บทที่ 162 ก่อนหน้านี้ได้รับความทุกข์ทรมานมาแล้ว พวกเขาจะไม่ทนทุกข์อีก!
แค่ทำลายสถานที่แล้วอย่างไร… ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้!
สิ่งมีชีวิตทั้งสองถูกส่งมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วยกันในสภาพน่าสมเพช
สิ่งมีชีวิตหัวเป็นเสือดาวตัวเป็นคน ครึ่งร่างถูกฉีกกระชากจนเลือดสีดำไหลนองทั่วไปพื้น
ส่วนสิ่งมีชีวิตหัวเป็นคนตัวเป็นงูเหลือแขนเพียงข้างเดียวจากทั้งหมดแปดแขน ซ้ำยังไม่รู้ว่าลำตัวงูถูกกระแทกตอนไหน!
พวกมันทุกระทมยิ่ง นอกเมืองปุถุชนธรรมดา เหตุใดจึงมีต้นหลิวกับก้อนหินน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อาศัยอยู่กัน?
พวกเขาเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว!
“สุนัขสังสารวัฏไม่ใช่ว่าถูกพวกมันสังหารจนสิ้นหรอกนะ!” ร่างมนุษย์หัวเสือดาวกล่าว
พวกเขารู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้บรรลุสังสารวัฏ และตำแหน่งนั้นก็อยู่ในเมืองปุถุชนแห่งนี้
ต้นหลิวกับก้อนหินก็พิทักษ์อยู่นอกเมือง…
จะมีความบังเอิญเช่นนี้อยู่ได้อย่างไรกัน?
พวกเขารู้สึกว่าต้นหลิวกับก้อนหินกำลังปกป้องผู้บรรลุสังสารวัฏอยู่นอกเมือง!
“เป็นไปได้!” ร่างงูหัวมนุษย์กล่าว
ต้นหลิวกับก้อนหินทรงพลังเกินไป เดิมทีเข้าใจว่ามีเพียงอาณาจักรเก้าตอนบนที่เป็นผู้แข็งแกร่ง ทว่าตอนนี้ในแดนตอนล่างกลับมีผู้แข็งแกร่งปรากฏออกมา เรื่องนี้…ดูอย่างไรก็น่าแปลก
โดยเฉพาะในแดนตอนล่างที่มีสภาพแวดล้อมย่ำแย่ กล่าวตามตรงกำลังรบทรงพลังเช่นพวกต้นหลิวกับก้อนหินนั้นไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นมาได้
เส้นทางสังสารวัฏไม่เคยผิดพลาด แต่ตอนนี้กลับเกิดขึ้นได้ ซ้ำยังเกิดขึ้นในแดนตอนล่าง…
เรื่องนี้ดูไม่ธรรมดาเสียแล้ว!
“พวกเราอย่าบุ่มบ่ามอีก รอร่างกายฟื้นฟูเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยไปค้นหาความจริงเกี่ยวกับต้นหลิวและก้อนหินอีกครั้ง!”
“อีกทั้งยังต้องตรวจสอบสถานการณ์ของเมืองปุถุชนให้ดี!”
ทั้งสองหาพื้นที่ซ่อนตัวและโคจรพลังเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บ
ไม่กี่วันต่อมา
พวกเขารักษาบาดแผลจนหายดีแล้ว จึงกลับคืนสู่สภาพเดิม
ต้นหลิวและก้อนหินช่างโหดร้ายยิ่งนัก!
ทั้งฉีกกระชากทุบตีพวกเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จำต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะฟื้นคืนดังเดิม!
“ตรงนั้นมีสำนักผู้ฝึกตนอยู่ ไปกันเถอะ พวกเราไปดูที่นั่นกัน!”
“ไม่มีเขตแดนของผู้แข็งแกร่ง! ไปกันเถอะ!”
ขอบเขตของพวกเขาอยู่ระดับสูงจึงสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของสำนักผู้ฝึกตน ดังนั้นพวกเขาเลยตัดสินใจจะไปดูสำนักผู้ฝึกตนนั้น
เมืองปุถุชนอยู่ใกล้กับสำนักผู้ฝึกตนแห่งนี้มาก พวกเขาคิดว่าสำนักผู้ฝึกตนแห่งนี้น่าจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับต้นหลิวกับก้อนหินในเมืองปุถุชน
พวกเขาอยากใช้สำนักผู้ฝึกตนแห่งนี้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับต้นหลิวและก้อนหินรวมถึงสถานการณ์ในเมืองปุถุชน
ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงสำนักผู้ฝึกตน
สำนักผู้ฝึกตนแห่งนี้ไม่ใช่สำนักที่ไหน แต่เป็นสำนักไท่หัวบนภูเขาไท่หัว!
พวกเขาไม่ได้ซ่อนความผันผวนลมปราณของพวกเขา ยังลอยตัวอยู่ในอากาศอย่างกำเริบเสิบสานเหนือสำนักไท่หัว และสายตาก็ทอดมองสำนักไท่หัวที่อยู่เบื้องล่าง
บัดซบ! พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการกระทำของต้นหลิวกับก้อนหิน ซ้ำในใจยังต้องข่มกลั้นความโมโหเอาไว้
“เรียกผู้อาวุโสของพวกเจ้าออกมาคุย!” ร่างมนุษย์หัวเสือดาวตะโกนอย่างเย็นชา
พวกเขาหยิ่งผยองนักไม่สำรวมเลยแม้แต่น้อย เพราะการได้รับความทุกข์ทรมานจากต้นหลิวและก้อนหิน ทำให้ทั้งสองไม่ต้องการได้รับความทุกข์จากสำนักผู้ฝึกตนเล็ก ๆ แห่งนี้อีก!
ยอมไม่ได้จริง ๆ!
ในแดนตอนล่างซึ่งเล็กจ้อยเช่นนี้ ไหนเลยจะมีกองกำลังรบแข็งแกร่งมากมายปานนั้น?
คิดไปถึงอะไรกัน!
สามารถปรากฏต้นหลิวกับก้อนหินได้ก็นับว่าประหลาดใจมากพอแล้ว!
อีกอย่างในสำนักผู้ฝึกตนแห่งนี้ พวกเขาไม่รู้สึกว่ามีผู้แข็งแกร่งขอบเขตสูงส่งอยู่ในที่แห่งนี้!
ที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่ผู้แข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตพรตเต๋า!
สิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หัวเสือดาวและร่างงูหัวมนุษย์นั้นเผยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ศิษย์ในสำนักไท่หัวทั้งหมดต่างตกใจจนเกิดความโกลาหล!
“ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านทั้งสองจึงมาที่นี่?”
เวิงอู๋โยวเหาะเหินออกไปทันที ก่อนจะถามสิ่งมีชีวิตทั้งสองอย่างเคร่งขรึม
เขาดื่มชาเซียนแห่งการรู้แจ้งจนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาได้มากมาย ทั้งยังเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าสูงขึ้นมากนัก
พูดได้ว่าขอบเขตก้าวหน้าขึ้นไปมาก!
ตอนนี้ขอบเขตของเขาบรรลุถึงขอบเขตเอกาแล้ว!
หากมีผู้ฝึกตนในแดนบูรพาทิศรู้เข้า พวกเขาต้องตะลึงอ้าปากค้างเป็นแน่!
จำต้องรู้ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เวิงอู๋โยวใกล้จะสิ้นอายุขัยอยู่เพียงขอบเขตนิพพานเท่านั้น ทว่าตอนนี้เวิงอู๋โยวบำเพ็ญจนถึงขอบเขตเอกาแล้ว!
เช่นนี้จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร!?
ย่อมทำให้ผู้คนตกใจมากอยู่แล้ว!
ขอบเขตเอกาไม่กล่าวถึงแดนบูรพาทิศ นับเพียงในภาคกลางก็ถือได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย พลังรบเป็นรองเพียงประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น!
ผลประโยชน์ของการจิบชาเซียนแห่งการรู้แจ้งทำให้เวิงอู๋โยวฝึกตนได้อย่างราบรื่น และไม่เกิดปัญหาขึ้นแม้แต่น้อย!
ทว่าแม้เวิงอู๋โยวจะอยู่ในขอบเขตเอกาแล้ว แต่ตัวเขาต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสองนี้ ช่องว่างพลังกลับแตกต่างกันมาก!
ลมปราณของสิ่งมีชีวิตทั้งสองตรงหน้าทำให้เวิงอู๋โยวรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง จนเขาต้องใช้พลังทั้งหมดในร่างกายต้านพลังอีกฝ่ายเอาไว้จึงสามารถยืนพูดคุยได้
หากต้องปะทะฝีมือกันจริง ๆ สิ่งมีชีวิตทั้งสองสามารถสังหารเขาได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงนิ้วเดียว!
พวกเขามาจากที่ใดกัน? เหตุใดจึงดูแปลกประหลาดปานนี้?
สำนักไท่หัวของพวกเขาไปยั่วยุสิ่งมีชีวิตทั้งสองตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ใจของเวิงอู๋โยวแทบจะร่วงลงตาตุ่ม สิ่งมีชีวิตทั้งสองมองแวบแรกดูเหมือนไม่ได้มาดี มาถึงสำนักไท่หัวของพวกเขาเป็นไปได้ว่าจะไม่ใช่เรื่องดี
“ขอถามเจ้า เมื่อเร็ว ๆ นี้ในเมืองปุถุชนรวมถึงต้นหลิวกับก้อนหินริมแม่น้ำนอกเมืองมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง? แล้วเจ้ามีข่าวแบบละเอียดหรือไม่?”
ร่างมนุษย์หัวเสือดาวเป็นคนถาม
อันใดกัน!
มาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองชิงซานหรอกหรือ!
เวิงอู๋โยวตกตะลึง เขาคาดไม่ถึงว่าสิ่งมีชีวิตทั้งสองจะถามถึงเมืองชิงซาน!
“ไม่มีข่าวใด เป็นเพียงเมืองปุถุชนธรรมดาเท่านั้น” เวิงอู๋โยวตอบกลับ
ท่านเซียนอาศัยอยู่ในเมืองชิงซาน เขาจะกล้าพูดเรื่องไร้สาระได้อย่างไร?
ต่อให้ใจกล้าเต็มร้อยเขาก็ไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอยู่ดี!
“จริงเหรือ?”
ร่างมนุษย์หัวเสือดาวเอ่ยเสียงเย้ยหยันพล่างกล่าว “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังโกหกข้าเล่า?”
“ต้นหลิวกับก้อนหินข้างแม่น้ำนอกเมืองนั้นทรงพลังมาก ซ้ำยังอยู่ใกล้สำนักของพวกเจ้า เจ้าจะไม่รู้สักนิดเลยหรือ?”
ร่างงูหัวมนุษย์เองก็เย้ยหยันเช่นกัน จิตสังหารรุนแรงแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา นอกจากนี้พวกเขาไม่เชื่อว่าเวิงอู๋โยวจะไม่รู้อะไรเลย!
ต้นหลิวกับก้อนหินข้างแม่น้ำนอกเมือง?
เวิงอู๋โยวจำได้ว่าตนไม่เคยเห็นต้นหลิวกับหินก้อนนั้นมาก่อน แต่เขาเคยได้ยินมาจากเซี่ยเหยียน
เด็กสาวเคยไปตกปลาที่แม่น้ำกับท่านเซียน จึงรู้ว่าต้นหลิวกับก้อนหินหาใช่ต้นหลิวกับก้อนหินธรรมดา
พวกเขาเป็นจิตวิญญาณที่รับใช้ท่านเซียนอย่างเงียบ ๆ
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริง ๆ…” เวิงอู๋โยวดันทุรังตอบกลับ
ต้นหลิวกับก้อนหินเกี่ยวข้องกับท่านเซียน เขาจึงไม่กล้าเปิดเผยรายละเอียดของต้นหลิวกับก้อนหิน
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
“เช่นนั้น สำนักของเจ้าแห่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรักษามันเอาไว้แล้ว!”
สิ่งมีชีวิตทั้งสองเอ่ยอย่างเย็นชา ลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักไท่หัว
ในใจของทั้งสองอัดอั้นดุจภูเขาไฟปะทุ
ตอนนี้เวิงอู๋โยวยังกล้าโกหกต่อหน้าพวกเขา ไม่ยอมบอกข้อมูลที่พวกเขาต้องการ นี่ยิ่งทำให้ทั้งสองโมโหมากกว่าเดิม!
พวกเขาต้องการระบายอารมณ์อยู่แล้ว เช่นนั้นก็ใช้เลือดของสำนักไท่หัวบรรเทาความโกรธเกรี้ยวนี้ก่อนเลยแล้วกัน!
“ท่านทั้งสองข้าไม่รู้จริง ๆ!”
สีหน้าเวิงอู๋โยวเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบกล่าวทันที
“ไม่ว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ แต่วันนี้สำนักของพวกเจ้าจักต้องถูกกวาดล้าง!”
“ใช่!”
สิ่งมีชีวิตทั้งสองเผยแววตาดุร้ายออกมาจิตสังหารของพวกมันราวกับอยากกวาดล้างโลกและกวาดล้างที่แห่งนี้