ตอนที่ 923 ยากที่จะชดใช้คืน
ครั้นลั่วเจินตื่น เทพเซียนสองตนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเล็กน้อย
ลั่วเจินปรายตามองพวกเขาปราดหนึ่ง ในแววตาปรากฏความรังเกียจชัดเจนชั่ววูบ
เมื่อก่อนนางรู้สึกว่าบุรุษล้วนเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด แข็งแกร่งเป็นที่พึ่งพิงได้ การมีความสุขไปด้วยกันจึงเป็นเรื่องที่ให้ความสุขที่สุดในโลก แต่เมื่อนางนึกถึงฟ่านโยว ไม่นึกเลยว่าเขาจะใช้ความรักของนางทำให้นางกลายเป็นความอัปยศอดสูของเผ่าพันธุ์ปีศาจ นางจึงอยากจะกินเลือดกินเนื้อเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
เพียงแต่ว่านางก็รู้ว่าแม้จักรพรรดิปีศาจดูเหมือนใจร้ายใจดำ ทว่าความเป็นจริงมีจิตใจดีงาม หากจักรพรรดิปีศาจคิดจะฆ่าเทพเซียนสองตนนี้จริง มีหรือจะปล่อยเอาไว้ถึงตอนนี้
กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา ในไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีสักวันที่นางได้แก้แค้นฟ่านโยว!
ซ่งอิงซ่อนพลังปีศาจได้ บัดนี้ถึงแม้ฟื้นคืนมากแล้ว คนของโลกเทพก็ยังมองไม่ออก
เทพเซียนพวกนี้ถูกส่งลงมาต่อเนื่อง แต่กลับไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อันใด และเมื่อพวกเขามองดูพลังปีศาจที่อยู่บนกายกู้หมิงเป่าอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้ยังหลบซ่อนบ้างเปิดเผยบ้าง ทว่าบัดนี้ถึงขั้นเหมือนว่าไม่ปรากฏเลย
คิดไปคิดมา เรื่องนี้จึงตกมาอยู่ที่ตัวเทพชางเวย
ในสายตาพวกเขา อย่างไรเสียเทพชางเวยก็เป็นเทพรุ่นใหญ่จากยุคโบราณกาล อีกทั้งเก็บดาบแห่งความเมตตาเอาไว้เล่มหนึ่งในร่างกาย ดาบเล่มนั้นมีพลังหลิงชี่มหาศาล อีกทั้งได้รับการหล่อเลี้ยงจากกระดูกเทพตั้งหลายปีขนาดนี้ การสังหารปีศาจจึงเป็นเรื่องง่ายดายใน กระทั่งแม้แต่ปราณจากตัวเขายังทำให้ปีศาจเห็นก็เกิดความกลัว ไม่ต้องเรียกดาบนี้ออกมาก็ทำให้วิญญาณปีศาจกระเจิงได้
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล
ขอเพียงในโลกมนุษย์สงบสุขก็เป็นพอ ในเมื่อพลังปีศาจนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เช่นนั้นก็ช่างมันแล้วกัน
ส่วนเทพเซียนที่หายตัวไป โลกเทพมีหรือจะคิดอะไรมากมาย
เทพเซียนพวกนี้เดิมทีก็ไปมาอย่างไรร่องรอย ชนิดที่เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อนก็มีพวกที่ถูกกังขังไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งและออกมาไม่ได้ บัดนี้โลกมนุษย์กับโลกเทพติดต่อกันค่อนข้างน้อย เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างกระบวนการ
แม้ว่าเทพชางเวยไม่อาจเผชิญอุปสรรคเพื่อบรรลุไปอีกขั้นได้แล้ว แต่การอยู่ในโลกมนุษย์เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่สิบปีเท่านั้นเอง หลังจากกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม ถึงแม้สติปัญญาเทพอาจไม่มั่นคงไปบ้าง แต่ภายภาคหน้าลงไปจุติเพื่อฝึกฝนให้หลายๆ ครั้งหน่อยก็จะดีขึ้นได้
แน่นอนว่าโลกมนุษย์กับโลกเทพติดต่อกันตื้นเขินเกินไปหน่อย หากไม่คิดเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงส่งเทพเซียนลงมาจุติอย่างต่อเนื่อง
แต่การที่เทพเซียนลงมาจุติถือเป็นภาระงานอันทุกข์ยากลำบาก เซียนรุ่นเล็กบัญชาการได้ง่าย แต่เมื่อลงไปแล้วกลับไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดมากมาย ส่วนเทพเซียนที่เก่งกาจหน่อยไม่ยินดีไปทำงานทำนองนี้แต่อย่างใด
โดยคร่าวๆ มีเทพชางเวยอยู่ข้างล่างนั่น พวกปีศาจก็คงก่อปัญหาใหญ่อะไรขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน จึงปล่อยมันไปเถอะ!
หลายปีที่ผ่านมานี้ สำหรับเทพเซียนของโลกเทพ ปีศาจก็คือสัตว์เลี้ยงที่ใช้ขี่ได้ จะให้ความสนใจมากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่จะเห็นพวกมันเป็นสิ่งสำคัญไม่ได้
ซ่งอิงเดิมทีก็เตรียมการสำหรับรับมือพวกโลกเทพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะไร้ความเคลื่อนไหว
นางจึงบำเพ็ญเพียรไปอย่างสงบสุข
ฮั่วเจ้ายวนมีพรสวรรค์อย่างยิ่ง หลังจากผ่านไปสามเดือนก็นำดาบแห่งความเมตตาออกมาได้ ครั้นดาบนี้ปรากฏออกมา ซ่งอิงมุ่งพลังปีศาจไปทางด้านดาบนั้นเบาๆ ทันใดนั้นก็มีพลังบางอย่างจู่โจมไปที่หว่างคิ้วของฮั่วเจ้ายวน
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็เสมือนไปอยู่อีกภพหนึ่ง
“จำได้หมดแล้วหรือ” ซ่งอิงขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ปกติใช่หรือไม่ เหตุใดเอาความทรงจำของตนเองผนึกไว้ในดาบแห่งความเมตตานี้ หากไม่มีข้า ต่อให้เจ้าเผชิญวิบากกรรมเพื่อฝึกฝนไปอีกร้อยครั้งพันครั้ง บางความทรงจำก็คงกลับมาไม่ได้หรอกกระมัง”
ก่อนหน้าที่จะลงมาจุติ เทพชางเวยผู้นี้อยู่บนโลกเทพก็น่าจะไม่มีความทรงจำของเทพเซียนเช่นกัน
มิน่าล่ะ จึงนิสัยใจคอดุจก้อนหิน
ฮั่วเจ้ายวนเม้มปากไม่พูดไม่จา “อาจเพราะคิดสั้นไปชั่วขณะ”
“มิใช่ว่าเพราะข้ากระมัง” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “ความจริงตอนแรกเจ้าทำได้ไม่เลว ตอนนี้เรื่องราวเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้ว ผ่านมาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว ข้าก็ไม่โทษเจ้าหรอกที่ตอนแรกช่วยข้าไว้ไม่ได้ อีกอย่าง ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าช่วย มิเช่นนั้นจู่ๆ ก็ติดค้างหนี้ชีวิตเจ้า ยากจะชดใช้คืนกันพอดี”
ตอนที่ 924 กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม
ฮั่วเจ้ายวนเลิกคิ้วเล็กน้อยและเผยรอยยิ้ม
ตอนแรกเขาก็รู้สึกว่าหากเขาเลือกนาง ผลลัพธ์อาจไม่งดงาม ดังนั้นเขาจึงสู้สุดชีวิตเพื่อแลกมาซึ่งความสงบสุขของโลกมนุษย์ แม้ว่าเขาเอาทั้งหมดกลับคืนมาไม่ได้ แต่ก็ให้โอกาสโลกมนุษย์ได้หายใจต่อ
แต่ภายหลังต่อมา เขารู้สึกทุรุนทุรายเมื่อไม่มีอาอิงอยู่บนโลก
หวนนึกถึงแต่ละเรื่องราวที่ไปมาหาสู่กัน ทั้งความหึงหวง ความอึดอัดใจและความเศร้าเสียใจเกินบรรยายในตอนนั้น
เขาจึงนำอารมณ์ความรู้สึกและความทรงจำด้านนั้นของตนเองปล่อยเอาไว้ในดาบแห่งความเมตตา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเพราะเช่นนี้ เขากลับไม่ตาย ในทางกลับกัน กลายเป็นว่าได้กลับชาติมาเกิดกลายเป็นเซียน
“ข้าความทรงจำกลับคืนแล้ว เข้าสู่โลกเทพได้ทุกเมื่อ” ฮั่วเจ้ายวนกล่าว
“รอก่อนเถอะ” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วกล่าว
หากนางเหาะหนีไปแล้ว ญาติพี่น้องและสหายจะเป็นอย่างไร
บรรดาปีศาจ แน่นอนว่านางจะส่งเข้าไปในโลกปีศาจทั้งหมด แต่นางก็อยากอยู่ที่นี่มองดูโลกนี้เจริญรุ่งเรืองให้นานๆ หน่อย
ฮั่วเจ้ายวนก็ไม่ประหลาดใจ เมื่อก่อนนางก็ชอบโลกมนุษย์เยี่ยงนี้ ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวที่นางกลับชาติมาเกิดเป็นคน
หนึ่งร้อยปีในโลกมนุษย์เป็นเพียงชั่วพริบตา
ซ่งอิงและฮั่วเจ้ายวนอย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนธรรมดา ตอนที่เสียชีวิต พวกเขามีอายุถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปีบริบูรณ์
ตอนที่นางเสียชีวิต ตระกูลซ่งเป็นวงศ์ตระกูลใหญ่แล้ว
หลังจากซ่งสวินแต่งงานกับกู้หมิงเป่าก็ได้บุตรชายหนึ่งบุตรสาวหนึ่ง
งดงามสมบูรณ์แบบและรักใคร่กลมเกลียวกันดี หลังจากซ่งสวินเป็นขุนนางอย่างเป็นทางการ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งขุนนางถึงระดับสาม แม้ว่าไม่มีอำนาจใหญ่โตค้ำฝ่ายราชสำนักและฝ่ายราษฎร แต่เรื่องรับมือกับเหยียนผิงโหวกลับทำได้ไม่ยาก
ซ่งสวินตรวจสอบการกระทำผิดของเหยียนผิงโหวทั้งหมด จากนั้นเหยียนผิงโหวก็ถูกลิดรอนบรรดาศักดิ์
ซ่งอิงเข้าใจได้เช่นกันว่าฮ่องเต้จะมากจะน้อยก็มีความกังวลใจเกี่ยวกับนางอยู่บ้าง จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่กล้าใช้งานพี่ชายของนางผู้นี้ ดีที่ตัวซ่งสวินเองเป็นคนซื่อตรงคนหนึ่ง รู้จักทำงานอย่างแน่วแน่มั่นคง จึงค่อยๆ เอาชนะใจจนได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอยู่บ้าง
ก่อนหน้าไคเต๋อฮ่องเต้เสด็จสวรรคตสองสามปี ทางตอนเหนือเกิดภัยพิบัติแห้งแล้งครั้งใหญ่ ความอดอยากกระจายเป็นวงกว้าง ไคเต๋อฮ่องเต้นำสิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันซึ่งได้มาจากซ่งอิงออกมา ขอให้นางช่วยเหลือ
ซ่งอิงอยู่ในโลกปีศาจเก็บพวกข้าวสารอาหารแห้งเอาไว้ไม่น้อย จึงเอาออกมาจำนวนมาก ตอนนั้นนางมีพลังปีศาจมากพอ ถึงแม้อยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้จะถูกควบคุมพลังไว้ แต่การเรียกฟ้าฝนทำนองนี้ยังทำได้ไม่เป็นปัญหา
หลายปีนี้ ปีศาจไม่ก่อความวุ่นวายในโลกมนุษย์แต่อย่างใด ไคเต๋อฮ่องเต้จึงได้วางใจอย่างยิ่ง และมอบหมายหน้าที่สำคัญๆ ให้แก่ตระกูลซ่ง
ในตระกูลซ่ง ยามที่ซ่งต๋าอายุยี่สิบห้าก็สอบผ่านจิ้นซื่อแล้ว เขาจึงมีโอกาสได้แสดงความสามารถเข้าสู่เส้นทางขุนนางเช่นกัน ซ่งอู่สติปัญญาด้อยกว่าหน่อย แต่ก็ช้ากว่าเพียงแค่สามปีเท่านั้น จากนั้นได้เป็นขุนนาง ทางด้านครอบครัวบุตรลำดับที่สี่นั้นติดตามซ่งหม่านซาน หลานคังและหลานๆ อีกสองสามคนที่กำเนิดตามหลังมาล้วนไม่สนใจในอาชีพเส้นทางขุนนาง พวกเขาถนัดการทำกิจการค้าขายมากกว่า
ซ่งหม่านซานหลังจากเก็บหอมรอบริบด้วยตนเองมากพอก็เริ่มทำกิจการขยายไปทั่ว
ครอบครัวบุตรลำดับที่สาม นอกจากบุตรชายสองคนที่เรียนรู้เป็นผู้คุ้มกันมาโดยตลอด จึงคอยติดตามเหน็ดเหนื่อยไปด้วยกันอยู่สองสามปี กิจการของซ่งหม่านซานนับวันยิ่งใหญ่โต ส่วนบุตรสองคนของครอบครัวบุตรลำดับที่สามนั้นก็เปิดสำนักผู้คุ้มกันเป็นของตนเอง ตอนที่ซ่งอิงเสียชีวิต สำนักผู้คุ้มกันแผ่ขยายไปในถิ่นแดนต่างๆ แล้ว
ส่วนภูตโสม มันอยู่โลกมนุษย์มีสหายมากมายเหลือเกิน ก็เลยทำใจปล่อยวางไม่ได้ จึงไปสอบเรียนกับสหายคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
เมื่อวัยสิบแปดปีก็สอบผ่านจอหงวน เพียงแต่สุดท้ายแล้วมันเลือกกลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือในหมู่บ้านซิ่งฮวา
รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาตามจริงยังเป็นเหมือนเด็ก แต่มีโลกปีศาจอยู่ เขาจึงมีทักษะการสร้างภาพลวงตาที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นในสายตาของมนุษย์ เขาไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
เด็กน้อยผู้นี้มีนักเรียนลูกศิษย์ทั่วหล้า หลังจากซ่งต๋าและซ่งอู่เสียชีวิตไปแล้ว เขาก็กลับเข้าโลกปีศาจ ตอนที่ ‘เสียชีวิต’ หมู่บ้านซิ่งฮวาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เมื่อญาติพี่น้องบนโลกมนุษย์นี้จากไปเกือบหมดแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นเด็กรุ่นหลัง ซ่งอิงกับฮั่วเจ้ายวนจึงได้ทำทีเป็นเสียชีวิต
โดยก่อนตายจากไป เด็กรุ่นหลังตระกูลซ่งล้วนร้องห่มร้องไห้จนแทบขาดใจ
ครั้นร่างมนุษย์ตายจากแล้ว ซ่งอิงก็ล่องลอยขึ้นมา
วิญญาณปีศาจของนางไม่เหมือนปีศาจตนอื่นๆ เดิมทีก็คือกลุ่มก้อนอากาศที่ล่องลอยอย่างไร้รูปร่าง ดังนั้นสำหรับนางจะมีโครงร่างปีศาจหรือไม่ก็ได้ทั้งนั้น
ส่วนฮั่วเจ้ายวนเมื่อเสียชีวิตก็กลับสู่ตำแหน่งเทพชางเวย ทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยแสงสีทอง ดูลักษณะน่าเกรงขามอยู่เล็กน้อย