ตอนที่ 915 ถอนตัวออก
อันที่จริงคำพูดดังกล่าวของซ่งอิงทำให้ไคเต๋อฮ่องเต้โกรธมาก แต่ตอนนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ตรงหน้า เขาจึงเอ่ยพูดว่า ‘ไม่’ ออกไปได้
“พอจะให้ข้าคิดดูก่อนได้หรือไม่” หลังจากไคเต๋อฮ่องเต้ครุ่นคิด ก็กล่าวตรงไปตรงมาอีกครั้ง “ข้าเป็นฮ่องเต้ มีหน้าที่ปกป้องราษฎรใต้หล้านี้ ในเมื่อเจ้าบอกว่าตนเองเป็นจักรพรรดิปีศาจ ทั้งยังคิดจะผูกมิตรกับเผ่าพันธุ์ของข้า เช่นนั้นข้าจะรู้ถึงความจริงใจของเจ้าได้อย่างไร หากข้าปล่อยฮั่วเจ้ายวนออกมา จากนั้นเขาหันหน้าไปร่วมมือกับพวกต่างเผ่าพันธุ์เช่นเจ้าแล้วบุกเข้าวังมาสังหารกัน ถึงตอนนั้นข้าจะทำอย่างไร”
“อีกอย่าง ถึงแม้ไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด แต่อย่างไรก็ยังมีความสามารถในการโบยบินสู่ท้องฟ้า หากต่อไปมาทำให้เผ่าพันธุ์ของข้าต้องถูกล้อมเพื่อกักขัง เช่นนั้นไม่เท่ากับเป็นหายนะหรอกหรือ” ฮ่องเต้เอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา
กล่าวได้อีกนัยว่า การเจรจาเพื่อสันติภาพ จำเป็นต้องทำให้เขามองเห็นถึงความจริงใจ
ซ่งอิงเกาหัวอย่างลำบากใจเล็กน้อย “จริงๆ แล้วด้วยความสามารถของฮั่วเจ้ายวน การจะหนีออกจากคุกไม่ใช่เรื่องยากเลย”
“…” ฮ่องเต้กระตุกมุมปาก
“แต่ในเมื่อท่านกล่าวอย่างนี้ เพื่อทำให้ท่านสบายใจ ข้าก็ยินดีบอกความจริงให้” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วกล่าวต่อ “ข้าอยู่ในรัชสมัยต้าติ้งนี้โดยยังมีกิจการร้านค้ามากมาย ถึงขนาดว่ามีญาติพี่น้องและมิตรสหายด้วยเช่นกัน หากข้าคิดจะล้อมเพื่อกักขังพวกท่าน ตอนนี้ก็มีแต่จะลอบดำเนินการกันอย่างลับๆ แทนที่จะมาหาท่านอย่างเปิดเผยเช่นนี้”
“นอกจากนี้ หากฝ่าบาทยินดีปล่อยฮั่วเจ้ายวน และนับแต่นี้ไปไม่ว่าบนโลกนี้ปรากฏบุคคลแบบใดมายุยงเสี้ยมสอน ท่านล้วนไม่ทำตัวเป็นเป็นศัตรูกับข้าสองคน เช่นนั้นข้าก็จะให้ฮั่วเจ้ายวนสละตำแหน่งอ๋อง ไปอยู่อย่างสันโดษกับข้าในเมืองยง หากไม่ถูกเรียกตัวก็จะไม่ออกมา
นอกจากนี้ ข้าจะรับปากกับท่านอีกว่าตราบใดที่ข้าเป็นจักรพรรดิปีศาจ ข้าจะไม่ยอมให้ปีศาจทำร้ายผู้บริสุทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้ายังจะมอบสิ่งที่ถือเป็นหลักฐานยืนยันไว้ให้กับท่าน หากภายภาคหน้าต้าติ้งมีปัญหาอันใด ก็ใช้ของชิ้นนี้ขอหนึ่งคำขอที่สมเหตุสมผลเพื่อเผ่าพันธุ์ของท่านได้”
ซ่งอิงครุ่นคิด ตนเสนอเงื่อนไขนี้ น่าจะถือเป็นข้อเสนอที่ดึงดูดใจทีเดียว
“แต่…ข้าไม่เข้าใจ ในเมื่อเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ แล้วไยต้องยอมอ่อนข้อให้กันถึงเพียงนี้” ฮ่องเต้กล่าวอย่างสงสัย
“ท่านกับฮั่วเจ้ายวนเป็นราชาและขุนนางกันมาหลายปี จะไม่รู้นิสัยใจคอของเขาได้อย่างไร เขามีความอาฆาตแค้นจากการที่ญาติพี่น้องถูกสังหาร แต่ตนเองกลับเป็นฝ่ายยอมกลืนความแค้นนี้ลงคอไป แทนที่จะยอมให้ความอาฆาตแค้นนี้ทำร้ายปวงประชาผู้บริสุทธิ์ ฉะนั้นข้าจะทำตามความปรารถนาของเขามิได้หรือ”
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเพราะฮั่วเจ้ายวนเป็นคนที่ไม่ชอบใช้อำนาจอิทธิพล ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะนางเองก็ต้องการสภาพแวดล้อมที่สงบสุขเพื่อพยายามฟื้นฟูโลกปีศาจให้ได้โดยเร็วที่สุดเช่นกัน
กระดานชาตะชีวิตของฮั่วเจ้ายวนมีความเกี่ยวโยงกับราชวงศ์นี้ค่อนข้างลึกซึ้ง การให้เขาออกห่างจากราชวงศ์ก็จะมีผลดีอยู่บ้าง
แม้ว่ากระดานชะตาชีวิตเกิดพลิกผัน แต่สิ่งที่จะเสียหายมีเพียงตัวฮั่วเจ้ายวนเท่านั้น ไม่กระทบกับการเปลี่ยนเป็นเซียนของเขาในอนาคต แต่การที่จู่ๆ ต้องมาแบกรับความผิดและเผชิญปัญหาไม่หยุดหย่อน เป็นเรื่องที่ชวนรำคาญอย่างยิ่ง
ความปรารถนาของนางในอดีตคือดำรงชีวิตอยู่อย่างใช้จ่ายเงินได้ไม่รู้หมด เมื่อตายไปก็ได้กลายเป็นเซียน
ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง นางแค่อยากใช้ชีวิตในพื้นที่เล็กๆ อย่างสุจริต ทำไร่ทำสวน เลี้ยงปีศาจ และขายของ
ชีวิตของมนุษย์มีจำกัด นางเองก็ไม่อยากเอาแต่บำเพ็ญเพียรเพื่อยืดอายุ แล้วรอกระทั่งชีวิตมนุษย์ของนางถึงจุดสิ้นสุดแล้วค่อยไปเสพสุขในโลกปีศาจ
แผนของนางถูกวางไว้อย่างดี ไม่อยากให้ต้องมาเปลี่ยนเพียงเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้
“เผ่าปีศาจของพวกเจ้า…จะถอยจากดินแดนมนุษย์ของข้าจริงหรือ” นี่คือสิ่งที่ฮ่องเต้กังวลที่สุด
“ท่านโปรดวางใจ อีกไม่กี่วันข้าจะตรวจสอบปีศาจในโลกนี้แล้วให้พวกเขากลับไปยังเผ่าปีศาจ ดังนั้นช่วงก่อนหน้าที่ว่านี้ ฝ่าบาท ท่านต้องช่วยข้า ไม่อย่างนั้น…” ซ่งอิงหรี่ตา “เหล่าเซียนบนสวรรค์อาจมีความคิดปราบปรามปีศาจ แต่ปีศาจเหล่านี้ เขาจะกำจัดได้หมดหรือ”
“ข้าเป็นจักรพรรดิปีศาจซึ่งพวกเขากำจัดไม่ได้ ต่อให้ทำได้ ปีศาจที่รับใช้ข้าจำนวนเป็นพันเป็นหมื่น พวกเขากำจัดได้ไม่หมด ถึงตอนนั้น ศัตรูตัวฉกาจของเผ่าเทพก็คือข้า เมื่อถูกกำจัดไปแล้ว พวกเขาไม่มีภัยคุกคาม เช่นนั้นแล้วยังจะสนใจความเป็นความตายของพวกท่านอีกหรือ”
“ปัญหาที่พวกปีศาจตัวเล็กๆ ก่อขึ้นเป็นครั้งคราวไม่สำคัญเลยสำหรับพวกเขา ถึงตอนนั้นผู้ที่จะปวดหัวก็คือราชวงศ์ฮ่องเต้และประชาชน”
ตอนที่ 916 สิ่งที่ถือเป็นหลักฐานยืนยัน
ตัวซ่งอิงเองยอมรับเช่นกันว่าบางครั้งพวกปีศาจตัวเล็กๆ ปกติแล้วจะแตกแถว ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครมาชี้แนะ ก็จะเดินไปในทางผิดง่ายมาก กอปรกับพวกมนุษย์เหยียดหยามปีศาจ จึงมีความเป็นไปได้ที่บรรดาปีศาจจะดุร้ายเร็วขึ้น
ดังนั้นหากปล่อยปีศาจไว้ไม่มีใครดูแล และกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เช่นนั้นต้องมีพวกมนุษย์จำนวนมากที่เผชิญความทุกข์ทรมานเป็นแน่
ซ่งอิงนำสิ่งที่สลับซับซ้อนในเรื่องราวนี้อธิบายกับฮ่องเต้ให้ชัดเจนอย่างตรงไปตรงมา
เรื่องอย่างการทำให้เทพเซียนจากโบราณกาลเหล่านั้นอับอาย ซ่งอิงเต็มใจกระทำเช่นกัน ถึงขนาดนำเอาทุกเรื่องที่ตนรู้และเรื่องราวในอดีตบอกกล่าวออกมาหมด
ฮ่องเต้ฟังจนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อยเช่นกัน
เผ่าพันธุ์ปีศาจ…จักรพรรดิปีศาจที่อยู่ตรงหน้านี้ เพื่อปกป้องความสงบของเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงจะขับไล่เผ่าพันธุ์ปีศาจร้ายลงสู่หุบเหวลึกอย่างนั้นหรือ ส่วนเทพเซียน เพื่อปกครองมนุษย์จึงได้คอยขัดแข้งขัดขาอยู่ข้างหลัง ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจตกต่ำไปไม่รู้นานเท่าใด
ไม่ เรื่องนี้ล้มล้างสิ่งที่เขารับรู้อยู่เล็กน้อย
ดังนั้นเขาจึงฟังเรื่องพวกนี้เป็นเหมือนเรื่องล้อเล่นเท่านั้น
ซ่งอิงพูดคุยกับฮ่องเต้ตลอดช่วงเช้า
ทั้งฮองเฮาและคนอื่นๆ ในวังเป็นกังวลเล็กน้อย ถึงขนาดสงสัยว่าฮ่องเต้ให้ภรรยาขุนนางที่มาจากภายนอกอยู่ต่อ มิใช่ว่ามีความนึกคิดบางอย่างในใจกระมัง
ช่วงเวลาเที่ยง ซ่งอิงถูกส่งตัวไปที่ตำหนักด้านข้างเพื่อรับประทานอาหาร ด้านฮ่องเต้ปวดหัวอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ตัดสินใจได้ยากจริงๆ
จะเชื่อหรือไม่เชื่อ นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่ยากมาก
แน่นอนว่าตอนนี้เลือกเชื่อ เกรงว่าจะดีกว่าหน่อย มิฉะนั้นหากแตกหักกับพวกปีศาจกันไปข้างจริงๆ เกรงว่าจะไม่มีอะไรดี
ฮ่องเต้ถอนหายใจ ปล่อยให้ซ่งอิงพักผ่อนกินดื่มอยู่ในวังชั่วคราว ส่วนตนให้คนตามตัวเจ้าอาวาสและนักบวชสมณศักดิ์สูงที่อยู่ในวัดราชวงศ์มาเข้าเฝ้าทันที
เขานำวันเกิดของฮั่วเจ้ายวนและซ่งอิงให้พวกเขาคำนวณอย่างละเอียด
“ท่านอ๋องฮั่วมีบารมีมาก น่าจะมีเทพคุ้มครองพะย่ะค่ะ…”
“เพียงแต่คนแซ่ซ่งผู้นี้…ขออภัยที่กระหม่อมมีตาหามีแววไม่ จึงมองออกได้เพียงชะตาชีวิตที่ยากลำบากและต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากนี้พะย่ะค่ะ รู้สึกเพียงว่า…ชีวิตนี้ดูจะถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา ยากจะมองให้เห็นกระจ่างแจ้งได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ถอนหายใจ “นักบวชสมณศักดิ์สูงอย่างพวกท่าน เคยสังเกตเห็นปรากฎการณ์ดวงดาวในปัจจุบันแปลกๆ ไปหรือไม่”
“ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงพะย่ะค่ะ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มองไม่ออกแล้ว ทว่าเมื่อไม่นานมานี้อาตมาและคนอื่นๆ เห็นว่าท้องฟ้ามีดาวปีศาจเพิ่มขึ้นมาสองสามดวง เพียงแต่เห็นว่าดาวปีศาจนั้นอยู่ไกลจากดาวจักรพรรดิและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน จึงไม่ได้รายงานเรื่องนี้พะย่ะค่ะ” นักบวชกล่าว
ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเล่าเรื่องของซ่งอิงให้พวกเขาฟัง
นักบวชหลายรูปสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ดูตกใจไม่น้อย
“ฝ่าบาท ถึงแม้พวกเราพึ่งพาเหล่าเทพได้ แต่ต่อให้เทพออกโรง ก็เกรงว่าจะช่วยได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น หากเกิดเหตุเหนือความคาดหมาย ซึ่งก็คือหายนะของโลก ความหมายของอาตมาคือ…เดินไปตามแนวทางดาวปีศาจ และรักษาระยะห่างไว้จะดีกว่าพะย่ะค่ะ” นักบวชสมณศักดิ์สูงกล่าวอีกครั้ง
หลักสำคัญคือหน้าตาและชะตาชีวิตของฮั่วเจ้ายวนผู้นี้ ล้วนไม่ใช่คนทรยศและชั่วร้ายประเภทนั้น การคลุกคลีกับปีศาจจึงยังถือว่าเชื่อใจได้บ้าง
มีคำกล่าวของนักบวชสมณศักดิ์สูง ฮ่องเต้ก็วางใจขึ้นมาเล็กน้อยในใจ
วันต่อมา เขาพบเจอซ่งอิงอีกครั้ง แล้วแสดงออกว่าเห็นดีเห็นงามกับความคิดของนาง
ซ่งอิงเม้มปากยิ้ม นำเอาไข่มุกสีม่วงเม็ดใหญ่ที่สุดออกมา บนนั้นมีพลังปีศาจสีทองเกาะอยู่ จากนั้นยื่นไปให้
“นี่เป็นสิ่งที่ถือเป็นหลักฐานยืนยัน ภายภาคหน้าหากเกิดภัยพิบัติอันใด ให้ทุบมันเสียก็เป็นอันใช้ได้” ซ่งอิงกล่าว
เมื่อถึงตอนนั้น พลังของนางน่าจะไม่อ่อนแอเช่นตอนนี้แล้ว
เมื่อฮ่องเต้เห็นไข่มุกสีม่วงเม็ดใหญ่เพียงนี้ ก็ตระหนกตกใจยิ่ง
หลังจากครุ่นคิด เขาตัดสินใจว่าจะให้คนหลอมมงกุฎฮ่องเต้ขึ้นมาใหม่ จากนั้นนำสิ่งนี้ฝังลงไปด้วย ซึ่งก็เพื่อเลี่ยงการที่เอามันไปเก็บไว้ในห้องเก็บของและเมื่อถึงเวลาต้องใช้กลับยากแก่การหามันเจอ