ตอนที่ 103 สามราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ ครั้งสุดท้าย!
หลังจากที่ขุนนางพิธีการประกาศแล้ว ทั้งสามฝ่ายก็เดินผ่านประตูเมืองเทพเข้ามา
หนึ่งในนั้นคือคนจากราชวงศ์ผานอู่ซึ่งนั่งอยู่บนเกี้ยวขนาดใหญ่ แล้วที่ข้างเกี้ยวนั้นก็ล้อมรอบไปด้วยมังกรเทพและร่างเงามากมาย
ผู้นำของพวกเขาคือ ชายวัยกลางคนซึ่งสวมอาภรณ์แห่งของราชวงศ์ ทุกท่วงท่าเปล่งออร่าของปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นแปดออกมา
นามของเขาคือ หยางเทียน องค์ชายแห่งราชวงศ์ผานอู่
ด้านหลังมีปราชญ์ยุทธ์อีกเก้าคนติดตามมา ทั้งหมดล้วนมีไอสามสวรรค์ขั้นสูง และในหมู่พวกเขาก็มีปราชญ์ทั้งสองแห่งโลกันต์อีกด้วย
ข้าง ๆ กันเป็นผู้มาจากราชวงศ์เทพเร้นลับทั้งแปดซึ่งนั่งราชรถคันหนึ่งเข้ามา ธงสีดำขนาดใหญ่ปักอยู่บนราชรถ และมีอักษรคำว่า ‘แปดเร้นลับ’ โบกพลิ้วไสวไปตามสายลม
เบื้องหน้าของราชรถมีปราชญ์ยุทธ์ทั้งสองอยู่ประจำที่ ภาพลักษณ์ของพวกเขาดูหยาบคายมิน้อย บางคนเปลือยท่อนบน บางคนสวมหนังสัตว์ ทว่าไอปราณที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายกลับดูไม่ด้อยไปกว่าคนจากราชวงศ์ผานอู่เลย
ผู้นำของพวกเขาคือ ชายชราร่างผอมในชุดหนังสัตว์โบราณ แม้รูปร่างจะซูบผอม แต่ในตัวของเขาดูราวกับว่ามีพลังสะเทือนสวรรค์แอบซ่อนไว้อยู่
นามของเขาคือ กู่หวง ปราชญ์ยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์เทพเร้นลับทั้งแปด
สุดท้ายคือคนจากราชวงศ์เทพหมื่นอสูร เขาควบขี่ช้างสารยักษ์ที่มีขนาดตัวเท่ามหาบรรพต เท้าหน้าและเท้าหลังประดุจเสาค้ำฟ้า ทุกย่างก้าวทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
บนหลังช้างสารมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่นับร้อยตัว ทั้งพยัคฆ์ หมาป่า ราชสีห์และอื่น ๆ แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเผ่าปีศาจทั้งสิบ และเผ่าปีศาจทั้งสิบนี้ล้วนเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงในราชวงศ์หมื่นเทพอสูร หนึ่งในนั้นก็คือ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง!
ผู้นำมีนามว่า ชิงซือ เขาเป็นผู้นำของเผ่าราชสีห์น้ำเงินคราม หนึ่งในสิบเผ่าที่ยิ่งใหญ่ ซ้ำยังมีพลังระดับปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นแปด
ราชวงศ์ผานอู่
เทพเร้นลับทั้งแปด
ราชวงศ์เทพหมื่นอสูร
กลิ่นอายอันทรงพลังทำให้ผู้คนทั้งสองฟากฝั่งของถนนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถอยหนีออกไปไกล!
แล้วผู้คนจากสามราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ก็มาถึงจัตุรัส
“ราชวงศ์ผานอู่ มาเข้าร่วมพิธีเทพขนนก”
“ราชวงศ์เทพเร้นลับทั้งแปด มาเข้าร่วมพิธีเทพขนนก”
“ราชวงศ์เทพหมื่นอสูร มาเข้าร่วมพิธีเทพขนนก”
เมื่อมาถึง หยางเทียน กู่หวง และชิงซือ ทั้งสามกล่าวคำกับราชวงศ์เทพขนนกด้วยท่าทางเย็นชา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลังจากทั้งสามคนพูดจบ ปราชญ์ยุทธ์ของทั้งสามราชวงศ์ก็เปิดเผยพลังของพวกเขาออกมา เพียงพริบตานั้น พลังปราณของปราชญ์ยุทธ์สามสิบคนพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา สะเทือนไปทั้งชั้นฟ้าสะท้านไปทั้งผืนปฐพี!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของเหล่าปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนกกลายเป็นเคร่งขรึมในบัดดล พวกเขารู้สึกราวกับถูกหยามเกียรติ
ทว่าในฐานะเจ้าภาพ เหล่าปราชญ์ยุทธ์ซึ่งนำโดยบรรพบุรุษของจักรพรรดิเก้ามังกรจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้ พวกเขาทำได้เพียงกำมือแน่นและเอื้อนเอ่ยว่า “ผู้มาเยือนจากทั้งสามราชวงศ์เดินทางมาไกล ลำบากพวกท่านแล้ว นั่งลงเถอะ!”
ได้ยินคำกล่าว ทั้งสามราชวงศ์จึงไม่ได้เปิดการโจมตีอีกและทยอยนั่งลงด้วยท่าทีเย็นชา
หลังจากสามราชวงศ์มาถึง พิธีเทพขนนกก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อพิธีเริ่มขึ้น มันก็ตามมาด้วยความน่าเบื่อหน่าย
ในระหว่างพิธีการ หนิงฝานที่อยู่ในกลุ่มราชวงศ์ก็แอบสังเกตคนจากสามราชวงศ์ใหญ่
แม้หลายปีมานี้ เขาจะได้สัมผัสกับคนของสามราชวงศ์ใหญ่ เช่น บุคคลลึกลับจากราชวงศ์เทพเร้นลับทั้งแปดที่ก่อความวุ่นวายในร้อยอาณาจักร หยางจิงและปราชญ์ทั้งสองแห่งโลกันต์ของราชวงศ์ผานอู่ หรือแม้แต่ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางของราชวงศ์เทพหมื่นอสูร
ทว่าเขายังไม่เคยเจอคนของราชวงศ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามในระยะใกล้เช่นนี้มาก่อน
แม้ว่าเทพขนนก ผานอู่ เทพเร้นลับทั้งแปด และเทพหมื่นอสูรจะเป็นสี่ราชวงศ์ใหญ่แห่งใต้หล้านี้ ทว่าขนบธรรมเนียมและอุปนิสัยของแต่ละราชวงศ์นั้นกลับไม่เหมือนกันเลย
และเมื่อหนิงฝานมองสำรวจ คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นทันที
สายตาของเขาจับจ้องไปที่หยางเทียน กู่หวง และชิงซือ ผู้นำแห่งสามราชวงศ์ใหญ่
ดวงตาของหนิงฝานฉายแววมืดมัว พลังบำเพ็ญเพียร ความแข็งแกร่ง โรคที่ซ่อนเร้น และสิ่งอื่น ๆ ของทั้งสามคนนั้นล้วนแล้วแต่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ทว่าสิ่งที่ดึงดูดหนิงฝานไว้เพียงหนึ่งเดียวคือ มิติลับของทั้งสามคน แต่ละคนกลับมีกลุ่มแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สะดุดตา
แสงศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนั้นสามารถปิดกั้นเนตรสลายภาพลวงของเขาไว้ได้ ทำให้หนิงฝานไม่อาจมองผ่านแสงกลุ่มนั้นได้ว่ามันคืออะไร
‘ดูเหมือนว่าคนจากทั้งสามราชวงศ์ใหญ่ ก่อนจะมาร่วมงานต้องมีการวางแผนอะไรมาเป็นแน่’
หนิงฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาไม่แน่ใจว่ากลุ่มแสงทั้งสามกลุ่มนั้นคืออะไร จึงไม่สามารถทำอะไรตอนนี้ได้
หากเป็นเช่นนี้ พิธีเทพขนนกต้องดำเนินการไปตามสถานการณ์
ครึ่งวันผ่านไป
หลังจากผ่านพิธีการต่าง ๆ แล้ว ในที่สุดพิธีการเทพขนนกก็มาถึงช่วงสุดท้าย
ขุนนางพิธีการกล่าวเคารพสุสานเทพเป็นขั้นตอนสุดท้าย “พิธีเทพขนนกนี้ พันปีจัดขึ้นหนึ่งครั้ง ทั่วทั้งแดนดินได้มาเฉลิมฉลองร่วมกัน ขอเทพมังกรประทานโชคอวยพรให้เทพขนนกของเราเจริญรุ่งเรืองตลอดไป และขอให้ปวงประชาชนอยู่อย่างเป็นสุข!”
น้ำเสียงเคารพดังก้องกังวานออกไป
ทว่าผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่มีการตอบรับจากสุสานเทพ
ขุนนางพิธีการและเชื้อพระวงศ์มองหน้ากันเจื่อน ๆ สีหน้าค่อนข้างอับอาย
เพราะนี่คือพิธีสำคัญครั้งสุดท้ายของรัชสมัยเทพขนนก หลังจากขุนนางพิธีการเชื้อเชิญแล้ว จะมีวิญญาณของมังกรปรากฏขึ้นจากหลุมฝังศพของเทพ ท่องไปทั่วเมืองเทพและแจกจ่ายความโชคดี
ทว่าตอนนี้กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
อย่างที่ทราบ
ในเวลานี้ ลึกเข้าไปในสุสาน
เมื่อได้ยินเสียงของขุนนางพิธีการตะโกนขึ้น เทพมังกรประทานโชคต้องการหยัดร่างมังกรให้ยืนขึ้น ทว่าเขาชรามากแล้ว นอกจากนี้ เมื่อหลายปีก่อนยังได้สูญเสียไข่มุกเทพโชคประทานไป มาตอนนี้ก็จวนจะสิ้นใจแล้ว จึงไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
“เทพมังกร… นายท่าน”
คนเฝ้าสุสานเดินเข้ามา เขามองเทพมังกรประทานโชคที่พยายามจะลุกขึ้น ความโศกเศร้าหาใดเปรียบฉายชัดขึ้นในดวงตาคู่นั้น
เทพมังกรประทานโชคเอ่ย “ผู้พิทักษ์ จงให้พลังแก่ข้า ให้ข้าได้มีโอกาสมอบโชคเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถอะ”
“ขอรับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น คนเฝ้าสุสานก็พยักหน้า ก่อนจะนำมือวางลงบนร่างมังกร แล้วพลังศักดิ์สิทธิ์ก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของอีกฝ่าย!
โฮก!
เมื่อได้รับพลัง เทพมังกรประทานโชคก็ฟื้นคืนพลังทันที ก่อนจะปลดเสียงคำรามออกมาเป็นเปลวเพลิง จากนั้นร่างมังกรขนาดใหญ่ราวภูเขาก็ค่อย ๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในชั่วพริบตา เทพมังกรประทานโชคก็บินออกมาจากสุสาน ส่วนหัวของมันดูทรงพลังยิ่ง กรงเล็บเป็นประกายคมกริบ ลำตัวขนาดใหญ่เท่าภูเขา เกล็ดมังกรทั้งตัวสะท้อนแสงแวววาวจับตา
ประกายแสงโชติช่วงชัชวาล ประดุจเทพมังกรทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า
ฉากนี้นับว่าสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนในลานพิธีและคนทั้งเมืองเทพ
“คารวะท่านเทพมังกร โปรดอวยพรให้ราชวงศ์เทพขนนกของพวกเราเจริญรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ด้วยเถิด”
หลังจากขุนนางพิธีการเอ่ยออกไป ผู้คนในวังหลวง เหล่าเชื้อพระวงศ์ และขุนนางจากนอกเมืองต่างก็พากันคุกเข่าลง ใบหน้าของทุกคนอธิษฐานอย่างจริงใจ!
เทพมังกรประทานโชคแหวกว่ายบนท้องฟ้าเหนือเมืองเทพ และโปรยโชคลาภไปทั่วทุกที่ที่บินไป
“เทพเจ้ามังกร โปรดอวยพร”
“เทพเจ้ามังกร โปรดอวยพร”
“เทพเจ้ามังกร โปรดอวยพร”
“…”
…
ผู้คนทั่วทั้งเมืองเทพก็คุกเข่าอธิษฐานเช่นกัน!
พรึ่บ!
ไม่นานหลังจากนั้น เทพมังกรประทานโชคบินรอบเมืองเทพแล้วก็มุ่งกลับไปยังทิศทางของสุสาน
แต่ในตอนนี้เอง คนของราชวงศ์ทั้งสาม ผานอู่ เทพเร้นลับทั้งแปด และเทพหมื่นอสูรที่เงียบมาตลอดพลันเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
“ฮ่า ๆๆ”
“เทพมังกรประทานโชค ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว พวกเราได้รับคำสั่งจากผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามว่าให้มาส่งเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”