เสี่ยวหงกล่าวกระท่อนกระแทนว่า “นายท่าน ต้าเหนียงจื่อ บ่าวพูด บ่าวพูดทุกอย่าง เสิ่นเสี่ยวเหนียงจื่อโกรธแค้นเกลียดชังภรรยาเซี่ยซิ่วไฉมาตลอด ดังนั้นเริ่มแรกนางก็หลอกคุณหนูให้ไปแย่งเซี่ยซิ่วไฉ ต่อมาจางเสี่ยวเหนียงจื่อทะเลาะกับท่านพ่อนางมาที่จวนเรา นางแอบวางยาจางเสี่ยวเหนียงจื่อ คืนวันนั้นที่นายท่านอยู่กับจางเสี่ยวเหนียงจื่อก็เพราะเสิ่นเสี่ยวเหนียงจื่อวางยาจางเสี่ยวเหนียงจื่อกับนายท่าน”
“เสิ่นเสี่ยวเหนียงจื่อทำเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้จางเสี่ยวเหนียงจื่อหัวเราะเยาะนางว่าเป็นอนุ ดังนั้นนางจึงคิดหาทางให้จางเสี่ยวเหนียงจื่อเป็นอนุเหมือนนาง”
เสี่ยวหงเล่ากระท่อนกระแท่นจบ สวี่เซี่ยนเว่ยกับจางเหนียงจื่อก็พลันมีสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด
อนุจวนพวกเขาก็ช่างเหนือฟ้าเสียจริง เริ่มแรกก็มีอนุสวมเขาให้เขา ตอนนี้ก็มีอนุจิตใจดังอสรพิษ และคนผู้นี้ยังมีความแค้นกับลู่เจียวภรรยาเซี่ยซิ่วไฉอีก
สวี่เซี่ยนเว่ยกับจางเหนียงจื่อหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ เสิ่นเสี่ยวเหนียงจื่อผู้นี้เป็นศัตรูของเจ้าหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า ตอบว่า “หากคาดเดาไม่ผิด คนผู้นี้ก็คือเสิ่นซิ่วหญิงหม้ายในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเรา”
พอลู่เจียวกล่าวจบ สวี่เซี่ยนเว่ยกับจางเหนียงจื่อก็มีสีหน้าเขียวปั๊ด อนุบ้านพวกเขาถึงกับเป็นหญิงหม้าย
สวี่เซี่ยนเว่ยส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ ตอนข้านอนกับนางก็เห็นว่าข้างกายนางมีรอยโลหิตแสดงว่านางบริสุทธิ์”
ลู่เจียวค้อนใส่สวี่เซี่ยนเว่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “หากคาดเดาไม่ผิด ตอนนั้นท่านดื่มเมาแล้วกระมัง หรือว่านางไม่มีเวลาหยิบของพรรค์นั้นออกมา อีกอย่างคืนนั้นท่านแตะต้องนางหรือไม่ เดาว่าท่านเองก็คงไม่รู้เช่นกัน”
หากเมาจริง ไม่อาจทำเรื่องพรรค์นั้นได้
สีหน้าสวี่เซี่ยนเว่ยพลันซีดเผือด เขาโมโหจัดหันไปมองเสี่ยวหงตวาดว่า “ก่อนหน้านี้นางสั่งการให้เจ้านำจดหมายไปให้ใครนอกจวนหรือไม่”
เสี่ยวหงพยักหน้าทันที ร่ำไห้กล่าวว่า “นางให้ข้านำความไปบอกพี่ชายนาง ให้พี่ชายนางมาพบนาง เรื่องอื่นบ่าวก็ไม่รู้แล้ว”
หากเป็นไปตามคาดหมาย เสิ่นซิ่วให้ชายหน้าบากนำจดหมายไปให้รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ บอกพวกเขาเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหู ยังบอกพวกเขาว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะจัดการพวกเขาสองคน
รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้รู้เรื่องนี้ ย่อมนำความไปแจ้งคนสี่ตระกูลใหญ่ให้พวกเขาออกหน้าลงมือจัดการเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้รับบาดเจ็บ
ลู่เจียวคิดได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ย่อมคิดได้ สีหน้าเขาเย็นเยียบ แววตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งมองสวี่เซี่ยนเว่ยพร้อมกับกล่าวน้ำเสียงดุดันว่า “รีบแจ้งทางการ ให้ทางการจับตัวหญิงผู้นี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็สำทับอีกประโยคว่า “หญิงผู้นี้ชื่อว่าเสิ่นซิ่ว ไม่เพียงแต่เป็นหญิงหม้ายจากหมู่บ้านตระกูลเซี่ย ต่อมานางยังแต่งงานและมีสามีแล้ว”
สีหน้าสวี่เซี่ยนเว่ยดำคล้ำจนไม่อาจดำไปกว่านี้อีกแล้ว เป็นนานกว่าจะเอ่ยขึ้น “แจ้งทางการ? ไม่ค่อยดีไหม”
เขาไม่อยากให้เรื่องขายหน้าเปิดเผยออกไปจริงๆ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างไม่เกรงใจทันที “สวี่เซี่ยนเว่ยคิดจะปกป้องคนผิดหรือ อย่าลืมนะ คนที่ตายไปก็คือบุตรสาวมือปราบจ้าว แม้ว่าเขาไม่รับบุตรสาวคนนี้ แต่อย่างไรก็เลี้ยงดูเติบโตมา ตอนนี้ถูกคนทุบตาย สวี่เซี่ยนเว่ยยังไม่คิดแจ้งความ หากเรื่องนี้มือปราบจ้าวรู้ มือปราบจ้าวย่อมไม่ยอมเลิกราแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ สวี่เซี่ยนเว่ยกับจางเหนียงจื่อก็ปวดหัวมองจางเสี่ยวเหนียงจื่อด้านหลัง แต่ยามนี้ทั้งสองคนก็แอบนึกเห็นใจหญิงผู้นี้ โดนอสรพิษอย่างเสิ่นซิ่ววางอุบาย นางโชคร้ายพอแล้ว
สวี่เซี่ยนเว่ยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็เห็นด้วยว่าให้ไปแจ้งความ จึงรีบให้คนไปแจ้งความทันที
มือปราบจ้าวพาลูกน้องรีบเร่งเดินทางมาถึง จากนั้นหลูเหนียงจื่อเองก็มาถึง
สองสามีภรรยาและบุตรสาวคนเล็กพวกเขาเห็นจางเสี่ยวเหนียงจื่อตายอนาถ ก็พากันขอบตาแดงก่ำ
หลูเหนียงจื่อกล่าวอย่างเสียใจว่า “ไยนางต้องทำเช่นนี้ ไยต้องเอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่าเช่นนี้ด้วย”
มือปราบจ้าวโมโหกล่าวว่า “นี่เพราะนางทำตัวเอง เห็นอยู่ว่าเป็นแค่คนธรรมดา กลับคิดเทียบตนสูงส่งเทียมฟ้า หากไม่ใช่นางวาดฝันไว้สูง ตอนนี้นางก็ยังมีชีวิตอย่างมีความสุขอยู่”
บุตรสาวคนเล็กมือปราบจ้าวสะอื้นไห้กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่าว่าพี่เหอฮวา จับตัวคนร้ายให้นาง ก็ถือว่าได้แก้แค้นให้นางแล้ว”
มือปราบจ้าวพยักหน้า หันไปมองสวี่เซี่ยนเว่ยสอบถามเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าเรื่องที่เสิ่นซิ่วอนุตระกูลสวี่ทุบจ้าวเหอฮวาตายให้มือปราบจ้าวฟัง
“ท่านจะต้องจับตัวหญิงผู้นี้ หญิงผู้นี้จิตโหดเหี้ยม หากไม่ตามจับตัวให้ได้ เกรงว่าวันหน้าจะก่อเรื่องอีก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ มือปราบจ้าวก็มองเขากล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น ในเมื่อจำหญิงผู้นี้ได้ อวิ๋นจิ่นช่วยข้าวาดรูปนางสักใบได้ไหม”
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นโกรธแค้นเสิ่นซิ่วมาก ดังนั้นไม่อยากวาดภาพหญิงผู้นั้น
ลู่เจียวเห็นก็รีบกล่าวว่า “ข้าวาดเอง ภาพของนางใช่ไหม”
ในฐานะหมอทหาร ลู่เจียวเคยเรียนวิชาวาดภาพร่างคนจริง นางวาดได้เหมือนมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว รู้ว่าลู่เจียวมองออกว่าเขาไม่อยากวาดภาพหญิงผู้นั้น นางจึงได้เอ่ยขึ้นแทน
ลู่เจียวไม่ได้มองมาสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นแม้แต่น้อย นางไม่ได้ให้สวี่เซี่ยนเว่ยไปหาเครื่องเขียนมา แต่เข้าไปในครัวหาก้อนถ่านเรียวเล็กมาชิ้นหนึ่ง เริ่มวาดภาพร่างของเสิ่นซิ่ว
เพราะเอาแค่หน้าเหมือน ดังนั้นจึงวาดเสร็จอย่างรวดเร็ว
ในห้องคนที่รู้จักเสิ่นซิ่ว ต่างพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ นางหน้าตาแบบนี้ เหมือนมาก”
มือปราบจ้าวยื่นมือออกไปรับภาพเหมือนมา กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ข้าจะหาทางรีบจับตัวนางมาให้เร็วที่สุด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นดึงมือปราบจ้าวไปอีกทาง กระซิบเตือนมือปราบจ้าวว่า “ข้างกายนางมีผู้ชายใบหน้ามีรอยมีดบาก นี่คือเบาะแส อีกอย่างก่อนหน้านี้นางใช้ให้ชายหน้าบากไปส่งจดหมายให้รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ หากข้าคาดเดาไม่ผิด ครั้งนี้นางหนีไป ไม่แน่จะไปหาทั้งสองคน ท่านลองแอบจับตาดูคนสองคนนี้ไว้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็เตือนมือปราบจ้าวว่า “ท่านอย่าได้เชื่อใจพวกมือปราบข้างกายท่านพวกนั้น แอบสืบเรื่องพวกนี้เองจะดีกว่า”
มือปราบจ้าวพยักหน้ารับคำด้วยความรู้สึกหนักหน่วง
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
เขากล่าวจบก็หันไปสั่งการให้ลูกน้องมือปราบพาร่างบุตรสาวตนเองไปห้องเก็บศพ มือปราบด้านหลังรีบกล่าวว่า “มือปราบจ้าว สาวใช้ประจำตัวเสิ่นเสี่ยวเหนียงจื่อและจางเสี่ยวเหนียงจื่อควรนำตัวไปขังคุกที่ว่าการอำเภอด้วย พวกนางคือพยานในคดีนี้”
มือปราบจ้าวรีบหันไปมองมือปราบข้างๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย “จูเอ้อร์ ข้าทำงานไม่ต้องให้เจ้ามาสอน”
จูเอ้อร์ผู้นี้เขาเป็นคนแนะนำมาเป็นมือปราบที่ว่าการอำเภอ ปรากฏว่าพวกเขากลับถูกซื้อตัวไปแล้ว มือปราบจ้าวรู้สึกหนาวเหน็บในใจอย่างมาก
มือปราบจ้าวกล่าวจบก็ไม่ได้สนใจจูเอ้อร์ แววตานิ่งเยียบเย็นมองมือปราบด้านหลังตนเอง กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้คนที่นำตัวกลับไปถูกฆ่าตายหมด สองคนนี้ข้ายังไม่พากลับไปตอนนี้ ให้ตระกูลสวี่ดูแลพวกนางก่อน”
สวี่เซี่ยนเว่ยรีบกล่าวว่า “พวกเราจะดูแลพยานให้อย่างดี มือปราบจ้าววางใจได้”
มือปราบจ้าวรับคำเบาๆ เสียงหนึ่งก่อนพาคนนำศพกลับไป มือปราบด้านหลังไม่คิดจากไป แต่เห็นหัวหน้าไปแล้ว ก็ได้แต่ตามไป