ตอนที่ 921 ความทรงจำ
ซ่งอิงคุ้นเคยกับแนวทางจำพวกนี้เป็นอย่างดีแล้ว เมื่อมีผู้ที่มาจากสวรรค์ ก็จะจับพวกเขาโยนเข้าไปในช่องว่างระหว่างมิติโดยทันที ไม่เหลือทางให้หนีรอดเลยสักนิด
ส่วนสมบัติล้ำค่า
ซ่งอิงมองดูไข่มุกที่ลอยอยู่นี้ ก่อนจะบีบมันแตกโดยไม่ลังเล
สองเดือนนี้ที่อยู่เมืองหลวง นางไม่ได้อยู่อย่างว่างงาน ฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่องว่างระหว่างมิติแทบทั้งวันทั้งคืน นางแอบรู้สึกรางๆ ว่าอีกไม่นานพลังปีศาจที่ผนึกไว้ก็จะไม่ถูกกีดกันยามอยู่ภายนอกอีกแล้ว
เสร็จสิ้นจากการร่วมงานแต่งของซ่งฉวิน ซ่งอิง ฮั่วเจ้ายวนและครอบครัวซ่งคนอื่นๆ ก็กลับเมืองยงไปพร้อมกัน
พวกเขาพาฮั่วหลินไปอยู่ที่จวนตระกูลฮั่วที่อำเภอหลี่โดยตรง
เท่าที่คนภายนอกรับรู้คือ ทั้งครอบครัวมีกันสามคน
ช่วงกลางดึก ตัวซ่งอิงอยู่ในช่องวางระหว่างมิติ พระจันทร์สีเงินลอยเด่นบนท้องฟ้า พลังหลิงชี่ไหลเวียนอย่างไม่ขาดสาย ซ่งอิงรู้สึกเพียงว่าแสงสีเงินค่อยๆ แทรกซึมเข้ากาย
ในหัวค่อยๆ ปรากฏภาพที่คุ้นตาและไม่คุ้นตามากมาย
…
ในภาพที่ปรากฏ มีช่วงหนึ่งที่นางเป็นมังกร กำลังโบยบินอยู่ในโลกปีศาจ ซึ่งวันนั้นนางบินผ่านทะเลชาง ก่อนจะถ่อไปถึงถิ่นของโลกเทพ นางเห็นว่าบนขุนเขาผูอิ่งมีเทพเซียนสองคนต่อสู้กันอยู่
ทั้งสองคนนี้รูปลักษณ์หน้าตาดีมากจริงๆ ผู้หนึ่งดูเคร่งขรึมสง่างามและดูจิตใจสะอาดสะอ้านมาก ส่วนอีกผู้หนึ่งคิ้วตาคมเฉี่ยว ดูเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง
น่าสงสารที่นางในร่างมังกรออกจะมีความเจ้าชู้อยู่มาก ดังนั้นขณะมองบุรุษทั้งสองที่ดูรูปงามเพียงนี้ จึงรู้สึกน้ำลายสอเล็กน้อย
น้ำลายนางไหลตกสู่พื้น
เทพเซียนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันจึงหยุดลง เช็ดน้ำลายมังกรที่อยู่บนใบหน้า ก่อนจะเผยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจยามเห็นนาง
นางรู้สึกขายหน้า จึงบินวนอยู่บนท้องฟ้าหนึ่งรอบ จากนั้นจึงร่อนลงไป
เดิมทีนางเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ตามใจชอบ ช่วงหลายปีนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจมีภาพลักษณ์ที่รุ่งเรืองและบริสุทธิ์ ดังนั้นนางจึงหน้าตาเหมือนสาวน้อยน่ารักคนหนึ่ง ดูแล้วไม่มีพิษมีภัยเป็นพิเศษ
“ข้าเห็นว่าพวกท่านทั้งสองต่อสู้กันอย่างยากลำบาก จึงส่งยาดีให้พวกท่านสักหน่อย เป็นอย่างไร น้ำลายมังกรนี้เป็นถึงสิ่งที่ผ่านการบำเพ็ญเพียรมาเนิ่นนานกว่าจะได้มาเชียวนะ…” นางกล่าวอย่างหน้าไม่อาย
ทั้งสองคนสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เจ้าเป็นใคร บังอาจบุกเข้ามายังขุนเขาผูอิ่ง!” เซียนที่ดูงุ่นง่านเล็กน้อยผู้นั้นกล่าวกับนาง
ออกมาข้างนอก นางไม่สะดวกบอกกล่าวชื่อของตนเอง อีกทั้งชื่อเสียงนางยังเป็นที่รู้จักโดยทั่ว นางกวาดตามอง เห็นว่าที่ช่วงเอวของชายที่อยู่ด้านหลังมีพู่[1]สีแดง จึงยิ้มแล้วกล่าว “เรียกข้าว่าอาอิงก็ได้”
อิง อิ๋ง อ่านแล้วก็คล้ายๆ กัน ไม่ถือว่าเป็นการโกหก
อีกฝ่ายยังคงไม่ได้ดูอารมณ์ดีขึ้นมาแต่อย่างใด
โดยเฉพาะคนที่ดูเกรี้ยวกราดผู้นั้น ถึงขั้นลงมือต่อสู้กับนางขึ้นมา
ท่วงท่าในการต่อสู้นั้น ดวลกันจนหน้ามืดตาลาย…ไม่สิ กล่าวให้ถูกคือเป็นอีกฝ่ายที่หน้ามืดตาลาย เดิมทีนางก็คือจักรพรรดิปีศาจ เกิดมาแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีร่างเป็นมังกร เทพเซียนระดับคนผู้นี้จะสู้ได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่าสองคนนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน
ในความทรงจำ นางและทั้งสองคนนี้ถูกคอกันในภายหลัง
ดื่มสุราด้วยกัน ฝึกดาบด้วยกัน เพียงแต่ฟ่านโยวนิสัยร่าเริงสดใส จึงพูดคุยกับนางเยอะ ผิดกับชางเวยผู้นั้น เอาแต่เก็บตัวและพูดน้อยมาก ถามคำตอบคำ ไม่พูดมาก มีหลายครั้งที่นางและฟ่านโยวล้อเล่นกันอย่างมีความสุข ชางเวยกลับคอยมองอยู่จากไกลๆ
นางรู้สึกว่าชางเวยน่าจะเป็นเทพเซียนที่เปลี่ยนร่างมาจากหิน และคิดไม่ถึงเลยว่านางทายถูกเสียด้วย เพียงแต่หินก้อนนี้เก่งกาจมาก ทั้งยังเป็นหินแม่น้ำเจิ้นที่อยู่ในทางช้างเผือกของโลกเทพเซียน หล่อเลี้ยงโดยน้ำทิพย์ของโลกเทพเซียนและได้รับพรสวรรค์มากเป็นพิเศษ
เห็นลักษณะของชางเวยที่เป็นเทพเซียนจิตใจดีงาม นางในภาพนั้นจึงมอบดาบแห่งความเมตตาที่หลอมจากร่างมังกรของนางให้กับเขา เข้ากับพู่ของเขาพอดี
ในภาพจำนวนนับไม่ถ้วนพวกนี้ นางเคยประสบเรื่องราวมากมาย มีทั้งที่ก่อนรู้จักสองคนนี้และหลังจากนั้นก็มีเช่นกัน
เพียงแต่ว่าเวลาส่วนใหญ่ค่อนข้างน่าเบื่อ บางครั้งก็กำลังหลับสนิท บางครั้งก็อยู่ในร่างมนุษย์ เกิดแก่เจ็บตาย
หลังจากสละร่างมังกร นางก็กลายเป็นมนุษย์ มิหนำซ้ำยังปิดผนึกความทรงจำไว้เป็นการเฉพาะ ถ่อไปยังโลกมนุษย์ เผชิญประสบการณ์อย่างโชกโชน
ประสบการณ์ที่เผชิญในตอนนั้นเป็นสงครามโลกเทพและโลกภูตผีปีศาจชั่วร้าย มนุษย์ในโลกต้องบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เพื่อนสนิทมิตรสหายในโลกมนุษย์ของนางก็ตายจากหมดถ้วนหน้า
นางโกรธมาก
ตอนที่ 922 ฟื้นฟู
ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ความทรงจำเยอะแยะมากมายทำให้นางรู้สึกเหมือนจะสมองระเบิด
ในสมองของนาง นางโกรธมากที่เทพและปีศาจร้ายลงมืออย่างกำเริบเสิบสานตามใจชอบ ดังนั้นจึงตกลงกับราชันปีศาจทั้งสิบจัดการแบ่งแยกการเชื่อมโยงของสองสามโลกนี้ให้ขาดออกจากกัน ชางเวยและฟ่านโยวอยู่ในตำแหน่งไม่ธรรมดา ซึ่งพวกเขาก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน
นางทุ่มเทสุดพลังความสามารถและสละของล้ำค่าไปเกือบหมดเกลี้ยง ร่วมมือกับทุกคนผนึกโลกปีศาจร้ายไว้ในเหวลึก ให้ออกมาอีกไม่ได้ตลอดกาล จากนั้นก็ตามมาด้วยโลกเทพและโลกปีศาจอย่างพวกนาง…
ในช่วงเวลาสำคัญ…
ซ่งอิงแววตาเย็นชา เบิกดวงตาโต
ฟ่านโยว
ไอ้สารเลวที่หักหลังนาง
เมื่อก่อนมองไม่ออก ไอ้ชาติหมาผู้นั้น ที่แท้ก็เป็นคนโลภมากไม่รู้จักพอ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนขี้ขลาดคิดจะเอาเปรียบกัน!
ซ่งอิงจำได้เพียงว่าในภาพฉากนั้น ฟ่านโยวตลบหลังนาง เกือบทำให้ความพยายามทั้งหมดของนางพังทลายลง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ชางเวยเป็นฝ่ายกู้สถานการณ์ ทำให้ความพยายามของนางไม่ต้องพังทลายลง
แต่ชางเวยเองก็โหดเหี้ยมเช่นกัน ในช่วงวิกฤตินั้นเขาเลือกที่จะช่วยโลกมนุษย์ ไม่ได้ช่วยนาง…
ซ่งอิงนวดหว่างคิ้ว ถึงแม้กล่าวเช่นนี้ แต่อันที่จริงในใจนางก็ค่อนข้างพอใจไม่น้อย เปลืองพลังและความพยายามอย่างมากกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ หากชางเวยช่วยนางจนทำให้ความพยายามที่ผ่านมาสูญเปล่า นางคงจะโกรธจัดทันทีแน่
อย่างไรเสียก็ไม่มีสมบัติล้ำค่าและการฝึกฝนที่เริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้มากมายขนาดนั้น
เมื่อได้รับความทรงจำมากมายเพียงนั้น ซ่งอิงจึงปวดหัวมาก อีกทั้งพลังปีศาจหล่อหลอมเข้ากับร่างกาย ถึงแม้ยังไม่ได้ซึมซับทั้งหมดเสียทีเดียว แต่ก็จำเป็นต้องมีกระบวนการปรับตัวให้คุ้นเคย นางจึงออกไปพูดคุยกับฮั่วเจ้ายวนสักหน่อย หลังจากนั้นก็เก็บตัว
และนางเพิ่งได้รับพลังปีศาจ ทั้งช่องว่างระหว่างมิติจึงเปลี่ยนไป
ในอดีตอาจกล่าวได้ว่าที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เล็กๆ แต่ตอนนี้เมื่อมองดูก็แทบจะเหมือนโลกภายนอกไม่ผิดเพี้ยน ทั้งยังงดงามตระการตากว่ามาก
ในชั่วพริบตาเดียว ไม่นึกเลยว่าจะมีภูเขาและป่าทึบปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ ตามพื้นดินมีหน่อพืชพันธุ์สีเขียวจางๆ โผล่ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ลักษณะของหน่อสีเขียวเหล่านี้ไม่เคยปรากฏให้เห็นภายนอกมาก่อน มันก็คือเศษซากสิ่งมีชีวิตที่มีหลงเหลืออยู่ในโลกปีศาจ
ในตอนนี้ บนต้นวัฏจักร แสงกลมๆ ของลั่วเจินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
มันกลายเป็นร่างเดิมซึ่งเหมือนกับแกะ แต่ก็มีบางจุดที่ไม่เหมือนกัน ใต้ฝ่าเท้าเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ หลังจากมองเห็นซ่งอิงก็โน้มตัวลงมาทันที “องค์จักรพรรดิ”
“ตื่นแล้วหรือ” ซ่งอิงมองนางแวบหนึ่ง “บำเพ็ญเพียรให้ดีล่ะ ไว้เจ้าฟื้นฟูดีแล้ว จะพาเจ้าไปเล่นกับฟ่านโยวที่โลกเทพ”
“เจ้าค่ะ” ดวงตาของลั่วเจินฉายความเคียดแค้นเล็กน้อย “ตอนนั้นเป็นข้าที่ผิดเอง ถูกเขาบีบบังคับให้ดื่มสุราจึงเอ่ยพูดอะไรผิดๆ ไป ไว้ข้าแก้แค้นเสร็จสิ้นแล้ว ท่านจะลงโทษเช่นไรล้วนทำได้ตามที่ท่านต้องการ”
“อืม” ซ่งอิงส่งเสียงตอบ
ตอนนี้นางมีความทรงจำแล้ว ย่อมนึกถึงเรื่องราวในตอนแรกนั้นขึ้นมาได้แล้วเช่นกัน
ลำพังฟ่านโยวผู้เดียว จะสังหารจักรพรรดิปีศาจอย่างนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น หลักๆ คือลั่วเจินไม่รู้ความ พอมีความรักแล้วก็ถอดสมองไปหมด วันๆ เอาแต่มองว่าฟ่านโยวรูปงาม ทั้งยังเป็นเพราะฟ่านโยวและนางถือเป็นสหายที่ดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ระแวดระวังเลยแม้แต่น้อย บอกจุดอ่อนของซ่งอิงไปหมดเปลือก
ความแข็งแกร่งของนางเกี่ยวข้องกับข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์
เมื่อถึงเวลาพระจันทร์เสี้ยว พลังของนางจะอ่อนแอลง ดูเหมือนไม่ค่อยมีแรง อีกทั้งส่วนใหญ่ปีศาจก็ต้องบำเพ็ญเพียรคู่กับแสงจันทร์ คิดจะแยกโลกปีศาจและโลกมนุษย์ออกจากกันโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าต้องรอกระทั่งช่วงเวลาที่แสงจันทร์อ่อนที่สุด
ฟ่านโยวรู้เรื่องนี้ ทั้งยังลอบบำเพ็ญตบะสร้างสมบัติล้ำค่าที่ควบคุมนางได้ขึ้นมา ดังนั้นจึงโจมตีนางได้เต็มที่ในครั้งเดียว
และเป็นนางเองที่ตอนนั้นมุ่งความสนใจไปที่เรื่องใหญ่เท่านั้น จึงไม่ได้สนใจเจ้าหนุ่มคนนี้
ตอนนี้ลั่วเจินมองดูไร้ชีวิตชีวา และไม่ได้มีความมั่นใจในตนเองเท่ากับในความทรงจำปานนั้น
ตอนนี้นางเป็นเพียงวิญญาณปีศาจ ไม่ทรงพลังแข็งแกร่งเช่นซ่งอิง ดังนั้นยังต้องฝึกฝนให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างของปีศาจขึ้นมาสักร่างจึงจะใช้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โลกปีศาจฟื้นฟูแล้ว ขอเพียงนางฝึกฝนเป็นร่างกระดูกปีศาจลักษณะเดิมที่เคยเป็นก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ขอเพียงอย่าคิดสั้นไปฝึกฝนเป็นร่างมังกรเป็นพอ