ตอนที่ 909 เป็นมาอย่างไร
ขณะฮั่วเจ้ายวนมองอ๋องอวีที่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว เขาถึงกับรู้สึกว่าตนเองได้ก่อกรรมอันใหญ่หลวงแล้วจริงๆ
ฮั่วเจ้ายวนปรายตามองอ๋องอวีแวบหนึ่ง จากนั้นพลิกตัวตะแคงหนี
อ๋องอวีเดือดดาลอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าระบายความโกรธลงไปที่ตัวฮั่วเจ้ายวน อย่างไรเสียฮั่วเจ้ายวนก็เป็นผู้ที่มักทำอะไรเหนือความคาดหมายคนหนึ่ง เขากลัวว่าเสิ่นชิงลั่วจะเป็นอะไรไป
เขาจำเป็นต้องรอกระทั่งฟ้าสางแล้วค่อยส่งคนไปออกตามหาจึงจะได้เรื่อง
แน่นอนว่าเขาก็มีขีดจำกัดต่ำสุดเช่นกัน แม้ว่าเขาชื่นชอบเสิ่นชิงลั่ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยินยอมถูกคนจูงจมูกเพราะเสิ่นชิงลั่ว!
“ตกลง ข้าจะทำอย่างที่เจ้าต้องการ เพียงแต่เกรงว่าเจ้าจะรับผลที่ตามมาไม่ไหว!” อ๋องอวีทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำร้ายกาจ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมความโกรธเกรี้ยว
อ๋องอวีเป็นผู้รับผิดชอบกักขังปีศาจตนนี้ ย่อมรู้ว่ามันซ่อนอยู่หนใด
ในเวลาเดียวกันนี้ ซ่งอิงก็รู้สึกรู้สึกถึงตำแหน่งของไอปีศาจได้แล้วเช่นกัน เพียงแต่บริเวณดังกล่าวถูกดูแลแน่นหนา ดังนั้นนางจึงเข้าไปได้ยาก
วันถัดมา ยามที่ซ่งอิงกำลังเตรียมจะให้ปีศาจไปขุดรูเพื่อขโมยตัวปีศาจจิ้งจอกออกมา ไอปราณนั้นกลับมีการเคลื่อนไหว
ซ่งอิงจึงตามไปในทันที
หลังจากนางมองสำรวจซ้ายขวาอยู่พักหนึ่ง กลับเห็นปีศาจจิ้งจอกตัวนี้อยู่ตามลำพัง บริเวณโดยรอบไม่มีคนอื่นติดตามเลย
นี่เกิดอะไรขึ้น
ซ่งอิงไม่อาจมัวสนใจได้มากมายขนาดนั้นแล้ว นางลงมือตวัดตัวปีศาจเข้าไปในช่องว่างระหว่างมิติ หลังจากนั้นนางก็ไปจากบริเวณนี้ทันที
กระทั่งถึงหมู่บ้านสวนชานเมือง ซ่งอิงจึงได้ปล่อยตัวปีศาจจิ้งจอกตนนี้ออกมา เพียงแต่บนตัวของปีศาจจิ้งจอกถูกเชือกที่ทำจากพลังปีศาจของนางมัดเอาไว้ ปีศาจจิ้งจอกจึงขยับไม่ได้
นางอยู่ในรูปร่างคน
ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น นางมองออกว่าปีศาจตนนี้…ผ่านการเปื้อนเลือดมาแล้ว อีกทั้ง กลิ่นคาวลมหายใจที่คลุ้งไปด้วยโลหิตก็ไม่ถือว่าจางเสียด้วย
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร” ปีศาจจิ้งจอกหวาดกลัวทันทีที่เห็นซ่งอิง
เมื่อก่อนยามที่มองเห็นพวกนักบวชเต๋า นางอยากจะวิ่งหนี แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป ความเกรงกลัวนั้นเกิดขึ้นจากในใจ ทว่าร่างกายกลับหมอบคลานลงไปโดยไม่รู้ตัว
“หน้าตางดงามไม่น้อยนี่” ซ่งอิงมองดูใบหน้านี้ยามเอ่ยปาก
อย่างน้อยก็งดงามกว่าปีศาจจิ้งจอกสามหางของบ้านนางตัวนั้น มีน้ำมีนวลทั้งบนและล่าง ดูอรชรอ้อนแอ้น หน้าตามีเสน่ห์เป็นพิเศษ จัดว่าเป็นของดีในโลกมนุษย์จริงๆ
ดังนั้นกล่าวว่านางเตรียมไปหลอกล่อฮ่องเต้ให้หลงใหล ก็เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
“ไว้…ไว้ชีวิตด้วย…” ปีศาจจิ้งจอกกล่าวทันที
ซ่งอิงสีหน้าเรียบเฉย คลี่ยิ้มแล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “เจ้าความสามารถใช่ย่อยนี่ ทั้งฆ่าคนได้ ทั้งกล้าร่วมวางแผนการร้ายกับองค์ชาย นี่ถัดไปมิใช่ว่าคิดจะทำลายบ้านเมืองขึ้นมาจริงๆ กระมัง”
เป็นปีศาจแล้วยังคิดเข้าไปพัวพันกับแผนการร้ายของมนุษย์ รนหาที่ตายหรือ
“ปีศาจน้อย ปีศาจน้อยรู้สำนึกผิดแล้ว…” ปีศาจจิ้งจอกคุกเข่าอยู่บนพื้น
“อ๋องอวีรับปากจะให้อะไรแก่เจ้า เจ้าจึงได้ไปใส่ร้ายฮั่วเจ้ายวน” ซ่งอิงเอ่ยถาม
ปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นนิ่งอึ้งไป ต่อจากนั้นก็กล่าวด้วยความกลัว “อ๋องอวี อ๋องอวีเดิมทีอยากให้ข้าไปอยู่ข้างกายฮ่องเต้…เพียงแต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เปลี่ยนความคิด จับกุมตัวข้าเอาไว้…หากปีศาจน้อยไม่ทำตามที่เขาบอก ก็จะให้นักบวชมสมณศักดิ์สูงทำร้ายปีศาจน้อยจนจิตวิญญาณแหลกสลายไป…”
“นักบวชสมศักดิ์สูงผู้นั้นเป็นมาอย่างไร” ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้าถาม
“ก็แค่นักบวชเดินธุดงค์ทั่วไป แต่มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ เจ้าค่ะ ปีศาจน้อยเคยดำรงชีวิตอยู่ในหมู่บ้านชนบทใกล้เชิงเขาลูกหนึ่ง ซึ่งจะ…ดูดซับวิญญาณบุรุษเป็นอาหารบ้างบางครั้ง ต่อมาเขารับเงินว่าจ้างมาจับปีศาจ จึงเอาตัวข้าไป ต่อจากนั้นปีศาจน้อยก็ติดตามเขามาโดยตลอด และช่วยจัดการธุระบางอย่างแทนเขา” ปีศาจจิ้งจอกกล่าวอีกครั้ง
ซ่งอิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “จัดการธุระแทนเขาหรือ เขาเป็นแค่นักบวชคนหนึ่ง มีเรื่องอันใดต้องให้เจ้าทำหรือ”
“เขา เขาตระเวนธุดงค์ไปทั่วสารทิศ เพื่อจับวิญญาณภูตผีปีศาจให้ผู้คนเป็นการเฉพาะ บางครั้งก็จำเป็นต้องมีคนช่วยสร้างเรื่องทำเป็นเร้นลับซับซ้อน ซึ่งในเวลาเช่นนี้ก็จะมีปีศาจน้อยออกโรงเจ้าค่ะ…”
ตอนที่ 910 ธรณีประตูสูงเกินไป
ปีศาจจิ้งจอกไม่กล้าปิดบังเช่นกัน จึงบอกกล่าวโดยละเอียด
ซ่งอิงตั้งใจฟัง จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนักบวชสมณศักดิ์สูงที่ว่านี้ก็ไม่ได้มีความสามารถอันใด เพียงแค่อาศัยเหตุบังเอิญเท่านั้น อาจารย์หญิงที่เป็นภรรยาของเขาเคยเป็นนักธรรมในราชสำนักก่อน
ในตอนนั้นวังหลังมีพระชายาปีศาจผู้หนึ่ง และเกิดการเปลี่ยนแปลงผิดไปจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ มิหนำซ้ำยังปรากฏคนมีวิชาลงมาปราบปรามปีศาจอีกด้วย
อาจารย์หญิงภรรยาของนักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้โชคดี ได้รับการชี้แนะ จึงเรียนรู้ทักษะในการแยกแยะปีศาจและวิญญาณผีอย่างแท้จริงอยู่บ้าง
จริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาเคยทำเรื่องดีๆ ไว้บ้างเช่นกัน เพียงแต่เมื่อเปลี่ยนมาถึงรุ่นเขา หลังจากนักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้ได้เรียนรู้ความสามารถนี้แล้ว ก็คิดที่จะกลายเป็นเซียนเหาะเหินได้
บรรพบุรุษมอบบัวบูชาให้หนึ่งกอส่งต่อกันมา โดยกล่าวว่าหากบัวบูชานั้นออกเมล็ดบัว ก็จะได้ขึ้นสวรรค์
นักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้จึงเอาไว้ข้างกายมาโดยตลอด และคอยสั่งสมคุณงามความดีจากทั่วสารทิศ
ครึ่งชีวิตก่อนเขาลำบากตรากตรำทำเรื่องดีไว้ไม่น้อยจริงๆ แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างเมล็ดถั่วเขียวเหล่านั้นนับว่าน้อยนิดจนน่าเวทนาเมื่อเทียบกับจำนวนบุญบารมีที่จะถือว่าเป็นผลสำเร็จ เขาสั่งสมมาครึ่งชีวิต บัวบูชาเพียงแค่ผลิดอกเขียวๆ มาหนึ่งดอกเท่านั้น เมื่อเห็นว่าดินกลบมาถึงครึ่งเอว ใกล้วันลงหลุมเต็มทนแล้ว นักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้จึงร้อนรนใจ
เขาบังเอิญเจอปีศาจจิ้งจอก หลังจากจับปีศาจตนนี้ได้ก็ใช้ปีศาจจิ้งจอกตามหาเรื่องแปลกประหลาดทั่วหล้า นอกจากนี้ยังคิดว่าด้วยวิธีการอย่างแสร้งทำเรื่องเร้นลับซับซ้อนถึงขั้นทำให้เรื่องราวแย่ไปกว่าเดิมหน่อยแล้วเขาค่อยลงมือ เช่นนี้อาจจะได้รับบุญบารมีมากหน่อย
แน่นอนว่านักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้พยายามใช้ทุกวิถีทาง
ทว่าวิธีการประเภทนี้ไม่ได้ผลด้วยซ้ำ หลังจากใช้ไปครั้งหนึ่ง บัวบูชาไม่เพียงแต่ไม่ออกดอกแล้ว แต่ยังกลายเป็นสีดำแล้วด้วย
นักบวชสมณศักดิ์สูงถึงกับรู้สึกพังทะลาย
ทั้งชีวิตขอเพียงแค่เพื่อกลายเป็นเซียน ทำดีมาครึ่งชีวิต ท้ายที่สุดเพียงแค่กระทำเรื่องนั้นเรื่องเดียว บัวบูชาก็เปลี่ยนลักษณะไปแล้ว เช่นนั้นเขาจะทำใจยอมรับได้อย่างไร
เขารู้เช่นกันว่าตนเองอยากจะกลายเป็นเซียนเกรงว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว จึงเปลี่ยนเป็นถือทิฐิและทำตัวอย่างพวกสติวิปลาสขึ้นมาบ้าง
เขาอยากมีชีวิตยาวนานขึ้นหน่อย
จึงไปเรียนรู้เกี่ยวกับพวกเล่นแร่แปรธาตุ ใช้ปีศาจจิ้งจอกไปในป่าแล้วเด็ดเอาโสมและสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้ ถึงขั้นยังให้ปีศาจจิ้งจอกไปจับเด็กและสาวน้อยมาให้ เพราะเขาอยู่ในรูปลักษณ์นักบวชสมณศักดิ์สูง จึงไม่เคยมีใครเกิดความสงสัยมาก่อน
เมื่อกินยามากๆ เข้า กลับกลายเป็นว่าทำให้เขาคิดค้นบางสิ่งบางอย่างที่มีประโยชน์ต่อร่างกายขึ้นมา
ดังนั้นเขาจึงหันไปเข้าหาองค์ชายใหญ่อย่างประจบสอพลอ หวังจะได้รับความสนใจจากองค์ชายแล้วได้รับการชักนำตนเข้าสู่วังหลวง และคิดจะทำยาอายุวัฒนะถวายฮ่องเต้
ในวังหลวงมีของล้ำค่ามากมาย ฮ่องเต้ต้องยอมสละวัตถุดิบให้เขาเพื่อที่ตนเองจะได้ยาอายุวัฒนะเป็นแน่ ถึงตอนนั้นแน่นอนว่าเขาก็จะได้ตักตวงผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเพื่อพิสูจน์ระดับความน่าเชื่อถือของตนเอง นักบวชสมณศักดิ์สูงจึงให้ปีศาจจิ้งจอกตนนี้ออกมาปรากฏกายให้องค์ชายใหญ่ดู
ครั้นองค์ชายใหญ่เห็นก็เกิดประกายความคิดจะใช้งานปีศาจจิ้งจอก จึงลอบเลี้ยงดูนักบวชสมณศักดิ์สูงผู้นี้และปีศาจจิ้งจอกเอาไว้ ทั้งยังให้คนชี้แนะสั่งสอนกฎระเบียบในวังหลวงให้ปีศาจจิ้งจอก…
ในขณะนี้ปีศาจจิ้งจอกนำเรื่องราวบอกกล่าวอย่างหมดเปลือก หลังจากพูดจบก็กลัวจนเปลี่ยนกลับไปร่างเดิม
นางไม่รู้เช่นกันว่าทำไมตนเองจึงกลัวเช่นนี้ ทั้งที่คนตรงหน้าดูเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง แต่ก็เข่าอ่อนจนทรุดลงและเอาแต่ก้มหน้าก้มตาโดยไม่รู้ตัว
ยามที่ซ่งอิงรับฟังคำพูดของปีศาจจิ้งจอก ก็ก่นด่าเทพเซียนไปสองสามประโยคอีกครั้ง
ปีศาจพระชายาในราชวงศ์ก่อน คาดว่าก็คือลั่วเจินที่กลับชาติมาเกิดกระมัง
เทพเซียนกำจัดปีศาจก็กำจัดปีศาจไปสิ ไม่นึกว่ายังมอบโอกาสให้มนุษย์ธรรมดาๆ อีกด้วย
มนุษย์ผู้นี้ได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ มีหรือจะไม่เกิดความคิดเพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ ในใจ มนุษย์มีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ทว่าเทพเซียนตนนี้ยกธรณีประตูเอาไว้สูง[1]เทียบเท่าฟ้า!
เมื่อนานมาแล้วนางก็เคยได้ยินว่าหากมนุษย์อยากกลายเป็นเซียน อย่างน้อยก็ต้องสิบภพชาติ หรืออาจถึงขั้นต้องสั่งสมบุญกุศลบารมีไปหลายสิบภพชาติ
ไม่เพียงต้องสั่งสมบุญบารมี แต่ทุกครั้งหลังจากกลับชาติมาเกิดล้วนต้องเป็นคนดี เกิดเปลี่ยนไปคิดร้ายขึ้นมา ทั้งหมดที่ทำไว้ก่อนหน้าก็จะเป็นอันสูญสิ้น
ไม่ต่างกับก่อความวุ่นวายเล่นเห็นๆ คนธรรมดาหลังจากกลับชาติมาเกิด ไม่ใช่เทพเซียนและปีศาจสักหน่อย พวกเขาจึงจำเรื่องราวในภพชาติก่อนไม่ได้สักนิด อยากจะรักษาความดีไปตลอดนั้นคือเรื่องตลกเห็นๆ
[1] ธรณีประตูสูง (门槛高) หมายถึงการตั้งเป้าหมายความต้องการที่สูงอย่างยิ่ง