หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 663

ตอนที่ 663

บทที่ 663 หนีได้อย่างหวุดหวิด!
ถ้ำอัดแน่นไปด้วยพลังจากการทำลายตนเองของจักรพรรดิพินาศ ที่ส่งคลื่นเข้าปะทะกับพลังการระเบิดศีรษะทั้งสองของโยวหรัน แรงปะทะนี้ก่อให้เกิดพลังทำลายล้างมหาศาล หากเกิดขึ้นที่อื่นอาจไม่มีผลร้ายแรงถึงเพียงนี้

ภายในเสาค้ำที่อยู่ในถ้ำเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อจำนวนมาก ซึ่งถูกกลั่นเป็นพลังงานเพื่อใช้ในการเยียวยาสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นและชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะ แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่หลักของเสาค้ำนี้แต่อย่างใด!

ในสมัยที่เรือบินรบเต๋ามรณะยังรุ่งโรจน์ เสาค้ำและเส้นเลือดเนื้อมีไว้ใช้ส่งพลังงาน ที่เกิดมาจากการบดกระดูกของโม่หิน พลังงานนี้จะถูกส่งไปให้ผู้ใช้ชุดคลุมซึ่งจะนำมันไปบังคับทิศทางเรือบินรบ!

เสาค้ำนี้เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่อยู่ยั้งยืนยงนั่นเอง!

แรงปะทะระหว่างพลังของกระบวนเวทจักรพรรดิพินาศของหวังเป่าเล่อ และการระเบิดศีรษะของโยวหรัน ทำให้เสาค้ำพังทลาย ทั้งยัง…ทำลายเครื่องยนต์ที่อยู่ยั้งยืนยงไปพร้อมๆ กันด้วย!

และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้พลังรุนแรงนี้เพิ่มขนาดขึ้นอย่างไม่อาจคาดการณ์ได้ แรงระเบิดไม่ได้เกิดขึ้นภายในถ้ำเท่านั้น แต่ยังพุ่งผ่านเสาค้ำเข้าไปในเส้นเลือดมากมายที่ชั้นสองของเรือบินรบ!

เส้นเลือดเนื้อมากมายระเบิดกระจุยกระจายตามการพังทลายของเสาค้ำ ส่งผลให้ชั้นสองทั้งชั้นสั่นสะเทือน รอยแตกเริ่มปรากฏและแยกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเสาค้ำก็พังทลายลงตามระเบียบ

เสียงระเบิดดังผ่านอากาศตามมา พื้นดินยุบตัว บริเวณชั้นสองของเรือได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ผู้ฝึกตนที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดบนชั้นสองตกใจเป็นอันมากกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเฟิ่งชิวหรัน นางอ่อนล้าจากการถูกศัตรูไล่ล่า และได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะสิ้นสติอยู่รอมร่อ มีเพียงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าเท่านั้นที่ทำให้นางยังคงยืนหยัดอยู่ได้

ธรณียุบตัวลง หินกล้าแตกสลาย เศษดินเศษทรายกระจุยกระจายไปในอากาศ โลกทั้งใบสั่นสะเทือน เฟิ่งชิวหรันและผู้ที่ตามล่านางต่างได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ครั้งนี้ สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ ขณะมองแรงระเบิดมากมายที่ปะทุขึ้นรอบกายพร้อมๆ กัน

เส้นเลือดเนื้อที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเสาค้ำกระจุยลงมาจากท้องฟ้า ผลกระทบนี้ถูกส่งต่อไปยังชั้นหนึ่งของเรือเช่นกัน

โลกทั้งใบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ท้องฟ้าและพื้นดินแตกสลาย ชั้นแรกของเรือบินรบเองก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน เรือบินรบสั่นสะเทือนไปทั้งลำเมื่อแท่นสังเวยของทุกชั้นถูกทำลาย!

เส้นเลือดทุกเส้นไหลเชื่อมกับแท่นสังเวยเหล่านี้ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดทำให้การบดกระดูกหยุดชะงัก อสูรร้ายที่กำลังดึงคันโยกถูกกระชากถอยหลังอย่างรุนแรง

ขณะที่กำลังชักเย่อกันอยู่นั้น คันโยกไม้ยักษ์ก็เริ่มมีรอยร้าวให้เห็น และแล้วคันโยกทั้งสามก็หักสะบั้นลง!

คันโยกถูกทำลาย อสูรร้องคำราม ส่วนพื้นดินก็สั่นไหว โลกทั้งสามของชั้นแรกสะท้าน เรือบินรบเต๋ามรณะสะเทือน

การพังทลายของเสาค้ำและเส้นเลือดรวมถึงโม่หินที่ได้รับผลกระทบตามมาเป็นทอดๆ ทำให้คลื่นแทรกของเรือบินรบอ่อนกำลังลงจนสามารถเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ได้ในที่สุด

เจ้าเยี่ยเหมิงที่ก่อนหน้านี้ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสองและกำลังหนีตายจากแผ่นดินยุบ สัมผัสได้ถึงสัญญาณที่อ่อนลงในทันที ความตกใจวาบเข้ามาในดวงตาของนาง นางมองไปรอบกายแต่ก็ไม่เห็นหวังเป่าเล่อ

เจ้าเยี่ยเหมิงไม่รู้ว่าหวังเป่าเล่ออยู่แห่งหนใด หรือกระทั่งว่าเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้ภัยพิบัติขนาดใหญ่อุบัติขึ้นเช่นนี้ นางมองโลกทั้งใบล่มสลายต่อหน้าต่อตา หลังจากที่เงียบอยู่สักพัก เจ้าเยี่ยเหมิงก็ขบกรามแน่นแล้วบิดยันต์เคลื่อนย้ายของตนเองโดยไม่ลังเล

แสงเจิดจ้าวาบขึ้นพร้อมร่างของเจ้าเยี่ยเหมิงที่จากเรือบินรบไปในที่สุด นางกลับมายืนอยู่นอกเรือบินรบ เหนือทะเลเพลิงตรงบริเวณด้ามกระบี่

นางหายใจสะดุดไปชั่วครู่ สีหน้าดูมึนงง แต่ไม่นานนักก็ระเบิดความเร็วออกมา มุ่งหน้าไปยังสำนักวังเต๋าไพศาลในทันที และพยายามติดต่อผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐไปด้วย!

เจ้าเยี่ยเหมิงไม่ใช่คนเดียวที่หนีออกมาได้สำเร็จ หลายคนก็หนีออกจากเรือบินรบได้เช่นกัน รวมถึงตัวเฟิ่งชิวหรันด้วย แต่นางไม่ได้โชคดีเท่าเจ้าเยี่ยเหมิง เฟิ่งชิวหรันมาโผล่ที่บริเวณตัวกระบี่ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการต่อสู้ในเรือบินรบ และกระอักเลือดชุดใหญ่หลังจากที่ออกมาได้ เฟิ่งชิวหรันสลบไปทันที ร่างร่วงลงไปในทะเลเพลิงเบื้องล่าง

แม้เฟิ่งชิวหรันจะได้รับบาดเจ็บอาการปางตาย แต่สัญชาตญาณก็ส่งให้นางเรียกเกราะป้องกันแสงออกมาปกป้องร่างกายของตนเองไว้ไม่ให้ถูกเผาไหม้กลายเป็นจุณ

ผู้รอดชีวิตหนีตายเมื่อโอกาสมาเยือน ส่วนหวังเป่าเล่อก็สลับที่กับร่างอวตารของตนได้ทันท่วงที เมื่อกลับออกมาที่ชั้นสอง ชายหนุ่มก็กระอักเลือดยกใหญ่ ร่างกายบอบช้ำสาหัส แต่ยังดีที่ร่างกายของชายหนุ่มแข็งแรงยอดเยี่ยมเหนือใคร ทั้งยังมีดอกบัวสีเขียวที่ช่วยเพิ่มอัตราการเยียวยาตนเองได้มากกว่าคนทั่วไป แม้ตอนนี้หวังเป่าเล่อจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้หมดสติไปแต่อย่างใด ชายหนุ่มรีบหยิบยันต์เคลื่อนย้ายของตนเองออกมาเพื่อหลบหนีในทันที หลังจากสัมผัสได้ว่าคลื่นแทรกอ่อนกำลังลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตนเองจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่นี่เป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ เขาไม่มั่นใจว่าการโจมตีสุดท้ายกำจัดโยวหรันสำเร็จหรือเปล่า

โอกาสใหญ่ขนาดนั้นข้ายังทำได้แค่ทำให้หมอนั่นบาดเจ็บสาหัส แถมยังมีผู้ฝึกตนจากตระกูลไม้รู้สิ้นคนอื่น และสมาชิกสำนักวังเต๋าไพศาลที่ถูกล้างสมองอยู่บนเรือบินรบนี้อีก… หวังเป่าเล่อสีหน้ามืดมน เขาบิดยันต์เคลื่อนย้าย ร่างกายห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าในทันที ชายหนุ่มตื่นเต้นเป็นอันมากก่อนหายไปพร้อมระเบิดแสงสว่างไสว

เขามาปรากฏตัวอีกครั้งนอกเรือบินรบเต๋าไพศาล…ตรงบริเวณตัวกระบี่!

คนอื่นอาจมองว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่มีอันตรายซุกซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง แต่บริเวณตัวกระบี่นี้เปรียบเสมือนสวรรค์สำหรับหวังเป่าเล่อซึ่งดำรงตำแหน่งศิษย์อุปถัมภ์ เขารีบกลืนเลือดที่กบปากลงไปทันทีแล้วหยิบโอสถกินตามเข้าไป หลังจากที่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่ใด ชายหนุ่มก็รีบหนีออกจากบริเวณนี้ทันที เขาตั้งใจจะกลับไปที่สำนักวังเต๋าไพศาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และตั้งใจจะใช้วงแหวนเคลื่อนย้ายหนีออกจากกระบี่สำริดเขียวโบราณเพื่อกลับไปยังสหพันธรัฐ มีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาปลอดภัย อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง

แต่แผนการของเขาดูเหมือนจะไม่ราบรื่นนัก หวังเป่าเล่อเดาถูกว่าโยวหรันยังไม่ตาย นอกจากนี้ชายชราเองยังจงเกลียดจงชังชายหนุ่มเป็นอันมาก จนถึงขนาดที่ว่าไม่ยอมปล่อยให้เขารอดชีวิตไปได้แน่นอน โยวหรันคำรามโหยหวนอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาจากสิ่งที่เคยเป็นถ้ำทะเลสาบสีทองที่ชั้นสาม ในตอนเดียวกับที่หวังเป่าเล่อเคลื่อนย้ายออกไปจากเรือบินรบ ร่างหนึ่งกระโจนออกมาท่ามกลางคลื่นพลังปราณที่ไหลทะลัก จนทำให้หินระเบิดกระจุยกระจาย

ชายผู้นั้นมีสภาพดูไม่ได้ แขนที่เคยมีหกข้าง บัดนี้เหลือเพียงสาม ศีรษะที่เคยมีสาม บัดนี้เหลือเพียงหนึ่ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวมากมาย จนเห็นเลือดเนื้อและกระดูกที่อยู่ภายใน

ร่างนี้คือ…โยวหรันที่หนีความตายมาได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดนั่นเอง!

โยวหรันหายใจหอบหนัก หน้าอกกระเพื่อมถี่ขณะมองทุกสิ่งทุกอย่างถล่มทลายลงต่อหน้าต่อตา เขาเงยหน้าขึ้นมองรอยแยกที่เปิดออกเป็นทางที่ซึ่งภายในเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำเมื่อเห็นสภาพตรงหน้า ความเสียหายนี้ซ่อมแซมได้ แต่ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว ต่อให้เขาซ่อมทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีกครั้ง เรือบินรบลำนี้ก็จะไม่กลับไปสภาพดีดังเดิมอย่างที่เคยเป็น โยวหรันร้องโหยหวนด้วยความโกรธ!

“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” ความเกลียดชังหวังเป่าเล่อเข้ากระดูกดำฝังรากลึกในจิตใจของโยวหรันจนไม่มีอะไรมาวัดได้อีกต่อไป เขามาปรากฏตัวตรงจุดที่หวังเป่าเล่อเคลื่อนย้ายหนีไปด้วยดวงตาแดงก่ำ สร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆโดยไม่ลังเลด้วยมือขวา และดูดเอาพลังชีวิตของตนเองออกมาเพื่อย้อนเวลากลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น!

ร่างมายาปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา โยวหรันเห็นหวังเป่าเล่อทำลายยันต์เคลื่อนย้ายของตนและเคลื่อนย้ายจากไป ชายชรากระชากแขนของตนออกมาและทำลายโดยไม่ลังเล พลังชีวิตจากแขนที่ถูกทำลายกลายสภาพเป็นหมอก ที่เข้าล้อมร่างมายาของหวังเป่าเล่อเอาไว้!

แน่นอนว่าหมอกนั้นไม่สามารถจับหวังเป่าเล่อตัวจริงเอาไว้ได้ เพราะชายหนุ่มจากไปไกลแล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงร่องรอยของหวังเป่าเล่อ แต่เท่านี้ก็เพียงพอให้โยวหรันแกะรอยอีกฝ่ายได้แล้ว ชายชราตั้งใจจับการกระเพื่อมของกระแสปราณที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้าย หากตามรอยนั้นไป เขาก็จะสามารถเคลื่อนย้ายตนเองไปที่ที่หวังเป่าเล่อไปได้โดยการใช้กระบวนเวทของตนเอง!

ดวงตาของโยวหรันฉายแสงดุดัน ทันทีที่พลังชีวิตของเขาคว้าร่างมายาของหวังเป่าเล่อไว้ได้!

“เจอตัวแล้ว!”

โยวหรันก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและอันตรธานหายไป!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท