ตอนที่ 86 ภายใต้กระบี่เดียว ค่ายคนเถื่อนยามค่ำคืน
“เซียนกระบี่หนิง!”
“องค์จักรพรรดินี!”
เมื่อเห็นร่างชายหญิงเข้ามาใกล้ อาวุโสสูงสุดทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่นำโดยหลี่ฝูเฟิงต่างตกตะลึง แล้วใบหน้าก็เผยความปลื้มปีติในทันที
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน พวกเรา… กลับมาแล้ว!”
หนิงฝานกับหลัวชิงเซียนกล่าวพึมพำขึ้นมาพร้อมกัน
ทุกคนที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เผยสีหน้าตื่นเต้นเมื่อได้เห็นว่าทั้งสองปรากฏตัวอีกครั้ง
แต่ในเวลานี้ หลี่ฝูเฟิงซึ่งกำลังตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบตะโกนออกมาว่า “เซียนกระบี่หนิง จักรพรรดินี พวกท่านไม่ควรกลับมา!”
“ข้าเกรงว่าเซียนกระบี่หนิงไม่อาจเผชิญหน้ากับม้าเหล็กจากอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือหนึ่งแสนนายได้ พวกท่านรีบหนีเร็วเข้า!”
“พวกเราไม่เสียใจหากไม่อาจรักษาชีวิตไว้ แต่พวกท่านไม่อาจตายตกตามพวกเราได้!”
ทุกคนตะโกนเสียงดัง ทั้งหมดต่างนึกถึงคำสาปอมตะในกายของหนิงฝาน
แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าในเวลานี้…
หนิงฝานเพียงโบกมือพร้อมยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร แค่ทหารม้าเหล็กจากคนเถื่อนแดนเหนือนับแสน เพียงแค่กระบี่เดียวก็พอ!”
ครั้นได้ยินถ้อยวาจานั้น คนทุกคนถึงกับตกตะลึง แล้วพวกเขาก็หวนนึกถึงความยิ่งใหญ่ของหนิงฝาน เมื่อครั้งสังหารบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยกระบี่เล่มเดียว!
“หืม? เป็นผู้ใดกัน?!”
อีกด้าน เมื่อหมานพั่วเทียนเห็นหนิงฝานและหลัวชิงเซียนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เขาก็ตื่นตระหนกปนโกรธเกรี้ยวกับคำพูดของหนิงฝานทันที
“เป็นไอ้บัดซบตัวใด! ช่างกล้าดูหมิ่นทหารม้าเหล็กแห่งอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือถึงเพียงนี้!”
“บุกเข้าไป บดขยี้พวกมันให้แหลก!”
สิ้นประโยคนั้น ใบมีดในมือของหมานพั่วเทียนก็ชี้ออก แล้วทหารม้าเหล็กกว่าหนึ่งแสนนายก็พุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง พวกมันกระทืบผืนพสุธาจนส่งเสียงดังกึกก้อง
สะเทือนเลือนลั่นผืนปฐพี กระทั่งท้องฟ้ายังคล้ายจะถล่มลงมา!
ทหารม้าเหล็กแห่งอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือจำนวนหนึ่งแสนนายนี้ คล้ายกับสามารถพังทลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้!
“ฮ่า ๆ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หนิงฝานอดไม่ได้จะยกยิ้มเย้ยหยัน ก่อนที่มือจะดึงกระบี่เฉือนนภาออกมา
“ไป!”
ชั่วพริบตานั้น หนิงฝานสับฟันกระบี่ออกไป แล้วปราณกระบี่ก็พุ่งทะยานฉีกอากาศในทันที!
ปราณกระบี่สว่างไสวและค่อย ๆ เพิ่มความยิ่งใหญ่ จากหนึ่งจั้ง เป็นสิบจั้ง เป็นร้อยจั้ง…
เพียงหนึ่งลมหายใจ กระบี่ยาวอันน่าสะพรึงซึ่งเปล่งประกายคมปลาบร่ายรำไปในอากาศ เผยออกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้ผู้ใดเทียบ ฟาดฟันเข้าใส่กองทัพทหารม้ากว่าหนึ่งแสนนายอย่างแม่นยำ!
“อันใดกัน!”
“ไม่นะ!”
“เขาคือ… ปราชญ์ยุทธ์!”
เมื่อเห็นพลังเช่นนี้แล้ว หมานพั่วเทียนซึ่งเป็นแม่ทัพคุมกองกำลังถึงกับร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนอัปลักษณ์สุดขีด
กองทัพทหารม้ากว่าหนึ่งแสนนายที่อยู่ด้านหลังถูกจัดการด้วยปราณกระบี่ยิ่งใหญ่นี้ ไม่ว่าจะเป็นขุนพลหรือสัตว์ป่า ทั้งหมดคล้ายกับติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว!
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เมื่อปราณกระบี่มาถึง ร่างของหมานพั่วเทียนเป็นคนแรกที่รับคมศัสตรานี้ ร่างกายของเขาถูกเฉือนออกจนเป็นเศษเนื้อ หมอกโลหิตกระจัดกระจายไปในอากาศ หลังจากนั้นจึงเป็นเหล่ากองทัพทหารม้าเหล็กทั้งหมดที่ระเบิดออก ก่อนทั้งหมดจะเหลือเพียงเศษซากกองเนื้อและโลหิตกลาดเกลื่อนไปทั่วบริเวณ
หึ!
หลังจากสิ้นสุดลมกระโชก หมอกโลหิตไร้สิ้นสุดก็สูญสลาย
เวลานี้ทหารม้าเหล็กกว่าหนึ่งแสนนายนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ทั้งหมดถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ก่อนในที่สุดจะเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ถูกกำจัดจนสิ้น!
ทหารม้าเหล็กนับแสน… ถูกทำลายจนสิ้นแล้ว!
เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนพลันตกอยู่ในความเงียบงัน
ตู้ม!
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้คนนับไม่ถ้วนก็เริ่มกลับมาส่งเสียงเซ็งแซ่กัน
“ตายหมดแล้ว! ทหารม้าเหล็กกว่าหนึ่งแสนนายตายหมดแล้ว!”
“ฮ่า ๆ! หนึ่งกระบี่… สังหารทหารม้าเหล็กนับแสนคน!”
“ฮ่า ๆๆ! เซียนกระบี่หนิงก็ยังคงเป็นเซียนกระบี่หนิง ยังคงเหมือนครั้งที่เขาสังหารบรรพบุรุษอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะไม่ลดน้อยลงด้วยซ้ำ!”
“เซียนกระบี่หนิง!”
“เซียนกระบี่หนิง!”
“…”
ขณะนี้ผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทั้งหมดต่างตะโกนแซ่ซ้องนามของหนิงฝานไม่หยุดปาก
กึก!
หนิงฝานเก็บกระบี่เข้าคืนฝัก ใบหน้าของชายหนุ่มสงบนิ่งราวกับเพิ่งกระทำเรื่องผ่อนคลายไป
พรึ่บ พรึ่บ!
หลังจากนั้น หนิงฝานก็พาหลัวชิงเซียนลงมาพบกับหลี่ฝูเฟิงและคนอื่น ๆ
“เจ้านิกายหลี่ ไม่ได้พบกันเสียนานหลายปี ปลอดภัยดีหรือไม่!”
ทั้งสองยิ้มจาง ๆ ให้กับหลี่ฝูเฟิง
เมื่อได้ยินเสียงหวานนี้ หลี่ฝูเฟิงก็ฟื้นคืนสติกลับมาในทันที
“เซียนกระบี่หนิง จักรพรรดินีของข้า ไม่คิดเลยว่าพวกท่านจะกลับมาช่วยกอบกู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอีกครา ความเมตตายิ่งใหญ่นี้พวกข้าจักไม่มีวันลืม โปรดรับคำขอบคุณจากพวกเราไว้ด้วยเถิด”
หลี่ฝูเฟิงกล่าวจริงจังก่อนจะโค้งคำนับทั้งสอง
“ข้าขอขอบคุณเซียนกระบี่หนิงและจักรพรรดินีที่ช่วยเหลือชีวิตพวกเราไว้!”
หลังจากหลี่ฝูเฟิงกล่าวคำ ผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหมดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็โค้งคำนับตามทีละคน จากนั้นทุกคนภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจึงคุกเข่าลง
“เจ้านิกายหลี่ เจ้าทำสิ่งใดอยู่? จักรพรรดินีและข้าเคยอาศัยอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มิหนำซ้ำ เวลานี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนพบเจอปัญหา จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ”
“รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!”
หนิงฝานโบกมือพร้อมกับปลดปล่อยพลังไร้ลักษณ์โอบอุ้มให้ทุกคนยืนขึ้น
เมื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนคุกเข่าลงอีกครั้งได้ หนิงฝานเพียงหัวเราะพร้อมกล่าวต่อ “เจ้านิกายหลี่ ข้าไม่ได้กลับมายังดินแดนนี้นานหลายปีแล้ว เหตุใดท่านจึงไม่เชื้อเชิญเราเข้าไปดื่มชาสักหน่อยเล่า?”
“เซียนกระบี่หนิงช่างหยอกล้อนัก ประตูของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเปิดต้อนรับพวกท่านเสมอ โปรดเข้ามาด้านในก่อนเถิด!”
ต่อมา ภายใต้การนำทางของหลี่ฝูงเฟิงและคนอื่น ๆ สองสามีภรรยาก็เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนพร้อมกัน
หลังจากผ่านไปหลายปี สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ทั้งหมดยังคงเป็นภาพที่คุ้นเคยเช่นเดิม
“หืม นี่คือ?”
ทันทีที่เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หนิงฝานก็ได้เห็นรูปปั้นขนาดใหญ่สองรูปตั้งอยู่ใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นรูปปั้นชายและหญิงยืนจับมือกัน มีขนาดสูงใหญ่ราวกับทวยเทพ พอมองดูดี ๆ แล้วกลับเป็นตัวเขาและหลัวชิงเซียน
หลี่ฝูเฟิงอธิบายพลางยิ้ม “เซียนกระบี่หนิง จักรพรรดินี เพื่อให้ทุกคนระลึกถึงความดีงามของพวกท่านที่มีเมตตาต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เราจึงสร้างรูปปั้นนี้ขึ้นสำหรับพวกท่าน แม้จะใช้ช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว แต่เราก็ยังมิอาจแกะสลักมันให้งดงามเช่นตัวตนที่แท้จริงของพวกท่านได้”
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว!”
หนิงฝานยิ้มบาง ๆ ก่อนที่หลี่ฝูเฟิงจะให้คนอื่น ๆ ออกไปก่อน จากนั้นผู้อาวุโสระดับสูงกลุ่มหนึ่งก็เดินนำทั้งสองเข้าไปในห้องโถงของเจ้านิกาย
ทันทีที่เข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ ภายใต้การยืนยันที่หนักแน่นของหลี่ฝูเฟิงและคนอื่น ๆ หนิงฝานกับหลัวชิงเซียนจึงต้องจำยอมนั่งลงบนที่นั่งของเจ้านิกาย
ส่วนหลี่ฝูเฟิงและกลุ่มผู้อาวุโสระดับสูงนั่งลงที่ด้านล่าง
“เซียนกระบี่หนิง จักรพรรดินี ขอบคุณแล้วที่พวกท่านมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนคงต้องถึงคราวล่มสลายแล้ว!” หลี่ฝูเฟิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเผยความขอบคุณไม่หยุด
“เป็นสิ่งที่ข้าควรกระทำ!”
หนิงฝานยิ้มตอบ
แล้วหลัวชิงเซียนก็กล่าวขึ้นมา “เจ้านิกายหลี่ อาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือรุกรานดินแดนรกร้างทางเหนือตั้งแต่เมื่อใดหรือ? นอกจากกองทัพทหารม้าเหล็กหนึ่งแสนนายแล้ว ยังมีกองกำลังคนเถื่อนแดนเหนือในพื้นที่อื่น ๆ ของดินแดนรกร้างทางเหนืออีกหรือไม่?”
“รายงานจักรพรรดินี เป็นเวลาสองสามวันแล้วนับตั้งแต่คนเถื่อนแดนเหนือบุกรุกเข้ามา นอกจากกองทัพทหารม้าเหล็กหนึ่งแสนนายแล้ว ยังมีกองกำลังคนเถื่อนแดนเหนือนับล้านประจำการอยู่ที่ชายแดนระหว่างดินแดนรกร้างทางเหนือกับอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือ ข้าได้ยินว่าจักรพรรดิผู้ปกครองอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน”
หลี่ฝูงเฟิงกล่าวตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เวลานี้ทหารม้าเหล็กตายตกแล้ว จักรพรรดิคนเถื่อนแดนเหนือคงจะโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก เขาจักต้องส่งกองทัพทหารกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน”
“เจ้านิกายหลี่ไม่ต้องกังวล เรามาที่นี่เพื่อสะสางเรื่องนี้อยู่แล้ว และเราจะไม่จากไปหากยังไม่จัดการกับอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือให้จบสิ้น!” หนิงฝานกล่าวขึ้น
“ขอบคุณเซียนกระบี่หนิงแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ฝูเฟิงก็เผยความยินดีขึ้นมา ในใจเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น
หากมีหนิงฝานดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวต่ออาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนืออีกต่อไป
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดถึงเรื่องเก่า ๆ ภายในห้องโถงใหญ่กันอย่างสนุกสนาน
เมื่ออาทิตย์อัสดง ทั้งหมดจึงแยกย้ายกัน
หนิงฝานและหลัวชิงเซียนกลับไปพักผ่อนที่พระราชวังจักรพรรดินี
ระหว่างเดินไปยังพระราชวังจักรพรรดินี จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งถูกทำความสะอาดไว้หมดแล้ว ทั้งสองมองไปตลอดทางและพบว่าไม่เพียงแต่ที่นี่จะไม่ทรุดโทรม แต่มันยังสะอาดเช่นเคย
หลังจากได้เห็นลานและต้นพลัมที่คุ้นตา มันก็ทำให้หนิงฝานหวนนึกอดีตเหล่านั้นอีกครั้ง
“หนิงฝาน เวลานี้ทหารม้าเหล็กจากอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือหนึ่งแสนนายถูกกวาดล้างหมดสิ้นแล้ว จักรพรรดิคนเถื่อนแดนเหนือย่อมไม่ปล่อยเราไปเป็นแน่ แม้ว่าเจ้าจะสามารถหยุดพวกมันในวันนี้ได้ แต่อย่างไรเจ้าก็คงไม่อาจหยุดยั้งพวกมันนับล้านได้ ข้าตัดสินใจแล้วว่าในวันพรุ่งนี้จะกลับไปยังเมืองเทพขนนกเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
หลัวชิงเซียนยังคงนึกเป็นกังวล และนางมิอาจวางใจเรื่องนี้ได้โดยสมบูรณ์
“อืม ย่อมได้”
หนิงฝานพยักหน้า แต่เขามีแผนอื่นในใจอยู่แล้ว
กลางดึก
เมื่อเห็นว่าหลัวชิงเซียนหลับใหล หนิงฝานก็ออกจากพระราชวังจักรพรรดินีไปอย่างเงียบเชียบ และหลังจากออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้แล้ว เขาก็พุ่งทะยานออกไปประดุจลำแสง มุ่งหน้าสู่ค่ายทหารของอาณาจักรคนเถื่อนแดนเหนือ!