หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 690 การเลือกและพ่อลูก (1)

ตอนที่ 690 การเลือกและพ่อลูก (1)

ทหารองครักษ์หันไปทำความเคารพหนานกงมั่ว เอ่ย “รายงานจวิ้นจู่ ถึงเวลาแล้วขอรับ”

หนานกงมั่วยิ้ม “ได้ เจ้าทำหน้าที่เถิด ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว” เอ่ยจบ หมุนตัวเตรียมเดินออกไป ด้านนอกประตูมีทหารองครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “รายงานจวิ้นจู่ แม่ทัพจ้าวมาขอพบขอรับ”

คุณชายจ้าวยินดีขึ้นมาทันใด ลืมความเจ็บปวดบนร่างกาย มองหนานกงมั่วอย่างอวดดี เอ่ย “ท่านพ่อข้ามาแล้ว ท่านพ่อข้ามาแล้ว”

หนานกงมั่วมองเขา ถอนหายใจอย่างน่าเสียดาย เอ่ย “ช่างเถิด ไว้หน้าแม่ทัพจ้าวสักหน่อย การเฆี่ยนรอบนี้ก็ติดไว้ก่อนแล้วกัน ไปเชิญแม่ทัพจ้าวเข้ามา”

“ขอรับ จวิ้นจู่”

ทหารองครักษ์หมุนตัวออกไป หนานกงมั่วมองใบหน้าของเขาด้วยความเวทนา “เจ้าคิดว่า…บิดาของเจ้ามาช่วยเจ้าจริงๆ หรือ”

“เจ้าจะเอ่ยอันใด” คุณชายจ้าวมองนางอย่างระแวดระวัง หนานกงมั่วเอ่ย “เจ้าลองทายดูสิ ในใจของบิดาเจ้า เจ้ากับคุณชายสี่ใครมีน้ำหนักในใจบิดาเจ้ามากกว่ากัน” ไม่รอคุณชายจ้าวตอบ หนานกงมั่วโบกมือให้คนพาเขาออกไป

ในห้องโถง หนานกงมั่วยังไม่ทันเดินเข้าประตูก็มองเห็นแม่ทัพจ้าวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ใบหน้าที่เมื่อก่อนเคยมีแต่ความหยิ่งยโสและเหยียดหยันยามนี้เต็มไปด้วยความร้อนรนและเป็นกังวล

“ซิงเฉิงจวิ้นจู่”

หนานกงมั่วยิ้มบาง “แม่ทัพจ้าว มาแต่เช้า ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใด”

แม่ทัพจ้าวชะงักไปชั่วครู่ แม้เขาจะเป็นแม่ทัพที่หยาบคายบ้าง ทว่าพอรู้ว่ามาหาเวลานี้นับว่าเสียมารยาท ทว่าเพื่อบุตรชายเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เพียงเอ่ย “ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญอยากเข้าพบจวิ้นจู่ ขอจวิ้นจู่อภัยด้วย”

ท่าทางนอบน้อมเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นเซี่ยลี่ก็คงไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้สินะ รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงมั่วดูอ่อนโยนมากขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพจ้าวมาเพราะเรื่องของบุตรชายท่านหรือ” แม่ทัพจ้าวรีบพยักหน้า “เพราะบุตรชายขอรับ”

หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “บุตรชายของท่านเสียมารยาทต่อจวิ้นจู่เช่นข้า ตามหลักแล้วจวิ้นจู่เช่นข้าไม่อาจปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ มิเช่นนั้นต่อให้จวิ้นจู่เช่นข้าไม่เอาความ ท่านพี่และเสด็จแม่ก็คงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เพียงแต่…เมื่อวานจวิ้นจู่เช่นข้าได้อบรมสั่งสอนเขาไปรอบหนึ่งแล้ว ในเมื่อแม่ทัพจ้าวมาช่วยเขาด้วยตนเอง จวิ้นจู่เช่นข้าก็จะไว้หน้าท่านแม่ทัพ เด็กๆ ไปพาคุณชายจ้าวมา”

“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่”

แม่ทัพจ้าวชะงักเนิ่นนานกว่าจะได้สติ จึงเข้าใจว่าบุตรชายของท่านที่หนานกงมั่วเอ่ยกับที่เขาเอ่ยนั้นไม่ใช่คนเดียวกัน เขาหมายถึงเจ้าสี่ ทว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่หมายถึงเจ้าสาม แม่ทัพจ้าวจึงรีบเอ่ย “จวิ้นจู่ ข้าน้อย…”

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ท่านแม่ทัพไม่ต้องขอบคุณ เพียงแต่เมื่อพาบุตรชายของท่านกลับไปแล้วท่านคงต้องสั่งสอนให้ดี เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่…ทำผิดอีก เกรงว่าท่านแม่ทัพคงจะยุ่ง ท่านพี่เองก็ไม่อยู่ในจวน จวิ้นจู่เช่นข้าคงไม่ยื้อท่านแม่ทัพไว้สนทนาแล้ว” เอ่ยจบกำลังจะส่งแขก แม่ทัพจ้าวไม่ได้สนใจอันใดนัก รีบเอ่ย “จวิ้นจู่ ข้าน้อยมิได้มาเพราะเรื่องนี้ ขอจวิ้นจู่ฟังข้าสักหน่อย” เอ่ยตามตรง ตลอดทั้งคืน แม่ทัพจ้าวนั้นลืมไปแล้วว่ายังมีบุตรชายอีกคนที่ตกมาอยู่ในมือหนานกงมั่ว

เขาเอ่ยยังไม่ทันจบ พลันเห็นคุณชายสามถูกหลิ่วหันพาตัวเข้ามา คุณชายสามใบหน้าซีดขาวและตกอยู่ในภวังค์ เห็นชัดว่าได้ยินคำพูดของแม่ทัพจ้าวทั้งหมดแล้ว

หนานกงมั่วไม่สบายใจ “แม่ทัพจ้าวมิได้มาเพราะบุตรชายของท่านหรือ”

“เอ่อ…” แม่ทัพจ้าวลังเลอยู่ชั่วครู่ หนานกงมั่วราวกลับไม่พอใจ โบกปัดมือ เอ่ย “จวิ้นจู่เช่นข้ามีธุระ หากท่านแม่ทัพมาเพราะบุตรชายของท่าน จวิ้นจู่เช่นข้าไว้หน้าท่านพาคนของท่านกลับไปเถิด หากไม่ใช่ ข้าคงมิได้ไปส่งท่าน จวิ้นจู่เช่นข้าเป็นสตรี คงไม่สะดวกรับแขกที่ไม่คุ้นเคย ท่านว่าใช่หรือไม่”

แม้แม่ทัพจ้าวจะเป็นขุนพล แต่ไม่ได้มีตระกูลสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง สามารถปีนป่ายมาได้ถึงตำแหน่งนี้แน่นอนว่าไม่ได้ไร้สมอง ความหมายในคำพูดของหนานกงมั่วมีหรือเขาจะไม่เข้าใจ พวกเขามีความสัมพันธ์อันใดกัน กระทั่งเรื่องก่อนหน้านี้ยังเรียกได้ว่าเป็นปฏิปักษ์กัน ปล่อยคุณชายสามกลับไปนับว่าไว้หน้ามากแล้ว เรื่องอื่นอย่าได้เอ่ยเลย

นึกถึงบุตรชายที่นอนรอหมออยู่ที่จวน แม่ทัพจ้าวทำได้เพียงกดความโกรธเอาไว้ ยกมือขึ้นประสาน เอ่ยว่า “เมื่อวานบุตรชายที่จวนได้รับบาดเจ็บที่ขา ได้ยินมาว่าจวิ้นจู่มีวิชาการแพทย์เยี่ยมยอด ขอจวิ้นจู่ได้โปรดช่วยเขาด้วยขอรับ”

หนานกงมั่วหลุบตาลง บรรยากาศในห้องโถงพลันเย็นยะเยือก เนิ่นนานก่อนจะได้ยินหนานกงมั่วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เกรงว่าท่านแม่ทัพคงได้ยินมาผิดแล้ว ข้าร่ำเรียนมาเพียงผิวเผินเท่านั้น ท่านดูสำนักแพทย์ที่ข้าก่อตั้งมาเมื่อวานก็เกือบถูกคนทุบเสียแล้ว เห็นได้ว่ามิได้มีความรู้อันใดนัก ไหนเลยจะกล้ารักษาให้ใครได้”

แม่ทัพจ้าวร่ำร้องอยู่ในใจ หากมิใช่เพราะอับจนหนทางเขาก็ไม่มีทางมาขอร้องหนานกงมั่ว หมอที่เชิญมาจากโยวโจวเมื่อวานตรวจดูแผลที่ขาของบุตรชายแล้วได้แต่ส่ายศีรษะ ทว่ามีหมอท่านหนึ่งที่มาจากทางใต้เอ่ยถึงวิชาการแพทย์อันยอดเยี่ยมของซิงเฉิงจวิ้นจู่ เคยช่วยเหลือคนในกองทัพของหนานกงไหวเอาไว้ไม่น้อย ยิ่งเคยช่วยเหลือองค์รัชทายาทที่เกือบจะสิ้นพระชนม์อยู่หลายครั้ง บางทีหากนางลงมือรักษาอาจมีความหวังขึ้นมาบ้าง แม่ทัพจ้าวครุ่นคิดอย่างยากลำบากอยู่เนิ่นนาน ไร้หนทางอื่นจึงจำต้องบากหน้ามาขอความช่วยเหลือ

เพียงแต่…เมื่อวานบุตรชายของตนเพิ่งไปหาเรื่องสำนักแพทย์นางมา

มองบุตรชายคนที่สามที่ยืนเหม่อลอยอยู่ด้านข้าง จากนั้นนึกถึงบุตรชายคนที่สี่ที่นอนอยู่บนเตียงที่บ้าน แม่ทัพจ้าวมีสีหน้าสับสนลังเล

“ท่านพ่อ…” คุณชายจ้าวสามมองบิดาของตนด้วยท่าทีกระวนกระวาย แม้พยายามแสดงสีหน้าราวกับไม่สะทกสะท้านก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัวและขอร้องอ้อนวอนออกมา เห็นเช่นนั้น ในใจของแม่ทัพจ้าวก็ยิ่งกลัดกลุ้มใจ บุตรชายผู้นี้ตั้งแต่เด็กก็เอาดีไม่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊ หากขาของเจ้าสี่พิการไปแล้วจริงๆ…เช่นนั้นตระกูลจ้าวของเขาจะยังมีความหวังอันใด บุตรชายเชื้อสายหลักที่อยู่จินหลิงแม้จะดีกว่าเขาเล็กน้อย แต่ก็แข็งกระด้างเหมือนเขาผู้เป็นบิดา แต่ก็ไม่ได้ดีเด่นเท่าบุตรชายคนที่สี่ คิดมาถึงตรงนี้แม่ทัพจ้าวจึงตัดสินใจ ยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “เรื่องเมื่อวานเป็นการเข้าใจผิด ขอจวิ้นจู่ได้โปรดอภัย สำหรับบุตรชายคนนี้ของข้า เขาเสียมารยาทต่อจวิ้นจู่ ขอจวิ้นจู่ลงโทษได้ตามเห็นสมควรเถิด”

“ท่านพ่อ” คุณชายจ้าวสามเรียกเสียงดัง เห็นชัดว่าไม่อยากเชื่อว่าบิดาจะทำเช่นนี้กับตนเอง มองไม่เห็นคราบเลือดบนร่างกายของเขา ไม่รู้ว่าเขาได้รับการทรมานในจวนนี้มามากเพียงใดหรือ หากส่งเขาให้ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ด้วยความโหดเหี้ยมของสตรีผู้นี้เขาจะมีชีวิตรอดหรือ

แม่ทัพจ้าวขมวดคิ้ว “ลูกไม่รักดี เจ้าเสียมารยาทต่อซิงเฉิงจวิ้นจู่ยังไม่ขออภัยอีก”

เมื่อสบตากับบุตรชาย แม่ทัพจ้าวทำตัวไม่ถูก เขารู้ดีว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่ไม่มีทางฆ่าบุตรชายของเขา หากเพียงได้รับความทุกข์ทรมานแล้วสามารถแลกกับบุตรชายที่แข็งแรงกลับมาได้ แล้วอย่างไรเล่าการเป็นบุรุษได้รับความลำบากก็มิใช่เรื่องเลวร้ายอันใด

คุณชายจ้าวไหนเลยจะนึกถึงเรื่องเหล่านี้ได้ ยามนี้ทั้งตาทั้งใจของเขาคิดแต่เรื่องที่บิดาทอดทิ้งตนเองเพราะน้องสี่เพียงเท่านั้น

“ทำไมกัน ทำไม…ข้าก็เป็นบุตรชายของท่านนะ” คุณชายจ้าวตะโกนเสียงดังด้วยอารมณ์โกรธ หากมิใช่เพราะหลิ่วหันใช้มือข้างหนึ่งกดไหล่เขาเอาไว้ เกรงว่าคงอดไม่ได้วิ่งเข้าไปจับแม่ทัพจ้าวพร้อมตะโกนดังๆ

เดิมแม่ทัพจ้าวก็มิใช่คนละเอียดอ่อน ยามนี้รีบร้อนอยากให้หนานกงมั่วช่วยรักษาบุตรชายของตน ไหนเลยจะสนใจสิ่งใดมากมาย เอ่ยตำหนิออกมาด้วยความโกรธ “หากเจ้ามีอนาคตให้ได้ครึ่งของน้องสี่ของเจ้า ก็คงไม่เป็นแบบตอนนี้ ยังไม่หุบปากอีก ขอโทษซิงเฉิงจวิ้นจู่เสีย”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท