“ผมไม่ทำข้างนอกครับ”
อินซอบปฏิเสธอย่างไม่ยอมแพ้ผิดไปจากปกติ
“ตรงนี้ไม่ใช่ข้างนอก แต่เป็นข้างในต่างหากครับ”
อีอูยอนกระซิบทั้งที่ยังกอดอินซอบเอาไว้ อินซอบหันกลับไปมองอีอูยอนด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ
“แต่ถึงอย่างนั้น…ผมก็ไม่…”
อีอูยอนจับคางของอินซอบและจูบอีกฝ่ายอย่างรุนแรง อินซอบที่ถูกกัดริมฝีปากอย่างแรงจนแสบกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้
“ลองพูดว่าไม่เอาอีกครั้งสิครับ”
“ถ้าใครมาเห็น…”
“คุณเอาแต่พูดว่าใครจะมาเห็นอยู่เรื่อยเลยนะครับ ในห้องของโรงแรมเนี่ยนะ”
อีอูยอนกำปกเสื้อของอินซอบและลากเจ้าตัวตั้งแต่หน้าลิฟต์เข้ามาในห้องสวีท อินซอบซึ่งกลัวว่าจะมีใครมาเห็นพูดทั้งหน้าซีดว่าจะกลับบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นอีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นได้ยิน เหตุผลของอีอูยอนก็คือเพราะอินซอบไม่ให้แตะต้องตัวข้างนอก เขาจึงไม่มีทางนอกเลือกนอกจากแตะต้องตัวข้างใน
“หรือว่า คุณอยากให้ใครมาเห็นเหรอครับ”
อีอูยอนพาอินซอบที่ตกใจและส่ายหน้าไปมาไปที่หน้าต่าง เขามองเห็นวิวยามค่ำคืนของแม่น้ำฮันอยู่นอกหน้าต่างทั้งสามบานที่ทำจากกระจก อินซอบตัวสั่นพร้อมกับเกาะอีอูยอนเอาไว้
“ข้างนอกมองไม่เห็นหรอกครับ”
อินซอบคว้าแขนอีอูยอนไว้
“ไม่ได้ครับ ตรงนี้น่ะ…อึก”
อีอูยอนกัดซอกคอของอินซอบไว้แน่น เขางับและดูดสลับกันไปมาก่อนจะลูบไล้ยอดอกของอินซอบที่ชูชันผ่านเสื้อเชิ้ต
“…แต่อาจจะมองเห็นก็ได้นะครับ”
กระจกของโรงแรมใช้กระจกพิเศษ และคนข้างนอกไม่สามารถมองเห็นด้านในได้ อินซอบเองก็รู้ความจริงข้อนี้ดี แต่เขาก็ยังขาสั่น เพราะความคิดที่ว่าอาจมีโอกาสที่ใครจะมาเห็นก็ได้
“ไม่เห็นหรอกครับ”
อีอูยอนเลิกชายเสื้อเชิ้ตขึ้น และลูบคลำหน้าอกของอินซอบที่ลอยสูงก่อนจะประทับริมฝีปากที่แก้ม ติ่งหู และต้นคอของอินซอบ ไหล่ที่มองเห็นผ่านเสื้อเชิ้ตเห่อแดงขึ้นในทันที
อีอูยอนกัดอย่างแรงเหมือนกับฝังเขี้ยวลงไปบนไหล่และดูดดุนเนื้อบริเวณนั้น รอยเลือดคลั่งถูกสลักลงไปช้าๆ ราวกับดอกไม้บาน เขาแทรกขาของตัวเองเข้าไปตรงหว่างขาของอินซอบที่สั่นระริก และนวดคลึงต้นขา
“อย่าทำครับ ได้โปรด…อึก”
พอมือของอีอูยอนล้วงเข้าไปในกางเกง อินซอบก็โอบคอของอีอูยอนไว้ และร้องไห้ออกมาในที่สุด
“ไม่เป็นไรนะครับ”
อีอูยอนลูบหลังอินซอบพลางปลอบเหมือนกับปลอบเด็กเล็กๆ อินซอบที่ขี้กลัวมักจะเกาะเขาอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้เสมอถ้าเห็นสิ่งที่น่ากลัว อีอูยอนจึงเพลิดเพลินกับการดูภาพยนตร์สยองขวัญกับอินซอบ เพราะเขาชอบท่าทางนั้น
“ไม่…ฮึก”
แต่ถึงอย่างนั้นพอได้เห็นอินซอบที่หน้าซีดมากกว่าตอนที่ดูภาพยนตร์สยองขวัญ เขากลับรู้สึกขมขื่น อีกฝ่ายกลัวการถูกจับได้ว่าคบกับตนมากกว่าผีอีกเหรอ อีอูยอนปัดผมของอินซอบที่ชื้นเหงื่อออกไป และกดจูบลงที่หน้าผาก
“ไม่ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ”
อินซอบพยักหน้าโดยที่ไม่ฟังคำพูดที่ตามมาด้วยซ้ำว่าเกลียดอะไร รอยยิ้มที่ไม่ชอบมาพากลติดอยู่ที่ปากของอีอูยอน อีอูยอนอุ้มอินซอบและพาไปที่เตียง เขาวางอินซอบให้นอนลงบนเตียง และอีอูยอนก็นั่งลงบนหน้าขาของอินซอบ
“ผมจะทำให้ไม่เห็นอะไรเองครับ”
อีอูยอนสอดนิ้วเข้าไปที่ปมของเน็กไท รูดเน็กไทออก และใช้เน็กไทปิดตาของอินซอบ
“จะ จะทำอะไรน่ะครับ”
อินซอบพยายามจะแกะเน็กไทที่ปิดตาอยู่ออก แต่อีอูยอนกลับจับข้อมือของเขาไว้
“ถ้าแกะออก ผมจะทำให้คุณมองไม่เห็นอีกเลย”
เขาใส่แรงลงไปในน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้น มือของอินซอบที่พยายามจะแกะเน็กไทออกตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
“…แกะให้หน่อยนะครับคุณอูยอน”
เขาไม่กล้าใช้มือของตัวเองแตะต้องเน็กไทเพราะคำขู่ของอีอูยอน และทำได้เพียงพูดแบบนั้นในขณะที่ตัวสั่นเทา ทั้งน่ารักและน่าสงสาร
อีอูยอนมัดปมให้แน่นยิ่งขึ้น
“ผมทำตามความปรารถนาของคุณอินซอบไงครับ ถ้าทำแบบนี้ คุณก็ไม่รู้แล้วว่ามีใครมองอยู่ ไม่เป็นไรนะครับ”
เป็นตรรกะที่บีบบังคับจนอินซอบพูดไม่ออก แม้น้ำเสียงและลักษณะการพูดจะอ่อนโยน แต่อินซอบเดาได้ถึงจิตใจที่บิดเบี้ยวของอีกฝ่าย
“ปล่อย…ปล่อยผมกลับบ้านเถอะครับ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ คุณอินซอบถูกบังคับให้คบกับผมเหรอครับ”
‘พูดมาสิครับ’ อีอูยอนเกลี้ยกล่อมอินซอบอย่างแผ่วเบา อินซอบส่ายหน้าอย่างช้าๆ
“แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ คุณอินซอบเป็นของผมนะ”
อีอูยอนหมายจะบีบแก้มของอินซอบ แต่อินซอบกลับปัดมือของอีอูยอนทิ้งอย่างไม่รู้ตัวเพราะตกใจกับมือที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
อีอูยอนร้อง ‘เหอะ’ สั้นๆ และก้มตัวลงไปในขณะที่กำมือของอินซอบไว้แน่น
“ลองทำแบบนั้นอีกครั้งดูสิครับ”
ลมหายใจที่มีความโกรธที่กดเอาไว้เจืออยู่กระทบใบหูของอินซอบ อีอูยอนเอามือของอินซอบมาวางไว้ที่ร่างกายของตัวเองก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าเกลียดผมจริงๆ ก็ผลักออกเลยครับ ถ้าคุณทำแบบนั้น ผมจะไม่ทำคุณ”
“ผม…”
อีอูยอนรอคำตอบของอินซอบพลางกัดฟันแน่น กับคนอื่นเขาไม่รู้ แต่เขาไม่อยากโดนปฏิเสธจากชเวอินซอบ เขารู้สึกเดือดพล่านทุกครั้งที่อีกฝ่ายปัดมือออก
“ผมไม่ได้เกลียดคุณอีอูยอนครับ…”
“งั้นก็อยู่เฉยๆ”
อีอูยอนพูดเหมือนกับพลั้งปาก และกัดริมฝีปากของอินซอบ เสียงลมหายใจที่ติดขัดพรั่งพรูออกมา สติของอินซอบเลือนรางเหมือนกับถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดออกไป เขาหอบหายใจพร้อมกับกำชายเสื้อของอีอูยอนไว้
“…ถ้าวันนี้คุณผลักผมออกไป ผมจะทำให้คุณหายไปตลอดกาล…แฮ่ก เพราะฉะนั้น ได้โปรดอยู่เฉยๆ”
อีอูยอนกระซิบคำพูดที่ไม่แน่ใจว่าเป็นคำขู่ หรือเป็นคำขอร้องกันแน่ก่อนจะดูดกลืนริมฝีปากของอินซอบ ลิ้นนิ่มๆ โลมเลียริมฝีปากของอินซอบอย่างละโมบ อินซอบร้อง ‘อ๊ะ’ และตัวสั่นเบาๆ เขารีบเอามือออกจากตัวอีอูยอน หลังจากนั้นเขาก็กำผ้าปูเตียงไว้ทันที เขากลัวว่าจะเผลอผลักอีอูยอนออกไปในระหว่างที่ไม่มีสติ เขาจึงเอามือลง
อีอูยอนเอามือของอินซอบที่เป็นแบบนั้นใส่เข้าไปในปากของตน เขาเลียนิ้วทีละนิ้ว และใช้ฟันกัดเล็บมือเบาๆ เขากดจูบลงที่มือของอินซอบอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเหมือนจะเป็นสัตว์กินเนื้อที่ยกย่องการกระทำของตนเอง
“ถอดเสื้อผ้าครับ”
อีอูยอนเอามือของอินซอบลงไปที่เสื้อเชิ้ต แม้อินซอบจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนตามที่อีกฝ่ายสั่ง แต่การปลดกระดุมเม็ดหนึ่งกลับใช้เวลานานเพราะเขามองไม่เห็นและมือก็สั่น ตอนนั้นเองกระดุมก็ถูกปลดออก อีอูยอนเริ่มถอดเสื้อผ้าของอินซอบโดยไม่พูดอะไร อินซอบตัวสั่นสะท้าน พอการมองเห็นถูกปิดกั้น ประสาทสัมผัสในร่างกายก็เพิ่มมากขึ้น
“ทำไมถึงสั่นขนาดนั้นล่ะครับ”
เขาได้ยินเสียงของอีอูยอน เสียงที่ทุ้มต่ำและไพเราะกว่าปกติเข้ามาใกล้
“ผมไม่ได้จะขืนใจคุณอินซอบนะ”
“ผะ ผมจะถอดเองครับ”
“ทำแบบนั้นแล้วจะถอดเสร็จหมดตอนไหนล่ะครับ”
เขาได้ยินเสียงตัวล็อกของเข็มขัด
จู่ๆ อินซอบก็นึกถึงเนื้อหาในคาบเรียนที่เขาเคยได้ยินในวิชาเลือกว่าเสื้อผ้าไม่ใช่แค่สิ่งที่เอาไว้ปกป้องร่างกายในทางกายภาพเท่านั้น แต่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องทางจิตใจด้วย ดังนั้นตอนที่จัดการกับพวกเชลยศึก จึงมักจะบอกให้ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดก่อนเป็นอันดับแรก การเปลือยต่อหน้าคนอื่นนั้นเป็นการแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาโดยไม่มีแม้กระทั่งความตั้งใจที่จะขัดขืน เขารู้สึกว่าเรี่ยวแรงค่อยๆ หายไปจากร่าง
“อึก…”
อินซอบบิดเอวไปด้านข้าง เพราะความรู้สึกในยามที่ช่วงล่างถูกเปิดเผยต่ออากาศเย็นๆ เขาได้ยินเสียงอีอูยอนหัวเราะสั้นๆ อยู่ตรงหัวเตียง
“ทำไมถึงใส่ถุงเท้าที่ไม่เข้าคู่กันขนาดนั้นมาล่ะครับ”
น่ารักเชียว
คำพูดสุดท้ายที่ได้ยินเหมือนไม่ได้ยินลอยออกมาพร้อมกับเสียงกลั้นลมหายใจ กางเกงชั้นในของเขาถูกดึงลงมาอยู่ใต้หัวเข่า แม้เขาอยากจะหนี แต่กลับไม่มีที่ซ่อนที่เหมาะสม เขาถูกปิดตาเอาไว้ และไม่รู้แม้กระทั่งวิธีที่จะปกปิด แม้เขาจะพยายามปิดบังร่างกายไว้เท่าที่จะทำได้ แต่อีอูยอนกลับไม่ปล่อยให้เขาทำแบบนั้น
“อยู่เฉยๆ ครับ”
เป็นน้ำเสียงที่ทั้งคุกคามจนน่าหวาดเสียวและอ่อนหวาน แม้จะไม่ได้ดื่มเหล้า แต่อินซอบกลับมึนหัว เขากลัว แม้จะโดนปิดตาเอาไว้ แต่อินซอบก็ยังคงหลับตาแน่นและคู้ตัว
“อ้าขาครับ”
“ครับ?”
“ช่วยอ้าขาด้วยครับ เพราะผมอยากจะเห็นทั้งหมด”
อีอูยอนจับเข่าของอินซอบไว้ ร่างกายของอินซอบร้อนขึ้นเพราะความร้อนจากฝ่ามือของอีกฝ่ายที่ส่งผ่านมาให้ เราอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยสักชิ้น แต่ดันขอให้เราอ้าขาอย่างนั้นเหรอ หน้าของอินซอบร้อนวูบวาบด้วยความเขินอาย
คราวนี้อีอูยอนกดจูบลงไปที่เข่าของอินซอบ หัวใจของอินซอบเต้นตึกตัก เพราะการจูบที่เหมือนกับจะขอความรัก
“ผมทำแบบนี้เพราะอยากเห็นร่างกายของคุณอินซอบนะครับ”
แม้จะไม่มีใครได้ยิน แต่อีอูยอนก็ยังกระซิบเสียงเบา อีอูยอนจูบเข่าของอินซอบอีกสองสามครั้ง อินซอบค่อยๆ อ้าขาออกตามที่อีกฝ่ายสั่ง เขาเปลือยเปล่า ความอับอายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพราะเขาถูกปิดตาเอาไว้ อินซอบน้ำตานองด้วยความอับอาย
เขาได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ แม้จะมองไม่เห็น แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของชายหนุ่ม แม้เขาอยากจะหุบขา แต่อีอูยอนกลับจับเข่าของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ดะ ได้…ได้หรือยังครับ”
อินซอบรวบรวมความกล้าในการเอ่ยถาม
“สวยครับคุณอินซอบ”
คำตอบที่คาดไม่ถึงถูกส่งกลับมา อีอูยอนพึมพำร่วมกับหายใจเหมือนคนที่ลุ่มหลงในอะไรบางอย่าง
“สวยมากเลยครับ”
มือของอีอูยอนเลื่อนไปที่ด้านในของต้นขาก่อนจะเลื่อนลงไป เขาขยับมืออย่างระมัดระวังราวกับแตะต้องผลงานศิลปะ อินซอบตัวสั่นสะท้านทุกครั้งที่มือของอีอูยอนสัมผัส เพราะเขาไม่รู้เลยว่าลูบตั้งแต่ตรงไหนและด้วยวิธีแบบใด
อีกฝ่ายค่อยๆ ใช้หลังมือลูบไล้ต้นขาเขาอย่างช้าๆ แต่เขาก็รู้สึกถึงไออุ่นอย่างอื่นที่ไม่ใช่มือ เขาถูกหายใจใส่ ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าอีอูยอนเอาหน้ามาไว้ตรงต้นขาของตัวเอง พอเขาคิดว่าสายตาของอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน เขาก็ไม่สามารถรักษาท่าทีได้อีกต่อไป
“ไม่ได้”
อีอูยอนห้ามเสียงแข็ง เพราะเขารู้สึกได้ว่าอินซอบกำลังเกร็งขา เขาแนบแก้มของตัวเองลงกับต้นขาของอีกฝ่ายก่อนจะถูไถ อีอูยอนกระซิบ
“ผมอยากมองไปเรื่อยๆ ครับ ผมว่าผมมองได้ทั้งวันเลย”
“ยะ อย่าทำแบบนั้นครับ”
อีอูยอนกัดขาอ่อนของอินซอบเบาๆ ก่อนจะปล่อยออก การงับที่เหมือนจะแหย่เล่นเริ่มร้อนแรงขึ้นทีละน้อย พออีอูยอนงับเนื้อเข้าไปในปากและขยับลิ้นไปมา อินซอบก็ร้องครางพร้อมกับบิดเอว ช่วงล่างของเขาหดตัว ส่วนอ่อนไหวที่เลือดค่อยๆ มากองอยู่ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
“…แม่งเอ๊ย”
มือของอีอูยอนที่กำต้นขาของอินซอบไว้เกร็ง ชเวอินซอบคิดว่าตัวเองทำให้อีอูยอนอารมณ์เสียอีกแล้วหรือเปล่า และรู้สึกกลัว
“ตั้งใจจะทำให้ผมเป็นบ้าเหรอครับ”
“ครับ?”
“ไม่ว่าจะเป็นไอ้นั่นหรือช่องทางนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องสวยถึงขนาดนี้เลยนี่ครับ ทั้งสองอย่างนี่แม่งโคตรทำให้คลั่งเลย”
“อึก…”
อินซอบเด้งตัวขึ้นมาเพราะตกใจ ช่วงล่างของเขาถูกกลืนกินด้วยเยื่อเมือกที่ร้อนและชื้นอย่างกะทันหัน อีอูยอนที่ฝังหน้าลงกับส่วนนั้นของอินซอบดูดเลียส่วนอ่อนไหวนั้นอย่างมูมมาม
“แฮ่ก ดะ…เดี๋ยว”
อินซอบสะอื้นพร้อมกับดันหน้าของอีอูยอนออก แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่น่ากลัว และเอามือลงไปอีกครั้ง
อีอูยอนอมยิ้ม
อีอูยอนไม่เคยรู้สึกถึงความใสซื่อบริสุทธิ์มาก่อนเลยในชีวิต และเขาก็ไม่มีเกณฑ์ในการเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วย เขาจะมีหรือไม่มีมันก็ได้ และเขาก็ไม่สนใจที่จะใส่ใจกับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้นะ ความรู้สึกเกี่ยวกับท่าทาง สีหน้า และคำพูดของอินซอบพลุ่งพล่านจนเขากลัว
อีอูยอนเอาส่วนอ่อนไหวของอินซอบเข้าปากอีกครั้ง พอเขาดูดเลียอย่างนุ่มนวลอยู่สองสามครั้ง เลือดก็มารวมตัวกันอยู่ตรงนั้น และเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“ร้อนเหรอครับ”
อินซอบถามกลับว่า ‘ครับ?’ เพราะคำถามของอีอูยอน
“ก็ตรงนี้มันแดงขึ้น”
อีอูยอนใช้หลังมือตีส่วนอ่อนไหวของอินซอบเบาๆ ถ้ามีอารมณ์ เลือดก็จะมารวมตัวเองกันและทำให้สีแดงขึ้นอยู่แล้ว นี่เป็นความรู้ที่ใครๆ ก็รู้ถ้าเป็นผู้ใหญ่
“คือ คือว่า…”
อินซอบกำลังหาคำตอบที่น่าจะใช้ได้ที่สุดว่าเขาควรจะตอบว่าอะไรดี แต่แล้วมือของอีอูยอนก็มาแตะที่หน้าผาก
“เหงื่อไหลด้วย”
มันคือเหงื่อกาฬ อินซอบโดนโลมเลียช่วงล่างในสภาพที่ถูดปิดตาเอาไว้ และนอนอ้าขาต่อหน้าผู้ชายด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า จึงเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วที่เขาจะเหงื่อไหล
“ครับ นิดหน่อย…”
แม้เขาจะรู้สึกหนาวนิดหน่อยเพราะอุณหภูมิในห้องของโรงแรมที่ถูกปรับให้เย็นจัด แต่เขาก็ตอบไปแบบนั้น เขาแสดงความหวังว่าอีอูยอนอาจจะแก้เน็กไทที่ปิดตาอยู่ให้
“อย่างนั้นเองสินะครับ”
อีอูยอนลุกขึ้น แต่แทนที่จะแก้มัดให้อย่างที่อินซอบคิด เขากลับไปเอาอะไรบางอย่างและกลับมาที่เตียง