รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 168 โลกแห่งการฝึกฝนนั้นโหดร้าย แต่ยังมีสภาพที่แท้จริงบางอย่าง!

บทที่ 168 โลกแห่งการฝึกฝนนั้นโหดร้าย แต่ยังมีสภาพที่แท้จริงบางอย่าง!

บทที่ 168 โลกแห่งการฝึกฝนนั้นโหดร้าย แต่ยังมีสภาพที่แท้จริงบางอย่าง!

เมื่อไม่นานมานี้ แดนบูรพาทิศเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ผู้ฝึกตนทั้งสี่ภาคและสัตว์ร้ายมากมายสร้างความเสียหายให้กับเมืองปุถุชน

กองกำลังแดนบูรพาทิศจำนวนมากเลือกที่จะรักษาเอาตัวรอดและเลือกที่จะมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ก็ยังมีกองกำลังแดนบูรพาทิศจำนวนไม่น้อยที่แบกรับความเสียหายในการหยุดยั้งผู้ฝึกตนทั้งสี่ภาคและสัตว์ร้ายเหล่านั้นไว้

พรรคจื่อเสียเป็นหนึ่งในนั้น

เพื่อดูแลคุ้มครองเมืองปุถุชนเบื้องล่าง พวกเขาต่อสู้กับผู้ฝึกตนทั้งสี่ภาคและสัตว์ร้ายที่สร้างปัญหาให้กับเมืองปุถุชน

ทว่าทั้งสี่ภาคนั้นแข็งแกร่งกว่าแดนบูรพาทิศ

กองกำลังแดนบูรพาทิศส่วนใหญ่ที่แบกรับความเสียหายการต่อสู้เพื่อคุ้มครองเมืองปุถุชนไม่ได้จบลงด้วยดีทั้งหมด

หลายคนล้มหายตายจากไป…

พรรคจื่อเสียยังดีอยู่ที่ยังเหลือบางคน

นี่เป็นเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเปิดปฏิบัติการในภายหลัง ดำเนินการชี้นำแนวทางและจัดการกับผู้ฝึกตนที่สร้างปัญหาในเมืองปุถุชน ด้วยเหตุนี้พรรคจื่อเสียจึงยังหลงเหลือคนอยู่บ้าง…

มิฉะนั้นพรรคจื่อเสียคงถึงคราวล่มสลายแล้ว

ในเวลานั้นพรรคจื่อเสียล้วนระดมกำลังทั้งหมด

“พวกข้าไม่ตำหนิ ไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหนก็ตาม” ผู้เฒ่าผมขาวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

เดิมทีพรรคจื่อเสียของพวกเขาเปิดรับลูกศิษย์ทุก ๆ สามปี ทว่าปัจจุบันเพิ่งจะเป็นปีที่สองและยังไม่ถึงเวลาที่จะรับลูกศิษย์

แต่พรรคจื่อเสียได้รับความสูญเสียมากเกินไป ซ้ำยังขาดแคลนลูกศิษย์อย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มการประเมินที่จะรับลูกศิษย์ก่อนกำหนด

แต่ว่าพวกเขาเองก็มีหลักการในการปฏิบัติตน

พวกเขาไม่คิดพูดหลอกลวงผู้ที่เข้าร่วมการประเมิน และพวกเขาไม่เคยปกปิดสถานการณ์ของพรรคจื่อเสียของพวกเขา

แต่แจ้งให้ผู้ที่เข้าร่วมการประเมินทราบทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ของพรรคจื่อเสีย

พวกเขามาถึงที่นี่ล่วงหน้าก่อนหลายเดือน ซึ่งจริง ๆ ไม่ถือว่าล่วงหน้ามากนัก

อันที่จริงมีหลายคนเคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้

แต่หลังจากที่คนเหล่านั้นได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของพรรคจื่อเสีย พวกเขาทั้งหมดก็เลือกที่จะจากไป

บางคนก็ยังอยู่… แต่น่าเสียดายที่ไม่พบพรสวรรค์ด้านการฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนได้

และข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของพรรคจื่อเสียของพวกเขาก็ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไป ในภายหลังคนที่มาก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ

“นี่…”

ผู้ใหญ่มองหน้ากัน พวกเขาไม่ต้องการให้ลูก ๆ ฝึกฝนในพรรคจื่อเสีย

พวกเขาเคยได้ยินว่าโลกแห่งการฝึกฝนนั้นโหดร้าย มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้

สถานการณ์ของพรรคจื่อเสียย่ำแย่ยิ่งนัก พวกเขาจะยังอยู่รอดต่อไปในภายภาคหน้าหรือไม่?

คงจะไม่ถูกสำนักผู้ฝึกตนอื่นกำจัดในสักวันหนึ่งหรอกใช่หรือไม่?

เด็กจะมาช้าหรือไม่ หาใช่เรื่องสำคัญแล้ว ผู้ใหญ่ในยามนี้ต่างกลัวว่าหากบุตรธิดาของพวกเขาอยู่ในพรรคจื่อเสีย ชีวิตของพวกเขาจะมีแต่อันตราย!

“ผู้อาวุโส ท่านช่วยทดสอบข้าด้วย ข้าอยากเข้าพรรคจื่อเสีย” อ้ายฉานวิ่งไปหาผู้เฒ่าผมขาวพลางพูด

“ข้าต้องการเข้าพรรคจื่อเสียด้วย!”

“ท่านช่วยทดสอบข้าด้วย!”

จู้จื่อและเด็กคนอื่น ๆ ก็วิ่งไปเช่นกัน

พวกเขาไม่ได้คิดเยอะเท่ากับผู้ใหญ่ แต่เพราะชอบพี่สาวในชุดขาวมากจึงต้องการเข้าสู่พรรคจื่อเสียเพื่อฝึกฝน

“จู้จื่อ! กลับมาหาพ่อเดี๋ยวนี้!”

พ่อของจู้จื่อโกรธมากและต้องการดึงจู้จื่อกลับมา

ทว่าผู้เฒ่าผมขาวอยู่ที่นี่ เขาไม่กล้าข้ามหน้าอีกฝ่ายมาก

“ท่านทั้งหลาย ข้าไม่กล้ารับประกันเรื่องอื่น ๆ กับทุกท่าน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าจะรับประกันกับทุกท่านได้”

ผู้เฒ่าผมขาวมองไปยังผู้ใหญ่และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ขอเพียงให้ลูก ๆ ของพวกเจ้าเข้าสู่พรรคจื่อเสียเท่านั้น พรรคจื่อเสียของเราจะรับประกันความปลอดภัยของลูกๆ ของเจ้าอย่างแน่นอน!”

เขากล่าวต่อไปว่า “พรรคจื่อเสียของเราย่อมมีทางออก เพื่อให้มั่นใจว่าความปลอดภัยของเด็ก ๆ จะไม่เป็นปัญหา!”

“จริงหรือ?” พ่อของจู้จื่อถามด้วยความไม่เชื่อ

“หากข้าอยากจะหลอกลวงพวกเจ้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับพวกเจ้ามากมายเช่นนี้ พรรคจื่อเสียของเรามีฐานลับซานต้าอยู่ด้านนอก ซ้ำยังมีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ข้างในพรรค หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ข้าจะส่งพวกเด็ก ๆ ออกไปทันที”

ผู้เฒ่าผมขาวรู้ว่าผู้ใหญ่เหล่านี้กังวลเรื่องอะไร

เขากล่าวต่อไปว่า “แม้ว่าโลกแห่งการฝึกตนจะโหดร้าย แต่พรรคจื่อเสียของข้าเองก็มีการสืบทอดมาอย่างยาวนาน ซ้ำตัวข้าก็ยังพอมีสหายอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นพรรคจื่อเสียของข้าคงจะจบสิ้นไปนานแล้ว…”

เรื่องนี้ล้วนเป็นความจริง เขาไม่ได้หลอกลวงพวกผู้ใหญ่เหล่านี้แม้แต่น้อย

กองกำลังฝึกฝนจำนวนมากเฝ้ามองพรรคจื่อเสียมาเป็นเวลานาน และต้องการยึดพรรคจื่อเสียมาเป็นของตน

ก็อย่างที่เขาพูด พรรคจื่อเสียของพวกเขามีการสืบทอดมายาวนาน ทำให้ยังพอมีพันธมิตรอยู่บ้าง

ด้วยความช่วยเหลือของกองกำลังเหล่านี้พรรคจื่อเสียจะไม่ถูกกำจัดออกไปโดยง่าย!

นอกจากนี้ แม้ว่าบรรพชนของพรรคจื่อเสียจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้สิ้นชีพ แต่พวกเขายังสามารถคงอยู่ได้ระยะเวลาหนึ่ง ทั้งยังสามารถยับยั้งกองกำลังอื่นได้ระยะเวลาหนึ่งเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้ว บรรพชนของพรรคจื่อเสียเองก็ถือเป็นขุมพลังสูงสุดในแดนบูรพาทิศเช่นกัน และก่อนที่พวกเขาจะสูญสิ้นชีวิตไปตลอดกาล พวกเขายังพอมีอำนาจยับยั้งไว้อยู่บ้าง

ขณะเดียวกัน พวกเขาได้วางแผนไว้แล้วว่าจะเจรจากันกับสำนักหยวนอี กองกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดในแดนบูรพาทิศเพื่อขอรับการคุ้มครองจากสำนักหยวนอี

สำนักหยวนอีเป็นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในพื้นที่ที่พวกเขาตั้งอยู่ เช่นเดียวกับสำนักไท่หัว สำนักเมฆาลับฟ้าและพวกมหาอำนาจอื่น ๆ

พวกเขายินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับสำนักหยวนอี เพียงเพื่อให้พรรคจื่อเสียสืบทอดวิชาความรู้ต่อไป

แน่นอนว่ามันยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกันและพวกเขายังไม่ได้คิดที่จะเป็นพันธมิตร พวกเขาไม่ต้องการที่จะรองมือรองเท้ารับคำสั่งจากผู้อื่น เว้นแต่จะมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่กำลังพูดถึงตอนนี้คือ พวกเขายินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทนเพื่อขอรับความคุ้มครองจากสำนักหยวนอี

ถอนขนเส้นเดียวสะท้านไปทั้งร่าง*[1]

แม้แต่สำนักหยวนอีก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวตามใจตน

กองกำลังที่ผูกมิตรอันดีกับพวกเขาหาได้อ่อนแอไม่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่กองกำลังที่ทรงพลัง แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นกองกำลังชั้นหนึ่ง แต่มีจำนวนค่อนข้างน้อยนัก

หากสำนักหยวนอีต้องการเคลื่อนไหวจริง ๆ เขาจำต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง

ท้ายที่สุด ยังมีกองกำลังทรงพลังอื่น ๆ ที่เฝ้ามองสำนักหยวนอีอยู่

หากประมาทเพียงเล็กน้อย สำนักหยวนอีอาจถูกกองกำลังทรงอำนาจอื่นยึดครองได้!

กองกำลังในโลกแห่งการฝึกฝนมีความซับซ้อนยิ่ง และทุกอย่างไม่ง่ายเช่นนั้น

ผู้เฒ่าผมขาวไม่ได้บอกเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ตรงหน้า

เพราะพูดเรื่องพวกนี้ไปแล้ว พวกเขาย่อมไม่เข้าใจ

แต่ตามที่ได้สัญญากับผู้ใหญ่เหล่านี้ไว้ พรรคจื่อเสียสามารถรับประกันความปลอดภัยของเด็ก ๆ ได้อย่างแน่นอน

หากพวกเขาทำไม่ได้ พวกเขาก็จะไม่เปิดสำนักและรับลูกศิษย์อีก

มิฉะนั้น การกระทำเช่นนี้ย่อมถือเป็นการหลอกลวงผู้คน

หลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าผมขาวพูด ในใจของผู้ใหญ่หลายคนก็ยังไม่นึกเชื่อมากนัก

เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยในชีวิตลูก ๆ พวกเขา แล้วจะกล้าตัดสินใจง่าย ๆ ได้อย่างไร?

แม้ว่าผู้เฒ่าผมขาวจะพูดไว้ดีมาก แต่สถานการณ์ในพรรคจื่อเสียนั้นย่ำแย่มาก หากมีอะไรเกิดขึ้น ลูก ๆ ของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้!

ในใจของพวกเขา ความปลอดภัยของเด็ก ๆ ต้องมาก่อน อย่างอื่นรองลงมา!

“เช่นนั้นเอาอย่างนี้นะทุกท่าน”

ผู้เฒ่าผมขาวมองไปที่ผู้ใหญ่พลางเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อทุกท่านพาเด็ก ๆ มาที่นี่ เพื่อไม่ให้พวกเจ้ามาเสียเปล่า ข้าจะทดสอบเด็ก ๆ เหล่านี้ก่อน ดูว่าพวกเขามีพรสวรรค์ในการฝึกฝนหรือไม่ หลังจากนั้นยังคงไม่สายเกินไปที่ทุกท่านจะตัดสินใจ”

ผู้ใหญ่ทุกคนหันมองหน้ากัน

ที่ผู้เฒ่าผมขาวพูดมาก็มีเหตุผลมาก

ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะทดสอบก่อนตัดสินใจ

หากพวกเขาไม่มีคุณสมบัติในการฝึกฝน พวกเขาก็ไม่ต้องพิจารณาอะไรเลย

“ตกลง!”

“ลำบากท่านแล้ว!” พวกเขาพยักหน้า

“ทุกคนเข้ามากับข้า ที่ทดสอบอยู่ด้านใน”

ผู้เฒ่าผมขาวเพียงยิ้ม ก่อนจะเดินนำกลุ่มผู้ใหญ่ อ้ายฉานและเด็กคนอื่น ๆ เข้าไปยังพรรคจื่อเสีย

[1] ถอนขนเส้นเดียวสะท้านไปทั้งร่าง อุปมาถึงสิ่งเล็ก ๆ ที่หากขยับจะสามารถส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมได้

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท