บทที่ 171 ฟังไม่เข้าใจ ข้ารู้แต่เพียงข้าฝึกฝนได้แล้ว!
แสงแห่งความมงคลสาดส่องไปทั่วหล้า ดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋าดังไม่หยุด
ผู้คนที่อยู่บนลานทดสอบล้วนได้รับประโยชน์มหาศาล
อ้ายฉาน จู้จื่อ และเด็กคนอื่น ๆ รวมถึงบิดามารดาของพวกเขาไม่เท่าไร เพียงแค่รู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่าง
ทว่าอาจารย์ปู่ อันหลานเสวี่ย ผู้เฒ่าผมขาวและบรรดาผู้อาวุโสกับเหล่าลูกศิษย์หาใช่เพียงแค่นั้น!
ขณะพวกเขาสบายไปทั่วร่าง ยังรู้สึกอีกว่าพลังต่าง ๆ ในกายพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว!
ซ้ำยังมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งบรรลุขอบเขตเสียเดี๋ยวนั้นอีกด้วย!
“นี่มัน…!”
อาจารย์ปู่มีสีหน้าตะลึงไม่ขาด เขารู้สึกได้ว่าบาดแผลในตัวเขากำลังสมานฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว!
ลมปราณที่เคยอ่อนแรงก็แข็งแกร่งขึ้นมา!
“ฟื้น…ฟื้นตัวแล้ว!”
เพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็ฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ บาดแผลหายไปจนสิ้น!
นี่ช่าง… คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเขาจะฟื้นตัวด้วยวิธีเช่นนี้!
…
เวลานั้นผู้ฝึกตนรวมถึงสัตว์อสูรทั้งหมดในแดนบูรพาทิศล้วนตะลึงงัน สายตารวมเป็นหนึ่งเดียวหันไปทางพรรคจื่อเสียอย่างพร้อมเพรียง
“ปรากฏการณ์ประหลาดอันเป็นนิมิตมงคลจากฟากฟ้า ดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋าดังก้องทั่วปฐพี เกิดเรื่องใดขึ้นที่นั่น!?”
“ไปเถิด รีบไปดูกัน!”
พวกเขาไม่มีความลังเล ต่างเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปทางพรรคจื่อเสีย
…
ณ เมืองชิงซาน
หลี่จิ่วเต้าเห็นนิมิตมงคลท่วมฟ้านั้นเช่นกัน ซ้ำยังได้ยินท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋าอีกด้วย
ชายหนุ่มคิดในใจอยู่ว่าผู้ฝึกตนคนใดบรรลุเป็นเซียนกันนี่ ช่างเอิกเกริกเชียว
“ไม่เลว ไม่เลว”
เขาคลี่ยิ้ม รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
เอิกเกริกถึงเพียงนี้ บ่งบอกว่าคนผู้นี้แกร่งกล้ามาก
ยิ่งแกร่งก็ยิ่งน่าดีใจ
ถึงอย่างไรตัวเขาก็อาศัยอยู่ที่แดนบูรพาทิศ และหากผู้ฝึกตนแดนบูรพาทิศแข็งแกร่งขึ้น แดนบูรพาทิศย่อมปลอดภัยไปด้วย
แดนบูรพาทิศปลอดภัย เขาก็ปลอดภัย
‘เกี่ยวข้องกับท่านเซียนหรือไม่นะ’
ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ลั่วสุ่ยขบคิดในใจ นางย่อมได้ยินวาจาของท่านเซียน
…
“แดนบูรพาทิศแห่งนี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่!”
“เกิดสิ่งใดขึ้นอีกล่ะนี่?”
แสงแห่งความมงคลส่องสว่างไปทั่วแดนบูรพาทิศ ผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรจากอีกสี่ภูมิภาคได้ประจักษ์ภาพนี้เช่นกัน ล้วนแล้วแต่ตกตะลึงกันหมด
ก่อนนี้มีซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าปรากฏในแดนบูรพาทิศ บัดนี้มีปรากฏการณ์น่าทึ่งปานนี้กลับเผยในแดนบูรพาทิศอีก แดนบูรพาทิศช่างไม่ธรรมดาเสียจริงลึกลับเกินจะเปรียบยิ่ง!
…
“ไม่ธรรมดา!”
“ไปดูกันเถิด!”
กลุ่มมหาอำนาจลับที่เก็บตัวตามสถานที่ต่าง ๆ ในภาคกลางได้เห็นปรากฏการณ์น่าทึ่งในแดนบูรพาทิศเช่นกัน
พวกเขาตัดสินใจจะไปยลด้วยตัวเองที่แดนบูรพาทิศ!
คราวก่อน ซากโบราณราชวงศ์อวี่ฮว่าปรากฏสู่สายตาผู้คนในใต้หล้า พวกเขาเองก็เห็น
เพียงแต่พวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวใด ๆ ได้ ทั้งยังไม่เคยเดินทางเข้าไป
เพราะกลัวจะเป็นการเปิดเผยตัวตนขึ้นมา
ทว่าหนนี้ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในแดนบูรพาทิศอีกครั้ง ซ้ำยังน่าทึ่งเหลือคณา พวกเขาจึงเกิดความคิดอยากไปดูที่แดนบูรพาทิศสักครา
แดนบูรพาทิศเกิดเหตุน่าทึ่งติดกัน เป็นการบ่งบองว่าที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย บางทีอาจมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่!
พวกเขาเริ่มอดกลั้นไม่ไหวแล้ว
ยุคนี้ถูกลิขิตให้ยากเย็นกว่ายุคโบราณหลายเท่านัก
ถึงอย่างไรพลังอำนาจโดยรวมของยุคนี้ก็ห่างจากยุคโบราณมากโข
เมื่อภัยพิบัติใหญ่จู่โจมเข้ามา ยุคนี้ย่อมต้านทานไม่ไหวอย่างแน่นอน และต้องถูกล้างบางโดยสิ้นเชิง
พวกเขาจะใช้วิธีเดียวกับคราวยุคโบราณเพื่อเอาตัวรอดในยุคนี้ได้อีกครั้งหรือ
สำหรับเรื่องนี้ พวกเขาก็มิได้มั่นใจเต็มร้อย
ยุคนี้ต่างจากยุคโบราณ
ในยุคโบราณ อย่างไรภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็ถูกโต้กลับจนยอมล่าถอย
หากยุคนี้โลกทั้งใบไม่แคล้วมีเพียงต้องล่มสลาย ต่อให้พวกเขาซ่อนเร้นได้อย่างแนบเนียนเพียงใด ก็เกรงว่ายังยากจะรอดไปได้…
ด้วยเหตุนี้ หลังจากเกิดเรื่องน่าทึ่งขึ้นหลายต่อหลายครั้งที่แดนบูรพาทิศ พวกเขาพลันมีความคิดของตัวเองกันทั้งนั้น
แดนบูรพาทิศมีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย หากพวกเขาเก็บเกี่ยวบางอย่างกลับมาได้ ย่อมเป็นการยกระดับพลังของตนได้ทวีคูณ
ไม่ว่าเมื่อใด การมีพลังแกร่งกล้าจึงจักเป็นหลักประกันว่าปลอดภัย!
พวกเขาก็อยากแข็งแกร่งขึ้น!
“จำไว้ ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใด ก็จงอย่าเปิดเผยตัวตนของพวกเจ้าง่าย ๆ!”
“นี่คือเรื่องสำคัญที่สุด!”
พวกเขาตักเตือนผู้ที่ถูกส่งไปยังแดนบูรพาทิศอย่างขึงขัง
ต้องอำพรางและไม่เปิดเผยตัวตน
เรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
จะแข็งแกร่งขึ้น หรือเก็บเกี่ยวบางสิ่งกลับมาเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญสุดคือห้ามเปิดเผยตัวตน!
หากเปิดเผยตัวตนจริง ๆ พวกเขาก็หมดทางหนี และหมดสิ้นความหวัง…
…
ภาคกลาง
ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
ที่แห่งนี้มืดมนปราศจากแสงอาทิตย์ วายุที่โชยพัดเข้ามาหนาวเสียดกระดูก ยามวายุหวน ประหนึ่งเสียงคร่ำครวญของสัมภเวสี ชวนขนลุกยิ่ง
บนพื้นเต็มไปด้วยซากกระดูก มีทั้งกระดูกมนุษย์และกระดูกอสูร ราวกับที่นี่คือสถานฝังศพ ไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตเท่าใดต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ ชวนรู้สึกสั่นสะท้านแม้นไร้ซึ่งอากาศหนาว
พื้นที่ตรงกลางมีแม่น้ำสายใหญ่ทะลุผ่าน
สีแม่น้ำสีแดงฉานหาใดเปรียบ ส่องสะท้อนจนผืนดินนี้กลายเป็นสีแดงทั้งหมด ทั้งยังมีกลิ่นคาวของโลหิตขจรขจาย
คล้ายว่าที่นี่เป็นแม่น้ำโลหิต!
บนผิวแม่น้ำมีศพเน่าเปื่อยลอยผ่านไปเป็นครั้งคราว เลือดเนื้อเละรวมเป็นก้อนเดียว ซ้ำยังมีหนอนมากมายกำลังชอนไชศพ ชวนพิศวงจนชาวาบไปทั้งหัว!
ตู้ม!
ร่างของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏในที่แห่งนี้ ระเบิดสิ่งมีชีวิตพิศวงครึ่งศพครึ่งอสูรหน้าตาอัปลักษณ์
จากนั้นเด็กหนุ่มก็หยิบซากอวัยวะขึ้นมากัดกิน
“อ๊าก! ชีวิตเฮงซวยเยี่ยงนี้เมื่อใดจะสิ้นสุดลงเสียที!”
เด็กหนุ่มคำราม สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ผมของเขากระเซิงยุ่งเหยิง อาภรณ์ขาดรุ่ยจนดูแทบไม่ได้ อีกทั้งเนื้อตัวยังเต็มไปด้วยหยดเลือดคาวเหม็นที่กลายเป็นสีดำแล้ว
“อย่าได้ใจร้อน หากแดนต้องห้ามนวปรภพบุกได้ง่ายดายคงไม่เรียกว่าแดนต้องห้ามแล้ว!”
ภายในตัวเด็กหนุ่มมีอีกเสียงดังขึ้น
ใช่แล้ว
เด็กหนุ่มผู้นี้มิใช่ใครอื่น หนิงเจี๋ยนั่นเอง
และอีกเสียงในตัวเขาก็คือหลิงเสิ่งซึ่งเป็นวิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างของเด็กหนุ่ม
“ความทรมานเหล่านี้ข้าจะไม่ทนไปอย่างสูญเปล่า! รอให้ได้หญ้านวปรภพและท่านคืนสภาพวิญญาณนักบุญก่อนเถิด ข้าต้องบุกกลับไปให้จงได้!”
“วางใจได้ หลังข้าคืนสภาพวิญญาณนักบุญแล้ว ก็ถึงเวลาล้างแค้นของเจ้า!”
…
แดนบูรพาทิศ ณ พรรคจื่อเสีย
แสงแห่งความมงคลบนท้องฟ้าสลายไป ดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋าเองก็ค่อยๆ เลือนหาย ทุกอย่างกลับสู่ความสงบเช่นเดิม
“ศิลาวัดปราณสว่างทั้งหกก้อน บุตรสาวของข้ามีศักยภาพเป็นอย่างไรหรือ?”
บิดาของอ้ายฉานรีบถามกับผู้เฒ่าผมขาว
“อัจฉริยะสะท้านฟ้า!”
ผู้เฒ่าผมขาวเอ่ยอย่างจริงจัง “หากไม่เกิดสิ่งใดไม่คาดคิด ในอนาคต บุตรสาวของเจ้าย่อมต้องได้เป็นนักบุญ อยู่เหนือทั้งเหยียนโจว ไม่สิ อาจจะอยู่เหนือทั้งปฐพี!”
“จริงหรือ!?”
บิดาของอ้ายฉานเต็มตื้นจนเด้งตัวกระโดด เขาไม่เคยคิดเลยว่าบุตรสาวของตนจะน่าทึ่งปานนี้!
“ข้าฝึกฝนได้แล้วหรือ!?”
อ้ายฉานไม่เข้าใจความหมายของอัจฉริยะสะท้านฟ้า แต่นางรู้ว่าดูเหมือนนางจะสามารถฝึกฝนได้แล้ว
“ใช่ว่าแค่ฝึกฝนได้ที่ใดเล่า แม้กระทั่งมหาเต๋ายังจุติคำอวยพรลงมาให้เจ้า เจ้าคือธิดาสวรรค์ ย่อมต้องประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในเส้นทางฝึกตน!”
ผู้เฒ่าผมขาวกล่าวด้วยความสะท้อนใจ
“ฮ่า ๆ เยี่ยมไปเลย!”
อ้ายฉานกระโดดโลดเต้นยินดีปรีดา ดวงหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
คำอวยพรจากมหาเต๋าอะไรกัน ธิดาสวรรค์อะไรกัน ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในเส้นทางฝึกตนอะไรกัน นางยังฟังไม่เข้าใจอยู่ดี
แต่นางเข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือนางฝึกฝนได้แล้ว!
“พี่ฉานเอ๋อร์ ท่านน่าอิจฉาจริง ๆ! ข้าเองก็จะลองด้วย!”
จู้จื่อน้อยตะโกนเสียงลั่น ฝีเท้าวิ่งพรวดไปอยู่ตรงศิลาวัดปราณหกก้อน
เขาก็อยากตรวจสอบศักยภาพของตัวเอง ดูว่าตัวเขาฝึกฝนได้หรือไม่!