระบวนท่าเดียวคือใคร!
ชั่วครู่ต่อมา ภายใต้แววตาที่เฝ้ารอคอยของทุกคน หนิงฝานก็โผล่ออกจากเงามืดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“เจ้า… เป็นเจ้าได้อย่างไร!”
เมื่อเห็นใบหน้าของหนิงฝานแล้ว บรรพชนทั้งสิบเผยความตื่นตระหนกออกมาทันที พวกเขาล้วนแต่ไม่เชื่อถือ!
นี่คือร่างจริงของจวินซ่างหรือ?
ยังเยาว์นัก!
จากที่พวกเขาคาดเดา จวินซ่างควรมีอายุไม่ต่ำกว่าพันปี ร่างกายควรเหี่ยวย่นและโค้งงอแล้ว!
แต่ ‘พรสวรรค์’ ตรงหน้ายิ่งใหญ่เพียงใดกัน?
เห็นได้ชัดว่าร่างนี้ยังไม่เกินสี่สิบปีด้วยซ้ำ นี่คือชนรุ่นเยาว์อย่างแท้จริง!
ชายหนุ่มอายุต่ำกว่าสี่สิบปี ซ้ำยังสามารถสยบบรรพชนแห่งราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบในกระบี่เดียว ทั้งหมดนี้นับว่าทำลายสามัญสำนึกที่พวกเขาสั่งสมมาตลอดชีวิตจนหมดสิ้น!
“เจ้า… เจ้าคือผู้ที่ยืนเคียงข้างองค์หญิงราชวงศ์เทพเมื่อตอนกลางวันใช่หรือไม่!?”
ทันใดนั้น บรรพชนมังกรสวรรค์ก็ร้องเสียงหลงออกมา
ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ ความจำของเขานับว่ายอดเยี่ยม แม้เขาจะไม่ได้สนใจหนิงฝานในตอนนั้น ทว่าเขายังคงจดจำหนิงฝานที่ยืนเคียงข้างหลัวชิงเซียนได้
บรรพชนทั้งสิบคล้ายกับตื่นจากภวังค์
“ใช่แล้ว! ข้าจำได้ เขาคือสามีของหลัวชิงเซียน องค์หญิงแห่งราชวงศ์เทพ ราชบุตรเขยของราชวงศ์เทพ…”
“ราชบุตรเขยของราชวงศ์เทพ… หนิงฝาน!”
“ไม่ใช่! มีข่าวลือว่าหนิงฝานเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ เขาถูกคำสาปอมตะครอบงำร่างกาย… แล้วเช่นนั้นจะทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร…”
บรรพชนทั้งสิบยิ่งตกตะลึง
“ไม่คิดเลยว่าแม้ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าจะอ่อนด้อย แต่ความจำกลับดีเลิศยิ่งนัก!”
หลังจากมองบรรพชนทั้งสิบแล้ว หนิงฝานยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “ถูกแล้ว ข้าคือราชบุตรเขยของราชวงศ์เทพ หนิงฝาน แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่า… จวินซ่าง!”
ราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพ!
จวินซ่าง!
เมื่อทราบความจริงเกี่ยวกับหนิงฝานแล้ว บรรพชนทั้งสิบพลันกรีดร้องอยู่ภายในใจ แล้วพวกเขาก็หน้าถอดสีในบัดดล!
ทั้งหมดไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในการต่อสู้เมื่อตอนกลางวัน ร่างแท้จริงของจวินซ่างจะยืนอยู่ตรงนั้น และสิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือจวินซ่างผู้นั้น กลับเป็นหนิงฝาน ราชบุตรเขยแห่งราชวงศ์เทพที่ต้องคำสาปอมตะ!
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าถูกคำสาปอมตะเล่นงานไม่ใช่หรือไร!? ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้คำสาปอมตะย่อมสูญสลาย คนเช่นเจ้าจะเป็นจวินซ่างผู้นั้นไปได้อย่างไร!?”
บรรพชนทั้งสิบไม่ยอมรับความจริงที่ได้ทราบ
“เรื่องนั้นพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้!”
หนิงฝานส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “เวลานี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้ามีชีวิตต่อไปด้วยการเป็นทาสของข้า ยอมจำนนต่อข้าซะ!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“นักปราชญ์ ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้!”
“ต่อให้เจ้าคือจวินซ่าง พวกเราก็ไม่ยินยอมที่จะเป็นทาสของเจ้า!”
“ฆ่าพวกเราเสีย!”
“…”
บรรพชนทั้งสิบเผยความเย่อหยิ่งออกมา ทั้งหมดยอมตายดีกว่ายอมจำนน
“ฮ่า ๆ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีศักดิ์ศรีไม่น้อยแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับข้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินของตน!”
หนิงฝานเผยรอยยิ้มเย็นชาก่อนจะแบมือเผยให้เห็นพระราชลัญจกรบนฝ่ามือ!
แม้บรรพชนทั้งสิบจะอ่อนแอเมื่อเผชิญหน้ากับเขา แต่อย่างไรแล้วทั้งหมดคือปราชญ์ยุทธ์ที่มีพลังอำนาจในการทำลายล้างราชวงศ์เทพ คงน่าเสียดายไม่น้อยหากจะสังหารพวกมันทิ้ง!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
พระราชลัญจกรทั้งสิบดวงควบแน่นอยู่บนฝ่ามือของหนิงฝานแล้ว
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด!?”
เมื่อเห็นพระราชลัญจกรบนฝ่ามือของหนิงฝาน บรรพชนทั้งสิบเผยสีหน้าตื่นตระหนกทันที พวกเขาสัมผัสได้ถึงลางร้าย
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
หนิงฝานไม่คิดอธิบาย เขาขว้างพระราชลัญจกรทั้งสิบเข้าสู่ร่างตรงหน้าทันที
ตู้ม!
บรรพชนทั้งสิบครอบครองพระราชลัญจกรคนละหนึ่งดวง แม้พวกเขาจะต้องการต่อต้าน แต่ร่างกายกลับไม่อาจทำได้ ทั้งหมดล้วนถูกผนึกไว้โดยสมบูรณ์
“คุกเข่าลง!”
หนิงฝานคำราม
ตู้ม!
บรรพชนทั้งสิบไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป ทั้งหมดคุกเข่าลงต่อหน้าหนิงฝานทีละคน
“อืม!”
เมื่อเห็นว่าพระราชลัญจกรสำแดงฤทธ์เดชแล้ว หนิงฝานจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ข้ามีสองเรื่องต้องพูดกล่าว ประการแรก ห้ามเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของข้าให้ผู้อื่นทราบ ประการที่สอง พรุ่งนี้จงไปสารภาพบาปของตนต่อราชวงศ์เทพขนนกเสีย แล้วให้คำมั่นสัญญาว่าตำหนักราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบจะไม่ก่อกบฏอีก จากนั้นกลับไปยังสถานที่ที่พวกเจ้าจากมา หากข้ามีสิ่งใดเรียกใช้ พวกเจ้าจะทราบเอง!”
“ทราบแล้ว!”
บรรพชนทั้งสิบพยักหน้ารับด้วยความเคารพ
…
วันถัดมา ภายในวิหารทองคำ
เมื่อผ่านศึกหนักหน่วงมา จักรพรรดิเก้ามังกรและอาวุโสทั้งสามต่างก็มีอายุขัยเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว และหลังจากที่ปราบปรามความวุ่นวายของเหล่ากบฏ พวกเขาจึงกลับไปหลับใหลในส่วนลึกของพระราชวังเทพขนนกอีกครั้ง
ณ ห้องโถงใหญ่ ปราชญ์ยุทธ์ในตอนนี้เหลือเพียงสามคนเท่านั้นคือขันทีเว่ย เว่ยเสวียน อวี้เฉิง
องค์ชายมังกรทั้งห้ากำลังเริ่มการประชุมราชสำนัก เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องราวการก่อกบฏของราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบ
แม้บรรพชนของราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบจะถูกจับกุมตัว ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบพร้อมด้วยกองทัพกว่าสามพันคนถูกสังหาร ทว่าในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาล้วนแต่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน อีกทั้งฐานทัพทั้งหมดก็แข็งแกร่ง เพื่อที่จะตัดรากถอนโคน สิ่งเหล่านี้จึงสมควรถูกกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก
“เอาล่ะ ในเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว พวกเราจะส่งกองกำลังขนาดใหญ่ไปบุกทำลายตำหนักของราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบนับจากวันนี้!”
เจ้าชายมังกรทั้งห้าตัดสินใจครั้งสุดท้าย และออกคำสั่งส่งกองกำลังออกไปปราบปราม
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
จู่ ๆ ก็มีสิบร่างปรากฏตัวขึ้นในห้องโถง ทุกคนจึงจ้องมองอย่างตั้งใจ เมื่อภาพตรงหน้าชัดเจนแล้ว ใบหน้าของพวกเขาพลันซีดขาวด้วยความตื่นตระหนกทันที!
เพราะผู้มาเยือนนี้ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือบรรพชนแห่งราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบ!