ตอนที่ 106 หลินไท่ซูออกโรง ขอบเขตครึ่งก้าวเทพยุทธ์
ผู้ปกครองผานอู่
ผู้ปกครองเทพเร้นลับทั้งแปด
ผู้ปกครองเทพหมื่นอสูร
ผู้ปกครองของทั้งสามราชวงศ์ปรากฏกายกลางอากาศธาตุ ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาทั่วสรรพางค์กาย
แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายพร่างพราว และเพียงทั้งสามยืนอยู่ตรงนั้นก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเป็นอมตะ!
สีหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนไปทันทีที่ได้เห็นเงาร่างของสามผู้ปกครอง
โดยเฉพาะฝ่ายปราญช์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนก ภายใต้ความน่าหวั่นเกรงของทั้งสามคน ร่างกายของพวกเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา
“ผู้ปกครองทั้งสาม”
เมื่อเห็นดังนั้น หนิงฝานพลันขมวดคิ้วแน่น ทว่าดวงตากลับไม่ได้แสดงความกลัวใด ๆ ออกมา
ส่วนผู้นำปราญช์ยุทธ์ของทั้งสามราชวงศ์ใหญ่อย่างหยางเทียน กู่หวง และชิงซือ กลับตื่นตระหนกยิ่ง พวกเขาคุกเข่าลงต่อหน้าร่างเงาผู้ปกครองทั้งสามอย่างรวดเร็ว
“เชิญเสด็จผู้ปกครอง”
ร่างเงาของผู้ปกครองทั้งสามพยักหน้า ก่อนที่สายตาของผู้ปกครองทั้งสามจะเพ่งมองไปที่หนิงฝานซึ่งอยู่ในร่างผู้พิทักษ์สุสาน
“หึ ๆ น่าสนุกดีนี่ แฝงร่างของอีกคนมา แล้วยังสามารถแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาได้”
ผู้ปกครองทั้งสามคนสามารถเห็นสถานะที่แท้จริงของหนิงฝานได้ในเพียงมองปราดเดียว
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบอะไร เขาเพียงสบตากับอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง
ทว่าหลังจากสบตากันเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างเงาของผู้ปกครองทั้งสามกลับส่ายหน้าทันที
“เจ้าไม่เลวเลยจริง ๆ แต่ยังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อสู้ของพวกข้านัก ให้หลินไท่ซูมาแทนเสียเถอะ”
หลังจากร่างเงาของผู้ปกครองทั้งสามเอ่ยพูด คนทั้งสามก็ส่งพลังไปยังอาวุธเทพจนบังเกิดแรงสั่นสะเทือน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ในตอนนั้นเอง ง้าวเทพผานอู่ กระจกเทพแปดเร้นลับ เจดีย์เทพหมื่นอสูร ทันใดนั้น แสงศักดิ์ทั้งสามดวงก็ระเบิดออก
แต่ลำแสงทั้งสามและพลังที่ปราญช์ยุทธ์ของทั้งสามราชวงศ์ใหญ่ปล่อยออกมาเมื่อครู่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มวลพลังที่พุ่งพล่านทำให้มิติทั่วทั้งปฐพีพังทลายลงมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างพากันขวัญผวา
ลำแสงศักดิ์สิทธิทั้งสามสายหากพุ่งจู่โจมมาทางพวกเขา พวกเขาต้องตายตกอย่างไม่เหลือชิ้นดีสักคนแน่
เพียงแต่ลำแสงทั้งสามสายกลับไม่ได้จู่โจมไปทางผู้คนในลานแต่อย่างใด กลับกันลำแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นเพียงสว่างวาบแล้วหายไปในความว่างเปล่า
และในเวลาเดียวกัน
ณ ตำหนักมังกรแท้จริงแห่งพระราชวังเทพขนนก สถานที่เก็บตัวของจักรพรรดิหลินไท่ซู
ลำแสงทั้งสามสายมาปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งนี้
ในตำหนักมังกรแท้จริง หลินไท่ซูปิดด่านฝึกตนมาหลายสิบปี เหนือหัวของเขาคือกระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่ถูกผนึกไว้มันเปี่ยมไปด้วยพลังที่ทรงพลานุภาพ เป็นอาวุธเทพประจำราชวงศ์เทพขนนกซึ่งมีนามว่า ‘กระบี่เทพขนนก’
หลายปีมานี้ หลินไท่ซูอาศัยพลังของกระบี่เทพขนนกเพื่อรักษาร่างกายและวิญญาณให้เป็นอมตะ เพราะเขาต้องการที่จะทะลวงขอบเขตเทพยุทธ์์ในตำนาน!
ทว่าขอบเขตแห่งเทพนั้นยากดั่งเส้นทางขึ้นสู่สวรรค์
หลายปีมานี้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงโอกาสในขอบเขตเทพ แต่ก็ไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพในตำนานได้
“หือ ผู้ปกครองของสามราชวงศ์ใหญ่!”
เมื่อเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ของสามราชวงศ์ใหญ่ที่มาอย่างกะทันหัน หลินไท่ซูที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานหลายสิบปีพลันลืมตาขึ้นทันที
อึดใจนั้น เขาก็ใช้กระบี่เทพขนนกฟาดฟันเข้าใส่
ตู้ม!
ลำแสงทั้งสามสายระเบิดออก และตำหนักมังกรแท้จริงก็พังทลายลงในพริบตา
ควันและฝุ่นธลุีลอยคละคลุ้ง หลินไท่ซูถูกบังคับให้ออกมาและร่างเลือนรางก็ปรากฏขึ้นเหนือลานจตุรัสพิธี
“คำนับองค์จักรพรรดิ”
ในตอนนี้เอง เมื่อเห็นหลินไท่ซูปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นปราชญ์ยุทธ์ผู้แข็งแกร่งหรือคนของราชวงศ์เทพขนนก ล้วนพากันคุกเข่าลงทั้งหมด
รอให้หลินไท่ซูพยักหน้า ขันทีเว่ยก็รุดหน้าขึ้นมารายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ของราชวงศ์เทพขนนก
เมื่อฟังจบ หลินไท่ซูไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงกวาดสายตามองผู้คนในลาน
องค์ชายทั้งห้า
หนิงฝาน หลัวชิงเซียน
บรรดาขุนนางทั้งหลาย
จักรพรรดิทั้งเจ็ดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
บรรพชนทั้งสิบของราชาทั้งสิบ
ผู้นำจากร้อยอาณาจักร
และสุดท้าย สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่าง ‘ผู้พิทักษ์สุสาน’
สำหรับการปรากฏตัวของจวินซ่าง หลินไท่ซูรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
เพียงแต่ในเวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาซักถามให้ละเอียด
เขาเพียงพยักหน้าให้ ‘ผู้พิทักษ์สุสาน’ หลังจากนั้นจึงมองไปทางร่างเงาของผู้ปกครองของทั้งสามราชวงศ์ใหญ่
“หึ ๆ หลินไท่ซู เก็บตัวมาหลายสิบปี ไม่ทราบว่าทะลวงขอบเขตเทพยุทธ์ได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นหลินไท่ซูถูกบังคับให้ออกมา ผู้ปกครองของทั้งสามราชวงศ์ใหญ่ต่างพากันเย้ยหยันทันที
“หากพวกเจ้ามาช้ากว่านี้สักหน่อย โชคชะตาราชวงศ์เทพขนนกของข้าคงจะสามารถอยู่ไปได้อีกหมื่นปี” หลินไท่ซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“ฮ่า ๆ เจ้าคิดว่าพวกข้าจะให้โอกาสนั้นแก่เจ้างั้นหรือ?” ผู้ปกครองของสามราชวงศ์ใหญ่พากันหัวเราะเสียงเย้นหยัน
“ย่อมไม่มีทางอยู่แล้ว”
หลินไท่ซูส่ายหน้า จากนั้นเขาก็ยกกระบี่เทพขนนกในมือขึ้นมา ชี้ปลายคมของศัสตราไปทางร่างเงาผู้ปกครองของสามราชวงศ์ใหญ่ “เพียงแต่หากพวกเจ้าทั้งสามคนคิดอยากจะให้รางวงศ์ขนนกล่มสลาย ก็ต้องข้ามศพของข้าไปให้ได้ก่อน!”
“หึ ให้ได้ตามที่เจ้าปรารถนา!”
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง!”
“หลังจากเจ้าตายแล้ว พวกเราสามราชวงศ์ใหญ่จะส่งราชวงศ์เทพขนนกไปพบเจ้า!”
สิ้นเสียง ร่างเงาของผู้ปกครองทั้งสามราชวงศ์ใหญ่ก็ลงมือทันที
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
อาณาบริเวณพลันสะเทือนเลือนลั่น อาวุธเทพของทั้งสามระเบิดพลังออกมา และพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้เทียมทานของทั้งสามก็คำรามออกมาจากนั้น!
“มาสู้กัน!”
เมื่อเห็นดังนั้น หลินไท่ซูไม่เพียงแต่ไม่เกรงกลัว ทว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย แล้วองค์จักรพรรดิก็พุ่งเข้าหาร่างเงาของผู้ปกครองทั้งสาม
ปัง!
เพียงกระบี่เทพขนนกถูกตวัดออกก็เกิดเสียงคำรนจากฟ้า ก่อนที่ปราณกระบี่สามสายจะพุ่งออกมาและสับฟันเข้าใส่ร่างเงาผู้ปกครองทั้งสามราชวงศ์!
ทว่าฝ่ายตรงข้ามเพียงหัวเราะเย้ยเหยัน แล้วพวกเขาก็กระตุ้นอาวุธเทพปราบศักดาทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
อาวุธเทพปราบศักดาทั้งสามระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาสามสาย แล้วทำลายปราณกระบี่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
หลังจากนั้น ร่างเงาของผู้ปกครองของทั้งสามราชวงศ์ใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่หลินไท่ซูพร้อมกับอาวุธเทพปราบศักดา
ตู้ม!
ภายใต้สายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา พลังไร้เทียมทานที่เกิดจากผู้ปกครองของสี่ราชวงศ์ใหญ่ปะทะกันกลางเวหา ยามนี้ด้วยเสียงคำรามสะเทือนฟ้า และพลังที่พวกเขาระเบิดออกมา มิติทั้งหลายในปฐพีราวกับจะพังทลายลงมาให้ได้!
ปัง! ปัง! ปัง!
อาวุธเทพทั้งสี่ปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้ง และทุกการโจมตีมักจะระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายแวววาวออกมา
ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์นั้น หลินไท่ซูยังคงต่อสู้กับผู้ปกครองของสามราชวงศ์ใหญ่เพียงลำพัง คนทั้งสี่สัประยุทธ์กันอย่างดุเดือด ทว่าการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้ทำให้การปะทะของอาวุธเทพนั้นอ่อนกำลังลงเลย แต่พลังไร้ที่สิ้นสุดนี้ยังทำให้มิติทั้งหมดเดือดพล่านราวกับมหานทีคลั่ง!
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
ในเวลานี้เอง ระหว่างการปะทะกันของอาวุธเทพทำให้เกิดนิมิตที่ไร้ขีดจำกัด แสงสีทองเรืองรองออกมา นทีและเปลวเพลิงลอยเวียนวน ลมพายุกระโชกแรง ทั้งมิติราวกับตกอยู่ในวันโลกาวินาศ
ทันทีทันใด
ในความว่างเปล่าไม่ว่าจะเป็นปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนก หรือปราชญ์ยุทธ์ของสามราชวงศ์ใหญ่ ล้วนสีหน้าเปลี่ยนไปกันหมด พวกเขาค่อย ๆ ถอยห่างออกไปจากความว่างเปล่าทีละก้าว ไม่กล้าเข้าใกล้สมรภูมิตรงหน้าเพราะกลัวจะมีภัยมาถึงตัว
ขณะเดียวกันก็มีเพียงหนิงฝานที่ควบคุมร่างของผู้พิทักษ์สุสานอยู่ที่ไม่ได้ล่าถอยไปไหน
ยามนี้นัยน์ตาของหนิงฝานมีแววตาประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาเชื่อมาเสมอว่า ผู้ปกครองอย่างหลินไท่ซูอย่างมากก็เป็นได้แค่ปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเก้า
ทว่ามาตอนนี้แล้ว เขากลับค้นพบว่าตัวเขานั้นคิดผิดไป
แม้ว่าหลินไท่ซูกับผู้ปกครองทั้งสามที่เผชิญหน้ากันอยู่จะยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์จริง ๆ แต่ในฐานะหนึ่งในผู้ปกครองราชวงศ์ใหญ่ ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นห่างไกลจากผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา ๆ มาก
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธเทพปราบศักดา โชคชะตาราชวงศ์ หรืออื่น ๆ ที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดมีความแข็งแกร่งเกินกว่าขอบเขตปราชญ์ยุทธ์!
ด้วยพลังเช่นนี้ สามารถบดขยี้ผู้แข็งแกร่งปราชญ์ยุทธ์สวรรค์ขั้นเก้าได้อย่างง่ายดาย!
ขอบเขตเช่นนี้ สมควรถูกเรียกว่า ขอบเขตครึ่งก้าวเทพยุทธ์!