ทันทีที่กู้ตงกลับมายังบริษัทก็วิ่งตรงไปยังห้องทำงานของหลินเยวียนทันที สีหน้าบอกไม่ได้ว่าดีใจหรือกังวล “ตัวแทนหลิน วันนี้มีออเดอร์ใหม่มา พวกเขายินดีให้คุณเลือกนักร้องและเข้าร่วมการอัดเพลงค่ะ”
“อ้อ”
ปฏิกิริยาตอบสนองของหลินเยวียนเรียบเฉยเฉกเช่นที่ผ่านมา เพราะเขามีปัญหาที่น่าเป็นห่วงมากกว่า “เท่าไหร่ครับ”
กู้ตงสีหน้าชะงักค้าง
เธอหยิบเอกสารที่ผู้ว่าจ้างส่งมาให้ พูดงึมงำว่า “ราคายังไม่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการค่ะ เพราะฉันคิดว่าออเดอร์นี้ค่อนข้างยาก พวกเขาให้เวลาเราทำงานหนึ่งเดือน…”
ในตอนนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
กู้ตงวางออเดอร์ไว้บนโต๊ะ เอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ “ขอรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ”
หลินเยวียนพยักหน้า
สายนี้โทรมาจากฟ่านหลงเหอ
เพราะเซี่ยนอวี๋เขียนเพลงออกมาได้หรือไม่นั้น ได้เกี่ยวโยงไปถึงอนาคตของฟ่านหลงเหอระดับหนึ่งแล้ว
ฉะนั้นฟ่านหลงเหอจึงให้ความสำคัญมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อต่อสายติดก็เอ่ยถามขึ้นอย่างรีบร้อน
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋รับออเดอร์หรือเปล่าครับ”
“ฉันเพิ่งถึงบริษัท…”
“งั้นคุณช่วยรีบถามให้ผมตอนนี้เลยได้มั้ยครับ!”
กู้ตงพูดอย่างกระอักกระอ่วน “เดี๋ยวฉันถามให้นะคะ อีกเรื่องหนึ่งอาจจะเสียมารยาทสักหน่อย แต่อยากทราบว่าทางบริษัทคุณยินดีจ่ายให้ออเดอร์นี้เท่าไหร่เหรอคะ”
“สอง…ไม่…สามล้าน!”
ฟ่านหลงเหอกัดฟัน “นี่เป็นราคาสูงสุดที่ผมตัดสินใจเองได้ ถ้าบริษัทคุณไม่พอใจ ผมจะต้องไปคุยกับหัวหน้าเบื้องบนแล้ว แต่ความหวังมีไม่มากนะครับ ถึงยังไงสามล้านก็เป็นราคาที่สูงมากในท้องตลาดแล้ว แถมพวกเราต้องการแค่ลิขสิทธิ์ของเพลงซาวด์แทร็ก!”
ฟ่านหลงเหอสู้สุดชีวิตจริงๆ ถึงขั้นที่ลดขั้นตอนการต่อรองราคาไปเลย เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก!
กู้ตงได้ยินราคานี้ หัวใจก็เต้นระรัว!
ตั้งแต่เธอทำงานมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับผู้ว่าจ้างที่กระเป๋าหนักขนาดนี้!
ไม่สิ
ต้องบอกว่า ตั้งแต่บริษัทย่อยก่อตั้งขึ้นมา นี่น่าจะเป็นออเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดที่ได้รับมา ชั่วขณะนั้นกู้ตงแทบอยากตอบตกลงไปเดี๋ยวนั้น ทว่าเธอเองก็เข้าใจว่าเมื่อราคายิ่งสูง มาตรฐานก็สูงตามไปด้วย อีกฝ่ายก็ดันให้เวลาแค่เดือนเดียวอีก…
สายตาของเธอซับซ้อน เอ่ยขึ้นราวกับขอคำยืนยัน “สามล้าน?”
หลินเยวียนเงยหน้าขึ้นมองกู้ตง รีบตอบไปทันใด “ผมรับครับ”
ทันใดนั้นกู้ตงเบิกตากว้างจ้องมองเขา ปิดหูโทรศัพท์ไว้ เสียงสั่นเครือเล็กน้อย พยายามกดเสียงให้เบาลง “แต่ตัวแทนหลินยังไม่ได้อ่านรีเควสในเพลงของเขาเลยนะคะ แล้วพวกเขาก็ให้เวลาเดือนเดียว คุณลองดูก่อนว่าเหมาะสมหรือเปล่า…”
“เหมาะสมครับ”
หลินเยวียนเอ่ย
เมื่อเห็นว่ากู้ตงจ้องตนเขม็ง หลินเยวียนจึงเอื้อมไปหยิบเอกสารมากวาดตามอง ผ่านไปสามวินาที เขาถึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“เหมาะสมครับ”
คุณใช้เวลาอ่านไปสามวินาทีเองนะ!
กู้ตงยกมือขึ้นคลึงขมับอย่างอดไม่ไหว
แต่ไหนๆ หลินเยวียนก็บอกแบบนี้แล้ว เธอก็ทำได้เพียงคลายมือออกจากโทรศัพท์อย่างยอมรับโชคชะตา คุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด พลางตอบฟ่านหลงเหอไป “อาจารย์เซี่ยนอวี๋รับค่ะ”
“ครับ!”
ฟ่านหลงเหอตื่นเต้นอยู่บ้าง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเซี่ยนอวี๋เขียนเพลงที่ดีกว่าออกมาได้ไหม แต่เมื่อเขารับออเดอร์แล้วก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อยตนก็ยังพอมีคุณสมบัติจะไปฟาดฟันกับหลัวฉีได้!
สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ หลินเยวียนเห็นว่าเวลากระชั้นเกินไป และไม่คิดจะรับออเดอร์ด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ต้องให้หลัวฉีลงมือหรอก ตนก็แค่นอนรอรับคำเยาะเย้ยถากถาง จะไปดิ้นรนทำไมอีกล่ะ
“จริงสิ!”
จู่ๆ เขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงรีบร้อนกล่าวว่า “ผมจะส่งนักเขียนเนื้อเพลงไปสมทบด้วย เพราะเราต้องการเพลงภาษาฉี อาจารย์เซี่ยนอวี๋อาจไม่คุ้นเคย…”
“ได้ค่ะ”
กู้ตงพยักหน้าเห็นด้วย หันไปมองหลินเยวียน ก่อนจะกัดฟันถามออกไป “ถ้าอย่างนั้นเราเซ็นสัญญากันพรุ่งนี้ใช่มั้ยคะ”
“เซ็นเย็นนี้ก็ได้ครับ”
ฟ่านหลงเหอรีบร้อนกว่าที่กู้ตงคิดไว้
“ก็ได้ค่ะ”
กู้ตงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแม้แต่นิดเดียว หลังจากเธอวางสาย ในใจก็รู้สึกปั่นป่วนไปหมด มองหลินเยวียนพลางเอ่ยว่า “ตัวแทนหลินคุณแน่ใจจริงๆ ใช่มั้ยคะ สัญญาขนาดใหญ่แบบนี้ต้องใส่เงื่อนไขค่าชดเชยหากผิดสัญญา ถ้าเขียนเพลงที่เหมาะออกมาไม่ได้พวกเราก็จบเลยนะคะ…”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนตอบเพื่อเป็นการยืนยัน
เขารู้ว่ากว่าบริษัทจะได้ออเดอร์มาไม่ง่ายเลย ดังนั้นสำหรับออเดอร์นี้ เขาเองก็ค่อนข้างให้ความสำคัญ ถึงยังไงเงินเดือนเดือนนี้ก็เข้าบัญชีมาแล้ว คลังสมบัติของเขาในตอนนี้มีเงินทุนกองพะเนิน สามารถพูดได้ว่ามีเหลือเฟือให้รับมือกับทุกสถานการณ์
……
เย็นวันนั้น ฟ่านหลงเหอพาคนอีกกลุ่มหนึ่งมาเซ็นสัญญาที่บริษัท
นี่เป็นออเดอร์ขนาดใหญ่ราคาสามล้านหยวน เพราะฉะนั้นลำพังเงินชดเชยค่าผิดสัญญาก็ปาไปสามแสนหยวนแล้ว!
ถ้าหากกออเดอร์นี้ไม่สำเร็จ สตาร์ไลท์มิวสิกจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายสามแสนหยวน!
เป็นการเดิมพันที่บ้าบิ่นครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้!
มือของกู้เฉียงอวิ้นซึ่งเซ็นสัญญานั้นสั่นเทิ้ม
ถ้าออเดอร์นี้ล้มเหลว บริษัทซึ่งเดิมทีก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็ต้องถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดยิ่งกว่าเดิม!
เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จ
ฟ่านหลงเหอกวาดตามองไปรอบๆ เอ่ยถามว่า “ผมขอพบอาจารย์เซี่ยนอวี๋หน่อยได้ไหม”
กู้ตงตอบ “เขากลับบ้านไปแล้วค่ะ”
ครั้งนี้ไม่ใช่การเลิกงานก่อนเวลาแต่อย่างใด หลินเยวียนกลับบ้านตรงตามเวลาเลิกงาน กู้ตงไปส่งเขาด้วยตนเอง
ฟ่านหลงเหอพยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ตามนั้นครับ ออเดอร์นี้ ฝากด้วยนะครับ”
“วางใจเถอะครับ อาจารย์เซี่ยนอวี๋ฝีมือดีมาก”
กู้เฉียงอวิ้นรับปากเป็นมั่นเหมาะ
ไม่ใช่เพราะกู้เฉียงอวิ้นเชื่อมั่นในตัวเซี่ยนอวี๋อย่างเต็มเปี่ยม
ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้เขาก็พูดแบบนี้กับผู้ว่าจ้างทุกคน
แม้ว่าความกังวลของเขากำลังจะล้นทะลักออกมาอยู่รอมร่อ แต่จะให้ผู้ว่าจ้างมองเห็นความไม่มั่นใจของตนไม่ได้!
หลังจากฟ่านหลงเหอกลับไป กู้เฉียงอวิ้นก็หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ เอ่ยด้วยใบหน้าซีดเผือดว่า “จะทำยังไงกับออเดอร์นี้ดี เวลากระชั้นเกินไปแล้ว กู้ตงลูกไปหางานหินมาแล้ว แต่ถ้าไม่รับ พ่อก็กลัวว่าต่อไปก็คงไม่มีโอกาสนี้แล้ว รับมาแล้วก็กลัวว่าจะหนักจนแบกไม่ไหว ลูกไม่น่านึกขึ้นมาได้เลยว่ามีออเดอร์พรรค์นี้อยู่ด้วย…”
“กัดฟันทำไปก่อนเถอะค่ะ”
กู้ตงผ่อนลมหายใจแผ่วเบา เธอเองก็เสียใจที่เสนอเรื่องนี้กับหลินเยวียนเช่นเดียวกัน แต่เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะย้อนเวลาไปก็คงจะไม่ได้ล่ะมั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน
ข่าวว่าหลินเยวียนเซ็นสัญญาใหม่ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งบริษัท ในกลุ่มแช็ตใหญ่เริ่มเปิดประเด็นกันอย่างคึกคัก
‘ออเดอร์สามล้าน! ต้องทำเสร็จภายในหนึ่งเดือน?’
‘สมแล้วที่ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นบริษัทใหญ่ แค่ออเดอร์เดียวก็มากกว่าออเดอร์ก่อนๆ ของเราแล้ว แต่เดือนเดียวนี่แน่ใจใช่มั้ยว่าไม่ได้ล้อเล่น?’
‘เป็นท้อแท้เลย!’
‘เดือนเดียวเองเหรอ ตัวแทนหลินจะเขียนเพลงราคาสามล้านหยวนออกมา แถมยังต้องตรงตามรีเควสอีก พวกนายคิดว่ามีหวังมากแค่ไหน’
‘50%?’
‘เพื่อนเอ๊ย นายมันมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว ถ้า50%ก็ดีน่ะสิ ฉันว่า30%ยังไม่ถึงด้วยซ้ำ เงินค่าชดเชยสามแสนเลยนะ ถ้าออเดอร์นี้ไม่สำเร็จ หลังจากนี้บริษัทจะทำยังไง…’
‘พอได้แล้ว ยิ่งพูดยิ่งกลัว บริษัทจะล้มละลายแล้ว พวกเราก็จะตกงานใช่มั้ย? ฉันว่าโอกาสสำเร็จของตัวแทนหลินมีแค่10%’
‘ถ้าออเดอร์นี้สำเร็จ บริษัทก็รับเต็มๆ ต่อให้พวกเรารีๆ รอๆ ไปอีกสองสามเดือนก็ไม่ใช่ปัญหา! ว่ากันว่าพ่อเพลงไม่เปิดออเดอร์ไปสามปี เปิดอีกทีก็อยู่ได้ไปสามปี ตอนนี้ตัวแทนหลินก็พอจะใกล้เคียงกับพ่อเพลงอยู่นะ!’
‘ใครก็ได้ตบเรียกสติเขาที’
‘ทุกคนอย่าเพิ่งโทษว่าตัวแทนหลินหุนหันพลันแล่น เขาเองก็คงร้อนใจเหมือนกัน เลยเซ็นสัญญาออเดอร์นี้ไปล่ะมั้ง ยังไงคนที่จะตอบรับเงื่อนไขของเขาก็มีไม่มาก ถึงฉันจะรู้สึกว่าออเดอร์นี้เสี่ยงมาก แต่ลองคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว ถ้าธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์เอาเงินสามล้านมาฟาดหน้าแล้วบอกให้ฉันเขียนเพลง ฉันเองก็คง…ไม่กล้ารับจ้า!’
‘เฮ้อ’
‘ปัญหาไม่ใช่ไม่กล้ารับ ที่สำคัญคือไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น ยิ่งไม่มีความสามารถแล้ว ให้เขียนเพลงราคาสามล้านภายในเดือนเดียว ต่อให้มือทองจะแข็งแกร่งก็เถอะ แต่นี่เป็นการสั่งทำด้วย คงถูกรีเควสต่างๆ นานาตีกรอบจนปวดหัวแน่’
‘…’
จิตใจของผู้คนในบริษัทล้วนขัดแย้งและซับซ้อน
ด้านหนึ่งทุกคนก็ตื่นเต้นกับออเดอร์ราคาสามล้าน อีกด้านหนึ่งกลับกังวลว่าออเดอร์จะไม่สำเร็จ
อย่างแรกเป็นเพียงการปลอบประโลม ก็ดูสิ บริษัทเล็กๆ แสนซอมซ่ออย่างเราก็มีวันที่ได้ออเดอร์ราคาสามล้านหล่นทับกับเขาด้วย!
อย่างหลัง มีความเป็นไปได้สูงมาก ไม่รู้ว่าผู้จัดการเตรียมเงินค่าชดเชยสามแสนหยวนเอาไว้หรือยัง
พวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะตั้งแง่กับหลินเยวียน เพลงยุทธจักรยิ้มเย้ยได้พิสูจน์หลายเรื่องแล้ว
แต่ว่า ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตัวแทนหลินจะใช้ความเร็วระดับที่ชวนขนหัวลุกทำเพลงยุทธจักรยิ้มเย้ยสำเร็จ แต่คนที่พอจะมีสติสัมปชัญญะก็ย่อมรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากเหตุผลใด การสร้างสรรค์เพลงสำเร็จด้วยความเร็วระดับนั้นเป็นข้อยกเว้น!
การเขียนเพลงเป็นงานละเอียดอ่อน
ออเดอร์ราคาสามล้านย่อมมีมาตรฐานของคุณภาพเพลงที่สูงมาก ทำเพลงระดับนี้ภายในหนึ่งเดือนจัดว่าเป็นความยากระดับนรกเชียวนะ!
…………………………………………………..