โชคดีที่สถานที่จัดงานแถลงข่าวอยู่ไม่ไกลจากบ้านมาก และเขาก็มาถึงภายในสามสิบนาที ต่อให้ไม่ถามว่างานแถลงข่าวจัดขึ้นที่อาคารไหนก็สามารถรู้ได้ทันที หน้าอาคารฉายภาพยนตร์เนืองแน่นไปด้วยแฟนๆ ที่ถือของขวัญรอ
ชเวอินซอบฝ่าฝูงชนเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“นอกจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว ห้ามคนอื่นเข้านะครับ”
เจ้าหน้าที่ของงานแถลงข่าวที่สวมสูทสีดำตรงหน้าประตูขวางอินซอบไว้
“ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอนครับ”
เจ้าหน้าที่ของงานแถลงข่าวได้ยินคำพูดของอินซอบก็หัวเราะเยาะ
“จริงๆ นะครับ”
“จะจริงหรือไม่ ก็ช่วยไปในตอนที่ผมยังพูดดีๆ ด้วยเถอะครับ”
เจ้าหน้าที่ของงานแถลงข่าวโบกมือเหมือนกับรำคาญ
“จริงๆ นะครับ มีรูปที่ถ่ายด้วยกันอยู่นะครับ…”
อินซอบค้นคลังรูปภาพในโทรศัพท์มือถือ และเขาก็ต้องตกใจจนรีบปิดหน้าจอไป รูปภาพที่อีอูยอนจับคางของอินซอบไว้ และจูบแก้มของเขาโดยที่เขาไม่เต็มใจโผล่ขึ้นมา …ถ่ายรูปแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“รูปเหรอ? ฮ่าๆๆ ที่นี่มีคนแบบคุณอยู่กองหนึ่งได้มั้ง ผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นบอกว่าเป็นป้าของอีอูยอน ส่วนตรงโน้นก็บอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของอีอูยอน”
พวกผู้หญิงที่อยู่ในทิศทางที่เจ้าหน้าที่ของงานแถลงข่าวชี้ไปหันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่ได้โกหกนะครับ”
“ถ้านายเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอน ฉันก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของอีอูยอนแล้วล่ะ”
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะฟังคำพูดของอินซอบที่ดูเหมือนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเสียมากกว่า หันไปมองรอบๆ ก็ไม่เจอคนรู้จักเลยสักคน ชเวอินซอบเดินไปนั่งไหล่ตกอยู่ตรงมุมอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่สามารถโทรศัพท์หาอีอูยอนที่กำลังอยู่ในระหว่างงานแถลงข่าวได้พักใหญ่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ส่งข้อความไปหาด้วยความคิดที่ว่าเขาจะต้องบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้ว
“เฮ้อ”
อินซอบถอนหายใจ
ตอนนั้นเองเขาถึงได้รู้ว่าตัวเองใส่ถุงเท้าที่ไม่เข้าคู่กันออกมา เขาออกมาโดยที่ไม่ได้เช็ดผมให้แห้ง และมันก็ชี้โด่ชี้เด่อย่างไม่เรียบร้อย อินซอบลองลูบผมไปด้านหลัง แต่ผ่านไปได้ไม่นานเท่าไร มันก็ชี้ออกมาเหมือนเดิม จะว่าไปแล้วเสื้อคลุมตัวนอกของเขาก็ยับยู่ยี่อย่างน่าประหลาดเหมือนกัน พอดูสภาพของเสื้อผ้าแล้ว ดูเหมือนเขาจะใส่เสื้อผ้าที่แขวนเตรียมจะส่งให้ร้านซักรีดออกมา
“ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้เนี่ย…”
ความผิดพลาดต่างๆ ที่เขาไม่เคยทำมาก่อนเกิดขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะต้องคลายความประหม่าลง อินซอบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าพลางคิดว่าตนต้องตั้งสติ
“เอ๋”
อินซอบชักมือออกจากกระเป๋า เพราะสัมผัสที่ติดอยู่ที่ปลายนิ้ว
กระดาษอะไร ใบเสร็จเหรอ แต่เราเอาใบเสร็จยื่นให้บริษัททั้งหมดนี่นา
อินซอบลองกางกระดาษที่พับไว้อย่างเรียบร้อยออกดูอย่างไม่ค่อยสนใจ จากนั้นตาของเขาก็เบิกโพลง เป็นกระดาษที่ไนม่ายื่นให้นั่นเอง เราลืมสิ่งนี้ไปซะสนิทเลย …คงไม่มีสติจริงๆ สินะ
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ”
อินซอบตัวแข็งค้างกับเสียงที่ได้ยินเหนือหัว อีอูยอนกำลังก้มมองอินซอบอยู่
“…มาได้ยังไง”
“ก็คุณผู้จัดการส่วนตัวไม่ยอมเข้ามานี่ครับ”
“กำลังแถลงข่าวอยู่นี่ครับ แล้วคุณออกมาได้ยังไง”
“ผมบอกพวกเขาแล้วก็ออกมาน่ะครับ พอดีกำลังดูวิดีโอกันอยู่ แต่จะต้องกลับเข้าไปแล้วล่ะครับ”
บางครั้งอีอูยอนก็แสดงความอ่อนโยนออกมาอย่างหน้าตาเฉยแบบนี้ด้วยวิธีของคนธรรมดาที่เขาเคยพูด และทุกครั้งที่เขาเป็นแบบนั้น อินซอบก็จะดีใจจนสติเลือนราง ความร้อนขึ้นมาบนหน้า อินซอบหลุบตาลง และพึมพำว่า ‘รีบเข้าไปเถอะครับ’
อีอูยอนยื่นมือมา ในระหว่างที่อินซอบลังเล อีอูยอนก็คว้ามือของอินซอบไว้ และดึงให้เขาลุกขึ้น ส่วนที่สัมผัสกับไออุ่นของอีอูยอนร้อนวูบ อินซอบแอบเช็ดฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อกับกางเกง
“อีอูยอนใช่ไหม”
“เยี่ยมไปเลย อีอูยอนนี่ ตัวจริงดีมากเลยอะ”
“พี่อูยอน! พี่ค้า!”
คนที่พยายามจะถ่ายรูปเริ่มมารวมตัวอยู่รอบๆ ทันที อินซอบรีบลุกขึ้นและขวางหน้าอีอูยอนไว้
“ขอโทษนะครับ รบกวนถ่ายรูปครั้งหน้านะครับ”
มันก็ดีที่อินซอบกั้นคนเอาไว้ได้อย่างชำนาญ แต่ผ่านไปได้ไม่นานเขาก็ถูกผลักออกไปด้วยแรงของคนหลายๆ คนที่ดันเข้ามา พออีอูยอนเห็นว่าอินซอบถูกผลักออกไปเหมือนกับกระดาษท่ามกลางคนจำนวนมาก ความหงุดหงิดของเขาก็พุ่งขึ้นมา เขาอยากจะบิดคอคนที่ผลักอินซอบทิ้ง
อีอูยอนดึงไหล่ของอินซอบเข้ามากอดไว้
“ผมขอเข้าไปก่อนนะครับ”
เขาตะโกนอย่างสุภาพ และเดินฝ่าฝูงชนไปข้างหน้า เจ้าหน้าที่ของงานแถลงข่าวที่ขวางอินซอบไว้เมื่อสักครู่นี้มองอินซอบที่ยืนอยู่ข้างๆ อีอูยอน และเปิดเชือกกั้นให้ด้วยสีหน้างงงวย เขากล่าวขอโทษอินซอบว่า ‘ขอโทษครับ’
“ไม่เป็นไรครับ”
อินซอบก้มหัวให้พลางตอบกลับไป
“ใครเหรอครับ คนที่ขอโทษคุณอินซอบน่ะ”
อีอูยอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ผมบอกว่าตัวเองเป็นผู้จัดการของคุณอูยอน และพยายามจะเข้าไปน่ะครับ แต่…”
ต่อให้ไม่ได้ยินคำพูดที่ตามหลังมาก็สามารถเดาได้อย่างง่ายดาย
ปากของอีอูยอนขมุบขมิบ
ใบหน้าที่อ่อนเยาว์กับชุดสูทที่ไม่พอดี และลักษณะหน้าตาที่ขี้กลัว ในสายตาของคนอื่น อินซอบคงจะเป็นเด็กนักเรียน ผมที่ชี้ออกไปด้านข้างอย่างรุนแรงเพราะนอนตื่นสายจนไม่สามารถเซทผมให้ดูดีได้ก็ทำให้ใบหน้าที่เด็กอยู่แล้วเด็กมากขึ้นไปอีกระดับ
“ดูเหมือนผมจะไม่เหมือนผู้จัดการส่วนตัวนะครับ”
อินซอบยิ้มอย่างขลาดกลัว ดวงตากลมโตเหมือนสัตว์กินพืชที่สั่งให้ฝ่ายตรงข้ามปลดอาวุธโค้งและหยีลงเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่สวยมาก
“จะไปไหนเหรอครับ”
“ห้องน้ำครับ”
พออีอูยอนเดินนำหน้าไปอย่างเนิบๆ อินซอบก็เดินตามหลังอีกฝ่ายไปด้วย
“ที่มาสายวันนี้…”
เสียงประตูถูกล็อคดัง แกร๊ก ดังขึ้นก่อนที่อินซอบจะพูดจบ อีอูยอนลากอินซอบที่เบิกตาโพลงเข้าไปในห้องน้ำด้านในสุด
“ทำไมถึงล็อก…!”
อีอูยอมก้มตัวลงมาจูบ ไม่มีแม้แต่โอกาสที่อินซอบจะได้ผลักอีกฝ่ายออก ฝ่ายนั้นเปลี่ยนมุมและจูบเขาทุกครั้งที่พยายามจะพูดอะไร เรี่ยวแรงในตัวของเขาลดลงเรื่อยๆ ผ่านไปไม่นานอินซอยก็หายใจหอบขณะที่ถูกกอดไว้ในอ้อมกอดของอีอูยอน
“แฮ่ก”
ในระหว่างที่ริมฝีปากผละออกไปเล็กน้อย อินซอบก็พ่นลมหายใจที่ดูกระวนกระวายออกมา อีอูยอนยิ้มตาหยี
“หลับสบายไหมครับ”
เขาดูดริมฝีปากของอินซอบเบาๆ พลางพึมพำถาม
“…ขอโทษครับ เมื่อวานผมหลับไปตอนไหนเหรอครับ”
อินซอบเอ่ยถาม เขาไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาดีๆ ได้เพราะความเขินอาย
“ประมาณตีสองครับ”
และอีอูยอนก็ยังโทรศัพท์คุยโทรศัพท์ต่อหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง พออินซอบเงยหน้าขึ้นมาคล้ายจะสงสัย อีอูยอนจึงเอ่ยตอบ
“เพราะผมไม่รู้ว่าคุณหลับไปหรือยังก็เลยอ่านหนังสือให้ฟังต่อไปเรื่อยๆ น่ะครับ”
“ขอโทษนะครับ คุณคงเหนื่อยแย่เลย”
อินซอบทำสีหน้าเป็นห่วง อีอูยอนตอบกลับว่า ‘นั่นสินะครับ’ แม้จะมีเรื่องที่ทำให้กระวนกระวายใจอยู่บ้าง แต่อันที่จริงแล้วอีอูยอนไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้าทางร่างกายเลย ตอนแรกกรรมการผู้จัดการคิมจะยกย่องว่าความแข็งแรงของอีอูยอนเป็นของขวัญที่เทพเจ้ามอบให้ แต่ช่วงนี้เขากลับยอมรับมันอย่างเคร่งเครียด เขามักจะทำหนังสือที่เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาตกตรงหน้าอีอูยอน หรือไม่ก็เล่าเรื่องดาราที่รู้จักที่เข้าไปยุ่งกับสิ่งที่ไม่ดีและทำให้ชีวิตพัง อย่างไรก็ตามในขอบเขตสามัญสำนึกของเจ้าตัว ดูเหมือนจะเป็นการยากที่จะวางความแข็งแรงของอีอูยอนเอาไว้ในหมวดหมู่ของคนธรรมดา
“แล้วจะเสร็จกี่โมงเหรอครับ ให้ผมไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังให้ไหมครับ”
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมีแรงขนาดไหน เพราะเคยมีประสบการณ์บนเตียงจนถึงเช้ามาแล้วหลายครั้ง แต่อินซอบก็ยังทำหน้าตาเห็นใจจากใจจริงอยู่ดี
อีอูยอนกดจูบลงบนดวงตาของอินซอบ อินซอบค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ เดิมทีถ้าอีอูยอนทำแบบนี้ อินซอบจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเหมือนกับว่าเขินอาย แต่ช่วงนี้เจ้าตัวกลับกล้าสบตาแม้จะลังเลอยู่พอสมควรก็ตาม อีอูยอนกดจูบลงไปบนปากของอีกฝ่ายอีกครั้ง อินซอบอ้าปาก และตอบรับการเคลื่อนไหวนั้น
อีอูยอนเพิ่มแรงลงไปที่แขนที่โอบกอดอินซอบเอาไว้ และจูบอีกฝ่ายเหมือนกับจะกลืนกินริมฝีปาก ต่อให้ดูดอีกกี่ครั้ง เขาก็ยังชอบริมฝีปากเล็กๆ นี้อยู่ดี เขาชอบเหมือนจะเป็นบ้า ทั้งเสียงลมหายใจที่หอบเล็กน้อยเพราะหายใจไม่ทัน ทั้งเส้นผมที่ชื้นเหงื่อ ทั้งท่าทางที่ดีดดิ้นไปมา ทั้งหมดล้วนน่ารักจนเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
ในระหว่างที่ละริมฝีปากออกมาอย่างยากลำบาก อีอูยอนก็พึมพำเบาๆ
“ทำไม…ผมถึงชอบคุณขนาดนี้นะ”
ดวงตาของเขามีความต้องการที่ร้อนรุ่มอย่างเต็มที่ปนอยู่กับความรู้สึกสับสน และแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลนั้น อีอูยอนลูบไล้แผ่นหลังของอินซอบ ทำให้อินซอบตัวสั่นเล็กน้อย
“ถ้าวันไหนผมพูดอะไรไร้สาระกับคุณอย่างเช่น ‘ผมจะไล่คุณออก’ …”
อินซอบสูดลมหายใจ แค่คิดว่าวันนั้นจะมาถึงเลือดของเขาก็เย็นเฉียบ อีอูยอนลูบหลังของเขาเบาๆ ราวกับอ่านได้ถึงความกลัวของอินซอบพลางพูดต่อ
“ก็ช่วยตบหน้าผมพร้อมกับด่าด้วยนะครับ ว่า ‘ตั้งสติซะ เพราะคนที่รับคนอย่างนายได้ก็น่าจะมีแค่ฉันคนเดียว’”
“ครับ?”
อินซอบไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือไม่ เพราะเป็นคำขอที่รุนแรงเกินไปเล็กน้อย เขาจึงเบิกตาโตและถามซ้ำ ซึ่งสีหน้าแบบนั้นก็กระตุ้นช่วงล่างของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก อีอูยอนจูบริมฝีปากของอินซอบที่อ้าออกเล็กน้อยจนเกิดเสียงดัง จ๊วบจ๊าบ ก่อนจะร้องขอคำตอบราวกับออดอ้อนว่า ‘นะครับ?’
“ผะ ผมจะทำแบบนั้นครับ”
พอเห็นอินซอบพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เหมือนกับได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต อีอูยอนก็ฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ อีอูยอนกระซิบขณะที่ยังกอดอินซอบเอาไว้แนบชิดโดยไม่มีช่องว่างแม้แต่น้อย
“เราไปที่ไหนสักที่กันดีไหมครับ”
เป็นคำพูดที่ไม่มีความเป็นจริงอยู่เลย
“ทะเลสาบที่เราไปด้วยกันตอนนั้นก็ดีนะครับ ผมหมายถึงบ้านพักตากอากาศของกรรมการผู้จัดการคิมน่ะ”
อีอูยอนนึกถึงความทรงจำในอดีตพลางยิ้มออกมา
นี่เป็นคำพูดที่เขาควรจะทำแค่หัวเราะและปล่อยผ่านไป แต่ถึงอย่างนั้นอินซอบก็พบว่าตัวเองใจเต้นเป็นเด็ก
“…คุณกลับเข้าไปได้แล้วล่ะครับ”
แม้จะบอกว่าเปิดวิดีโอทิ้งไว้ แต่นักแสดงนำจะหายไปจากตรงนั้นไม่ได้
“ไปสิครับ”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่อีอูยอนก็ไม่คลายแรงที่มือลงเลย
อินซอบต้องเร่งอีกครั้ง อีอูยอนถึงจะยอมปล่อยมือ อีอูยอนที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องน้ำ พูดว่า ‘ว่าแต่’ พร้อมกับหันกลับมาเหมือนกับเพิ่งนึกอะไรออก
“นี่คืออะไรเหรอครับ”
อินซอบกะพริบตาเหมือนกับจะถามว่าคุณพูดถึงอะไร
“นี่น่ะครับ”
อีอูยอนแย่งกระดาษที่อินซอบถืออยู่ในมือมาโบกพร้อมกับเอ่ยถาม อินซอบร้องเฮือกด้วยความตกใจ และแย่งกระดาษกลับมาตามเดิม เขาลืมเอากระดาษใส่กระเป๋า เพราะเมื่อกี้มัวแต่ตกใจ
“เอ่อ คือ…”
ภายในหัวของอินซอบคิดคำนวณอย่างวุ่นวาย
มีเพียงการยื่นให้และบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ไนม่าให้เท่านั้น
แต่ถ้าทำแบบนั้น…
เหมือนกับเขาได้ยินคำพูดเหน็บแนมของอีอูยอนอย่างชัดเจนที่หู เช่น ทำไมถึงเพิ่งมาให้เอาป่านนี้ล่ะครับ คุณหึงขนาดนี้ ต่อไปจะทำยังไงดีล่ะครับ คนที่ไม่สามารถยื่นกระดาษใบเดียวให้ผมได้เนี่ย ไม่ใส่ใจเลยสินะครับ เป็นต้น ทางต้นสังกัดยังไม่ได้ประกาศเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องความรักอย่างเป็นทางการ เนื่องจากงานแถลงข่าววันนี้มีพวกนักข่าวมารวมตัวกัน อีอูยอนจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำถามเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องความรักได้ เขาจะสร้างปัญหาที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่ได้
โกหกว่าเป็นของที่เราได้รับมาจะดีกว่าไหมนะ…คงจะเชื่ออยู่หรอก คนคนนี้มีตาถึงสองดวงเชียวนะ
“…ไม่มีอะไรหรอกครับ”
อินซอบหลับตาปี๋พลางเอ่ยตอบ แม้จะรู้ว่าความจริงแล้วตัวเองขี้ขลาด แต่เขาก็เลือกที่จะหลบเลี่ยงอยู่ดี หัวใจของเขาเต้นตึกๆ สายตาของอีอูยอนทำให้แก้มของเขาแสบร้อน อีกเดี๋ยวเขาคงจะแย่งกระดาษไป แล้วเราก็คงจะโดนตะคอกแน่ๆ ขอโทษไปเลยดีไหมนะ
“เข้าใจแล้วครับ”
“ครับ?”
“ก็คุณบอกว่าไม่มีอะไรนี่ครับ”
อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอนพลางกะพริบตาปริบๆ แต่เดิมเขาคือสตอล์กเกอร์ของอีอูยอน และในฐานะของคนรักของอีอูยอนในปัจจุบัน เขาจึงมั่นใจพอสมควรว่าตัวเองรู้เรื่องอีกฝ่ายมากเท่าที่จะรู้ได้ แต่เขาไม่ได้คาดคิดถึงปฏิกิริยาแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าคุณอินซอบบอกว่าไม่มีอะไร ก็ต้องไม่มีอะไรอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ”
“…ครับ”
พอคิดว่าตัวเองกำลังหลอกอีอูยอนอยู่ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ใจขึ้นมา และรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
“ไม่ทิ้งเหรอครับ”
“ครับ?”
“ก็คุณบอกว่าไม่มีอะไรนี่”
อินซอบโยนกระดาษที่กำจนยับยู่ยี่ทิ้งลงถังขยะไปอย่างช่วยไม่ได้
“งั้นผมเข้าไปก่อนนะครับ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
“คุณอินซอบนับถึงสามสิบแล้วค่อยออกมานะครับ เพราะหน้าของคุณตอนนี้เร้าอารมณ์มาก ผมไม่อยากให้ใครเห็น”
อีอูยอนยิ้มพลางเปิดประตูห้องน้ำและเดินออกไป อินซอบถอนหายใจ และมองกระดาษที่เข้าไปอยู่ในถังขยะเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษนะครับ…ที่ผมไม่สามารถมอบให้เขาได้”
ขณะที่อินซอบจะออกไปทั้งๆ แบบนั้น แต่เพราะนึกถึงคำพูดของอีอูยอนขึ้นมาได้ เขาจึงเดินไปที่อ่างล้างมือ เขาไม่รู้ว่าใบหน้าเร้าอารมณ์ที่อีอูยอนพูดถึงคืออะไร จึงจ้องมองอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง เขาก็แค่ดูไร้เดียงสามากกว่าปกติ เพราะทรงผมเท่านั้นเอง เขาเปิดน้ำเย็นๆ และเริ่มล้างหน้า ใบหน้าที่เปียกน้ำสะท้อนอยู่ในกระจก
“แค่แกล้งเล่นหรือเปล่านะ”
มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นอินซอบก็เริ่มนับตัวเลขตามที่อีอูยอนพูด ตอนที่เขานับได้ถึงเลขยี่สิบสอง ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก
“แม่งเอ๊ย ใครแม่งบ้าล็อกประตูห้องน้ำไว้วะ ทำให้หงุดหงิดจริงๆ เลย”
เสียงที่พ่นคำด่าอย่างหยาบคายฟังดูคุ้นหู ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมา พวกเขาก็สบตากันผ่านกระจก จากนั้นอินซอบก็รู้สึกว่าเลือดในกายเย็นเฉียบขึ้นมา