ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 1 ตอนที่ 2-5

ภาค 2 เล่ม 1 ตอนที่ 2-5

“เฮ้อ”

วินาทีที่เขานอนลงบนเตียง เขาก็รู้สึกว่าร่างกายถูกดูดลงไปข้างล่าง วันนี้เป็นวันที่แค่คำว่าเหนื่อยยังไม่พอด้วยซ้ำ เขาจะต้องเช็ดผมให้แห้งก่อนถึงจะนอนได้ แต่เขาไม่มีแรงที่จะทำแบบนั้นเหลืออยู่แล้ว

ในห้องอัดเสียงอินซอบเอาเก้าอี้สองตัวมาวางติดกัน เขานอนเอนหลังและฟังการอัดเสียงของอีอูยอน ในตอนที่กลับมาที่บริษัทเพื่อเอารถมาคืนหลังจากที่อัดเสียงเสร็จ พวกเขาก็ถูกล้อมไปด้วยนักข่าวอย่างที่พูด พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากพนักงานคนอื่นๆ ในบริษัท และเข้ามาในตึกได้อย่างยากลำบาก พวกเขาเจอกับกรรมการผู้จัดการคิมที่เต็มไปด้วยความแค้นที่นั่น

‘ทำไมรถถึงเป็นแบบนี้ แผลนี้คืออะไร พวกนายขับรถยังไงกันแน่ เจ้านี่ถึงได้เจ็บป่วยขนาดนี้!’ กรรมการผู้จัดการคิมเดินวนไปรอบๆ รถพร้อมกับบ่นไปด้วย อินซอบใจฝ่อและพูดขอโทษอีกฝ่ายว่า ‘ขอโทษครับ’

‘อินซอบ นายทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง’

กรรมการผู้จัดการคิมกอดฝากระโปรงรถของเฟอร์รารี่พลางกรีดร้องออกมา ต่อให้มีสิบปาก เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด อินซอบนึกถึงจำนวนเงินในสมุดบัญชีที่ตัวเองเก็บรวบรวมไว้ทุกครั้งที่ว่าง วินาทีที่เขาตัดสินใจว่าจะยกเงินทั้งหมดให้พร้อมกับขอโทษกรรมการผู้จัดการคิมด้วยความจริงใจ อีอูยอนที่หายไปสักพักก็โผล่มา

‘รถสบายดีหรือเปล่าครับ’

สีหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมนิ่งขึ้นมาทันทีเพราะคำพูดของอีอูยอน อินซอบห่อไหล่และก้มหน้ายิ่งกว่าเมื่อสักครู่นี‘อีอูยอน นายเป็นคนขับเหรอ’

‘…ขอโทษครับ’

อินซอบยอมรับกับคำถามนั้นเสียงเบา กรรมการผู้จัดการคิมมองอีอูยอนก่อนจะพูดกระท่อนกระแท่นว่า ‘นาย นาย’

‘โล่งอกใช่ไหมล่ะครับ’

‘ว่าไงนะ’

‘ก็ประตูยังอยู่ทั้งสองข้างไงครับ’

เสียงนั้นฟังดูราวกับช็อกโกแลตราคาแพงที่ถ้าหลับตาและเอาเข้าปากจะได้ยินเสียงแตรขอสวรรค์ อีอูยอนยิ้มตาหยีก่อนจะคว้าแขนอินซอบแล้วพูดว่า ‘ไปก่อนนะครับ’ วินาทีนั้นอินซอบสามารถอ่านการร้องไห้คร่ำครวญที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของกรรมการผู้จัดการคิมออกโดยไม่พลาดไปสักคำ

‘…อินซอบ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง…?’

อินซอบได้แต่ขยับปากพูดขอโทษอยู่ในระหว่างที่โดนอีอูยอนลากไป พอจะไปที่รถตู้ อีอูยอนก็หยิบกุญแจรถที่มีตัว M ติดไว้ออกมาจากกระเป๋า นั่งคันนี้ไปกันเถอะครับ อีอูยอนเดินไปที่รถไมบัคที่กรรมการผู้จัดการคิมรักเป็นอันดับสองโดยไม่ให้โอกาสอินซอบได้ตอบ อีอูยอนบอกว่ามีธุระ แต่ดูเหมือนธุระที่ว่าจะเป็นการไปเอากุญแจรถยนต์มาจากห้องทำงานของกรรมการผู้จัดการคิม แม้กรรมการผู้จัดการคิมจะวิ่งร้องไห้เข้ามาหา แต่อีอูยอนก็สตาร์ทรถ และขับรถออกไปจากลานจอดรถโดยไม่ลังเล แน่นอนว่าพาชเวอินซอบไปด้วย

พออินซอบถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้น อีอูยอนก็ชี้ไปที่บท เขาคิดว่าการที่กรรมการผู้จัดการคิมสั่งให้อินซอบเอาบทมาให้เขาเป็นเรื่องน่ารังเกียจ อินซอบไมอาจพูดอะไรได้เลย ตอนที่มาถึงบ้านของอีอูยอน พวกเขาก็ถูกล้อมด้วยกลุ่มของนักข่าวที่เข้ามารุมอีกครั้ง แต่เรื่องโชคดีก็คือพวกนั้นไม่สามารถตามเข้ามาจนถึงด้านในของลานจอดรถได้ พวกเขาจึงสลัดพวกนักข่าวทิ้งไปได้อย่างหวุดหวิด

‘พรุ่งนี้น่าจะหนักกว่านี้นะครับ’

อีอูยอนี่ลงจากรถด้วยรอยยิ้ม อินซอบอยากจะให้อีกฝ่ายถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ เขาส่ายหน้าไปมา หลังจากพาอีอูยอนไปส่งและกลับไปที่บ้านก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ทันทีที่กลับไปถึงเขาจะให้อาหารแมว และกว่าเขาจะอาบน้ำและเข้านอนก็ตีหนึ่งแล้ว แม้จะเคยจัดการกับตารางงานที่แน่นมากกว่านี้จนเทียบไม่ได้มามากมาย แต่วันนี้เขาเหนื่อยล้าทางจิตใจด้วย เขาจึงรู้สึกเหนื่อยมากขึ้น

“…จะตายแล้ว”

พรุ่งนี้เป็นวันจัดแถลงข่าว เขาต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า อินซอบควานหาโทรศัพท์มือถือตรงข้างเตียง เขากำลังจะตั้งนาฬิกาปลุก แต่ก็มีสายเข้ามา

เป็นอีอูยอนนั่นเอง

“ครับ สวัสดีครับ”

อินซอบลุกจากที่ และรับโทรศัพท์

[นอนอยู่เหรอครับ]

“เปล่าครับ”

[เปล่าอะไรล่ะครับ เสียงคุณง่วงแล้วนะ]

เสียงของอีอูยอนก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะเขากำลังนอนอยู่บนเตียง

“กำลังจะนอนแล้วครับ”

[ทำอะไรอยู่ครับถึงได้นอนเอาป่านนี้ คุณกลับไปได้สักพักแล้วนี่นา]

“ก็ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยน่ะครับ ก็เลยเป็นแบบนี้”

[มัวแต่ให้อาหารแมวเหรอครับ]

อินซอบค่อยๆ นอนลงบนเตียงพร้อมกับตอบว่า ‘ครับ’

[ทำไมถึงให้แต่แมวพวกนั้นล่ะครับ ผมเองก็หิวเหมือนกันนะ]

อินซอบเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้ามีของที่อยากกิน ให้ผมซื้อไปให้ไหมครับ”

[ของที่อยากกินน่ะมีครับ แต่เพราะกินไม่ได้ก็เลยเป็นปัญหา]

“…”

ความรู้สึกไม่สบายใจว่าของที่ว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะหมายถึงตนเองจู่โจมอินซอบอย่างกะทันหัน

วันนี้อีอูยอนก็รั้งอินซอบไว้และชวนให้นอนค้าง และประเด็นสำคัญของยืนกรานก็คือ ‘ถ้าพรุ่งนี้ต้องมารับตั้งแต่ตอนเช้า ก็น่าจะเหนื่อยแท้ๆ ทำไมถึงต้องไปถึงที่นั่นด้วย’ อันที่จริงถ้าลองคิดโดยการตัดเรื่องความสัมพันธ์ทิ้งไป ความคิดเห็นของอีอูยอนนั้นถูกต้อง แต่ถ้าพิจารณาจุดประสงค์ที่อยู่บนพื้นฐานนั้นแล้ว นี่เป็นข้อเสนอที่ห้ามตกลงเด็ดขาด

[จะให้ผมกินของที่ผมอยากกินได้ไหมครับ]

“…ถ้ากินอะไรตอนดึกจะไม่ย่อยนะครับ”

อินซอบปฏิเสธกลับไปอย่างมีมารยาทที่สุด เขาได้ยินเสียงหัวเราะของอีอูยอนจากปลายสาย อินซอบปรับการจับโทรศัพท์ พอได้หลับตาและฟังเสียงของอีอูยอนแบบนี้ เขาก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้านั้นหายไปเล็กน้อย

[คิดถึงครับ]

“…!”

เลือดไหลมารวมกันที่หัวใจเพราะคำสารภาพที่กะทันหันนั้น อินซอบกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตัก จึงใช้ผ้าห่มห่อตัวเอาไว้

[คิดถึงนะครับ]

“…ผมก็เหมือนกันครับ”

อินซอบตอบด้วยเสียงที่เบาที่สุด เพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยิน เขารู้สึกจั๊กจี้เท้าที่ออกไปนอกผ้าห่ม

[แล้วทำไมถึงไปล่ะครับ ทำให้ยุ่งยากกันทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ]

เป็นน้ำเสียงที่แฝงการตำหนิเบาๆ

“เรื่องนั้น…”

ถ้าหากนอนและเตรียมตัวที่บ้านของอีอูยอน เขาจะสามารถนอนได้มากขึ้นอีกสองชั่วโมง แล้วเขาก็จะได้มองคนรักที่คิดถึงอย่างเต็มที่ด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่คุณภาพของการนอนหลับกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย

เพราะเห็นแก่อินซอบ พวกเขาจึงมีอะไรกันแค่สัปดาห์ละครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้เวลาหลายๆ คืนด้วยกันอย่างเรียบร้อย พวกเขาแค่ไม่ได้สอดใส่เท่านั้น แต่ทำสิ่งต่างๆ ที่น่าจะทำได้ทั้งหมด แน่นอนว่ามีคืนที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ในวันแบบนั้นอีอูยอนก็จะกอดอินซอบไว้ไม่ยอมปล่อย อีกฝ่ายมักจะกัดติ่งหูหรือคอ หรือไม่ก็บีบนวดช่วงล่างของเขาทั้งคืน และวันถัดมาช่วงล่างของเขาก็ถูกถูเสียจนนั่งดีๆ ได้ลำบาก

“เรื่องนั้นน่ะ…”

[ไม่สะดวกใจที่จะนอนกับผมเหรอครับ]

“เปล่านะครับ เพราะจะมีอุปสรรคต่อตารางงานในวันถัดไปไม่ได้ ผมก็เลยกลับมานอนที่นี่ครับ เราจะสายไม่ได้”

[ไม่สะดวกใจจริงๆ ด้วยสินะครับ]

อีอูยอนย่อคำชี้แจงที่ยาวมากๆ ของอินซอบลงง่ายๆ แม้อินซอบจะพยายามหาคำพูดอื่นมาแทน แต่จังหวะที่จะตอบก็จากไปไกลแล้ว

[ทำยังไงดีล่ะครับ คุณไม่สะดวกใจซะแล้ว]

น้ำเสียงดูกังวลจากใจจริงๆ

“มะ ไม่ได้ไม่สะดวกใจขนาดนั้นนะครับ พอดีผมมีนิสัยที่นอนคนเดียวมาตลอดอยู่แล้ว ก็เลย…”

[ฮ่าๆๆๆ]

อีอูยอนหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันหยุดลงอย่างไม่มีเค้าลางเหมือนกับฝนไล่ช้างในช่วงฤดูร้อน

[ก็ลองไม่มีนิสัยแบบนั้นดูสิ]

อินซอบเผลอคู้ตัวอยู่ในผ้าห่มโดยไม่รู้ตัว

เรากำลังคุยโทรศัพท์กับคนรัก และคนคนนี้ก็ชอบเราจริงๆ แต่…ทำไมถึงได้รู้สึกหนาวขนาดนี้นะ

[แต่ถึงยังไงคุณอินซอบเองก็ต้องเริ่มชินตั้งแต่ตอนนี้ได้แล้วนะครับ]

“ผมจะพยายามครับ”

[ผมจะทำอะไรเพื่อผู้จัดการส่วนตัวของผมที่พยายามจะนอนข้างๆ ผมดีล่ะครับ ผมร้องเพลงกล่อมพอได้ไหมครับ]

“ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ”

[อ่านหนังสือให้ฟังไหมครับ]

เขาควรจะปฏิเสธทันที แต่อินซอบกลับลังเลไปครู่หนึ่ง

[หนังสือเล่มไหนดีครับ]

“มะ ไม่ต้องหรอกครับ คุณจะเหนื่อยนะ ไม่เป็นไรครับ”

แม้อินซอบจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ได้ยินเสียงเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังลุกขึ้นดังมาจากปลายสาย

[อันไหนดีครับ]

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยืนอยู่หน้าชั้นวางหนังสือ

“คือ…เคยอ่านเรื่อง ‘การท่องเที่ยวไม่มีที่สิ้นสุด’ ไหมครับ”

[ไม่ครับ สนุกเหรอครับ]

“ครับ ผมอ่านอย่างสนุกเลยล่ะครับ”

[ดูเหมือนผมจะเคยเห็นหนังสือเล่มนั้นที่ชั้นวางหนังสือของคุณอินซอบนะครับ ไว้ผมจะขอยืมนะ]

แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนกับในอดีต แต่น้ำหนักของสัญญากลับต่างไปอย่างชัดเจน อินซอบหายใจไม่ออกอย่างน่าประหลาด เขาเอาหน้าออกจากหมอน และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อากาศในตอนกลางคืนของช่วงต้นฤดูร้อนที่เย็นสบายลอยเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้

[หนังสือที่อ่านวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ]

“ดีครับ”

เขาถูกใจถึงขนาดที่สั่งนิยายต้นฉบับมาที่บ้านในระหว่างทางกลับบ้านทั้งๆ ที่สติขาดๆ หายๆ

[อืม ถ้าอ่านหนังสือที่เคยอ่านแล้วจะไม่สนุกหรือเปล่า]

“ไม่ครับ ผมชอบครับ ผมชอบมากจริงๆ ผมชอบงานครั้งนี้มากที่สุดในบรรดาหนังสือเสียงที่คุณเคยอัดเสียงมาเลยครับ”

อีอูยอนหัวเราะเบาๆ เพราะพอใจกับปฏิกิริยาของอินซอบ

[บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่าคุณอินซอบชอบผม หรือว่าชอบนักแสดงอีอูยอน]

“ก็ต้อง…”

[ช่วยชอบผมมากกว่าหน่อยนะครับ]

อินซอบตอบเสียงเบาว่า ‘ครับ’ อีอูยอนคงจะนั่งลงบนเตียงอีกครั้งแล้ว เขาถึงได้ยินเสียงพลิกหน้าหนังสือ

[หลับตานะครับ]

อินซอบทำตามที่อีกฝ่ายสั่งอย่างว่าง่าย อีอูยอนเริ่มอ่านหนังสือ เป็นน้ำเสียงที่สงบนิ่งโดยไม่มีการสั่นไหวราวกับทะเลลึก

พอเขานอนหลับพร้อมกับฟังเสียงของอีกฝ่ายไปด้วย ความรู้สึกก็ซัดสาดเข้ามาเหมือนน้ำ

เราชอบคนคนนี้จริงๆ สินะ

เขารับรู้ถึงความรู้สึกนี้มาหลายครั้งแล้ว ในขณะที่ผิวน้ำที่ระยิบระยับด้วยแสงแดดค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ สติของอินซอบก็ถูกซ่อนไว้ข้างใต้นั้น

***

“…”

ตอนที่ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกไม่สบายใจว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติก็จู่โจมตัวเขาอย่างกะทันหัน อินซอบควานหาโทรศัพท์มือถือจากใต้หมอนด้วยความเคยชิน แม้จะเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้ว แต่เขาก็ยังเหม่อลอย และกะพริบตาปริบๆ อยู่พักหนึ่ง เหมือนกับเขาพลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญไป…

“เฮือก!”

อินซอบใช้เท้าแตะผ้าห่มพลางลุกขึ้น เขามองนาฬิกาอีกรอบ ตอนนี้เลยสิบเอ็ดโมงมาแล้ว

“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว…ผมกับเสื้อผ้า…ไม่สิ ใครจะขับรถล่ะ…”

วันนี้เป็นวันแถลงข่าวของภาพยนตร์ที่อีอูยอนถ่ายเสร็จไปเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาเชิญนักข่าวมาหลังจากกำหนดวันเปิดกล้อง และนี่ก็เป็นงานสำคัญสำหรับการโปรโมท

“ทำไมนาฬิกาถึงไม่ปลุกล่ะ ฮือ จะทำยังไงดี”

ดูเหมือนเขาจะหลับไปในระหว่างที่คุยโทรศัพท์กับอีอูยอนเมื่อวาน เขาแพนิกและจับจุดไม่ถูกแล้วว่าควรจะต้องเริ่มทำอะไรก่อน

“ต้องติดต่อไป ติดต่อ…”

อินซอบมองโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่มีข้อความจากอีอูยอนเข้ามาพอดี

[คุณคงจะเหนื่อยก็เลยไม่ตื่น ไม่ต้องรีบมานะครับ]

ด้านล่างข้อความนั้นมีสถานที่จัดงานแถลงข่าวเขียนไว้อยู่

“ฮือ…”

อินซอบวิ่งไปห้องน้ำทั้งๆ แบบนั้น เขาอาบน้ำอย่างรวดเร็วและกระโดดออกมา เขาใส่เสื้อผ้าตามแต่ที่จะหยิบได้ และคว้าโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์มา

“อ๋อ แล้วก็ แล้วก็…”

อินซอบโทรศัพท์หาอีอูยอน

[ตื่นแล้วเหรอครับ]

น้ำเสียงนั้นมีเสียงหัวเราะปนอยู่

“ขอโทษนะครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”

[ค่อยๆ มาก็ได้ครับ ตอนนี้ยังไม่มีงานให้ทำหรอก]

“วันนี้คุณต้องเดินทางลำบากแน่เลย ขอโทษนะครับ”

[ไม่หรอกครับ ผมมาถึงอย่างสบายมากเลยครับ เพราะกรรมการผู้จัดการขับรถให้ อ๋อ กรรมการผู้จัดการเขาเพิ่งไปเมื่อกี้นี้เองครับ]

“…”

อินซอบที่กำลังใส่รองเท้ากลั้นหายใจ พอนึกถึงกรรมการผู้จัดการคิมที่โดนเรียกตัวตั้งแต่รุ่งสาง เขาก็ทำตัวไม่ถูกเพราะความรู้สึกผิด อีอูยอนหัวเราะพร้อมกับบอกว่า ‘ตอนนี้ต้องไปแล้วครับ’ ก่อนจะวางสายไป เขาก็ใส่รองเท้าเสร็จและออกจากบ้านพอดี

วันนี้เป็นวันที่แจ่มใสจนเขาแสบตา

“…ผมผิดเองครับ”

อินซอบพึมพำคำขอโทษที่ไม่รู้เลยว่าพูดให้ใครฟังด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท