รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 172 ท่านเซียนประทานพร มหาเต๋าแห่งสวรรค์และโลกต่างสรรเสริญ

บทที่ 172 ท่านเซียนประทานพร มหาเต๋าแห่งสวรรค์และโลกต่างสรรเสริญ

บทที่ 172 ท่านเซียนประทานพร มหาเต๋าแห่งสวรรค์และโลกต่างสรรเสริญ

“ข้ารู้สึกว่าจู้จื่อน้อยปราดเปรื่องยิ่ง คุณสมบัติไม่เลวด้วย มาเถิด เจ้าลองมาทดสอบดูเสียหน่อย”

อ้ายฉานเดินออกมา และให้จู้จื่อน้อยเข้าไปทดสอบแทน

“ข้าไม่คิดว่าตนเองจะน่าทึ่งเหมือนกับพี่สาวฉานเอ๋อร์ เพียงสามารถทำให้ศิลาวัดปราณสว่างสักหนึ่งก้อนได้ ข้าก็พอใจแล้ว!”

เมื่อจู้จื่อน้อยเดินเข้าไป ค่ายกลตรวจญาณใต้เท้าของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที

นัยน์ตาดวงน้อยมองไปมองมาบนพื้นมีศิลาวัดปราณทั้งหกชิ้น พลางภาวนาในใจ ขอให้จุดไฟได้สักก้อนหนึ่ง!

ราวกับว่าคำภาวนาในใจของเขาเป็นจริง แสงสว่างตรงศิลาวัดปราณเริ่มปรากฏขึ้นหนึ่งก้อน

“ดี ๆ!”

จู้จื่อน้อยกระโดดโลดเต้นอย่างรู้สึกมีความสุขทันที

แต่ในช่วงเวลาต่อมานั้นเอง แสงสว่างที่เพิ่งสว่างขึ้นก็ดับลงอีกครั้ง

“เอ๊ะ? ข้าไม่มีคุณสมบัติฝึกตนอย่างนั้นหรือ? “

ทันใดนั้นสีหน้าจู้จื่อน้อยก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง

“เจ้าอย่าขยับไปมา หากเท้าของเจ้าออกจากค่ายกลตรวจญาณ ผลที่ได้มันจะไม่ถูกต้อง”

ผู้เฒ่าผมขาวตะโกนบอก

ฟึ่บ!

ในตอนนี้เองแสงสว่างที่ดับไปแล้วก็กลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังสว่างมากกกว่าก่อนหน้านี้ ราวกับเปลวเพลิงกำลังแผดเผา จุดศิลาวัดปราณทั้งหมดขึ้น!

แสงสว่างเจิดจ้าทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นบังสายตา

ศิลาวัดปราณคล้ายกับสุริยันดวงใหญ่เหนือสรวงสวรรค์ทั้งเก้า เปลวเพลิงลุกโชนแวววับ!

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

หลังจากศิลาวัดปราณจุดติดขึ้นหนึ่งก้อน ศิลาอีกก้อนก็สว่างขึ้น ทุกก้อนสว่างไสวดุจเปลวเพลิงกำลังลุกโชนราวกับดวงอาทิตย์ดวงใหญ่!

โฮก! โฮก! โฮก!

เสียงคำรามอันน่าเกรงขามดังในฉับพลัน นิมิตปรากฏขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง สร้างความตื่นตะลึงกระทบจิตใจผู้คนยิ่ง!

เมื่อแสงสีม่วงสาดส่องออกมา พลังของมังกรก็ปกคลุมไปทั่วผืนพสุธา มังกรห้าเล็บ*[1]สีม่วงทองทะยานขึ้นไปบนมวลเมฆ แล้วร่างของมังกรใหญ่โตราวกับขุนเขาก็ปรากฏออกมา!

นอกจากนี้ยังมี

วิหคสวรรค์สยายปีก ขนของมันแวววาวงามตาหลากสีสัน พาให้ความรู้สึกสูงส่งราวกับว่ากำลังร่ายรำอยู่บนมวลเมฆ งามตาสุดจะพรรณนา!

กิเลนเหินนภาลงมา รอบตัวปกคลุมไปด้วยปราณฮุ่นตุ้น*[2] แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องลงทั่วบริเวณขับไล่สิ่งไม่ดีบนมวลเมฆ

เต่าดำแหวกว่ายเชื่องช้า ตกผลึกกาลเวลาและผ่านการเปลี่ยนแปลงแห่งช่วงเวลานับไม่ถ้วน พลังแห่งชีวิตไร้ที่สิ้นสุดราวกับแหวกว่ายอยู่ในมหานทีแห่งชีวิต อายุยืนยาวเทียบเท่าท้องฟ้า!

ผู้คนในลานทดสอบต่างตกตะลึง

จู้จื่อน้อย… ไม่ด้อยกว่าอ้ายฉานเลย!

“สัตว์มงคลปรากฏนิมิตหมายขึ้นพร้อมกัน เป็นคำอวยพรสิริมงคล…สวรรค์ นี่มันเป็นคุณสมบัติฝืนฟ้าอะไรกัน!? ”

ผู้เฒ่าผมขาวตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

คาดไม่ถึงว่าวันนี้ตนจะได้เห็นความสามารถท้าทายสวรรค์ถึงสองคนเช่นนี้!

“เหตุใดพรรคจื่อเสียของข้าถึงไม่ใช่พรรคศักดิ์สิทธิ์โบราณ?”

เขาตะโกนเสียงดังลั่น ไม่ต้องพูดถึงว่ามันน่าอึดอัดเพียงไหน

นับตั้งแต่สมัยโบราณมา หาได้เคยมีอัจฉริยะหล่นมาจากฟากฟ้าถึงสองคนในคราวเดียว หากพรรคจื่อเสียเป็นพรรคศักดิ์สิทธิ์โบราณซึ่งทรงพลัง จะยังมีกองกำลังใดกล้าแย่งชิงกับพวกเขาอีก?

นัยน์ตาผ่านร้อนผ่านหนาวของเขาถึงกับหลั่งน้ำตา นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เด็กทั้งสองคนมีความสามารถท้าทายสวรรค์ได้ปรากฏขึ้นในพรรคจื่อเสียของพวกเขา แต่พวกเขาไม่อาจรักษาทั้งสองไว้ได้…

แสงสว่างสาดส่องจากสัตว์มงคลลงมา ผู้คนในลานต่างได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า

ผู้อาวุโสกับเหล่าผู้ฝึกตนต่างได้รับอายุอายุขัยยาวนานมากขึ้น

ขณะที่กลุ่มเด็กกับผู้ใหญ่หลายคนรู้สึกว่าอ่อนวัยขึ้นเช่นกัน

“เยี่ยมไปเลย! ข้าสามารถฝึกตนและกลายเป็นเซียนออกเดินทางเหมือนในเรื่องไซอิ๋วได้แล้ว”

จู้จื่อน้อยแย้มยิ้มออกมาอย่างดีใจเสียยกใหญ่

“มีนิมิตเกิดขึ้นอีกแล้วหรือ!?”

“สวรรค์! เกิดอะไรขึ้นกับพรรคจื่อเสียกัน?!”

เมื่อสิ่งมีชีวิตในแดนบูรพาทิศเห็นนิมิตอีกครั้ง พวกเขาก็เร่งความเร็วไปยังพรรคจื่อเสียทันที ไม่กล้ารั้งรออีกแม้แต่น้อย

“รีบไปกันเถิด!”

“รีบ ๆ ไป ไม่แน่อาจเกิดเรื่องใหญ่กับพรรคจื่อเสีย!”

เหล่ายอดฝีมือที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพรรคจื่อเสียต่างเร่งความเร็วของพวกเขาเช่นกัน

นิมิตเกิดขึ้นที่พรรคจื่อเสียหลายครั้งไม่ใช่เรื่องดีนัก ทว่ายิ่งมีแต่จะทำให้พรรคจื่อเสียตกเป็นเป้าหมายจนนำไปสู่หายนะ

ณ พรรคจื่อเสีย

“ใช้ได้เลยจู้จื่อน้อย ไม่ทำให้บิดาขายหน้าแล้ว!”

บิดาของจู้จื่อยิ้มกว้างถึงหู แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจคุณสมบัติของบุตรชายดี แต่เมื่อเห็นท่าทางตกใจของผู้เฒ่าผมขาวกับผู้ฝึกตนท่านอื่น เขาก็รู้แล้วว่าบุตรชายจะได้เป็นผู้ฝึกตนอย่างแน่นอน!

“ตาข้าแล้ว!”

เด็กอีกคนวิ่งเข้ามา เพราะอยากทดสอบพรสวรรค์ด้วย

เด็กคนนี้เองก็น่าทึ่งมากเช่นกัน ทันทีที่เขาทดสอบ ศิลาวัดปราณทั้งหกก็สว่างขึ้นทันที!

นิมิตกลางอากาศปรากฏขึ้นอีกครั้ง มิหนำซ้ำ เหล่าทวยเทพยังปรากฏตัวขึ้นด้วยเช่นกัน พลังของทวยเทพเป็นที่ประจักษ์ต่อฟ้าดิน แสงเทวะสาดส่องไปทั่วทั้งนภา ประทานพรจากสวรรค์ให้แก่เด็กผู้นี้!

“ออกมาอีกคนอีกแล้ว… !”

“ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ความสามารถท้าทายสวรรค์ออกมาได้อย่างง่ายดายปานนี้? ”

พรรคจื่อเสีย อันหลานเสวี่ย ผู้อาวุโสกับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ต่างยืนอยู่ที่นั่นด้วยความรู้สึกสับสนและงุนงง

ในใจของพวกเขามีคลื่นนับพันซัดกระหน่ำ และมิอาจสงบลงได้!

ความสามารถท้าทายสวรรค์ในแต่ละยุคสมัยยากจะถือกำเนิดขึ้น

ทว่ายามนี้กลับปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันตั้งสาม!

นับเป็นเรื่องยากจะทำใจเชื่อได้ ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนติดอยู่ในความฝัน ไม่สมจริงเกินไป!

“เปลี่ยน ๆ ตาข้าแล้ว! ”

เด็กเจ้าเนื้อคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูวิ่งเข้ามาทดสอบอย่างรวดเร็ว

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

แสงเจิดจ้าพวยพุ่งออกมาอีกครา และศิลาวัดปราณทั้งหกก็สว่างขึ้นอีกครั้ง!

ซ้ำยังมีนิมิตสวรรค์และโลกกลางอากาศ!

วารีจากมหาสมุทรลอยขึ้นกลางเวหา แต่ละหยดดุจน้ำอมฤทธิ์ ไหลวนไปตามจังหวะแห่งเต๋าสูงสุด ก่อนจะโปรยปรายลงมาท่ามกลางแสงสุริยันอันเป็นสิริมงคล!

“มีคนจงใจทำให้แบบทดสอบเกิดนิมิตเกิดขึ้นหรือไม่!”

“นี่มัน…!”

ผู้ฝึกตนไม่น้อยมาถึงพรรคจื่อเสียแล้ว แล้วพวกเขาก็ตื่นตระหนกในทันที

ล้วนคาดไม่ถึงว่า จะมีคนคุณสมบัติสูงส่งปานนี้สามารถทำให้เกิดนิมิตแห่งสวรรค์และโลกขึ้นมาได้

“คิก ๆ ถึงตาข้าแล้ว!”

หลังจากเด็กชายร่างอ้วนตัวน้อย ก็มีเด็กอีกคนเข้ามาทดสอบ

เช่นเดียวกัน ศิลาวัดปราณทั้งหกสว่างอีกครั้ง มีนิมิตมงคลปรากฏขึ้นกลางอากาศ!

ดวงวิญญาณนับหมื่นปรากฏกลางเวหา ต่างคารวะกราบไหว้และอวยพรให้พร้อมกัน!

จากนั้นเด็กที่เหลือก็ได้รับการทดสอบทีละคน

พวกเขาทั้งหมดไม่มีข้อแตกต่าง จุดไฟศิลาวัดปราณทั้งหกสว่างขึ้นมา ปรากฏนิมิตของสวรรค์และโลก ได้รับคำอวยพร!

“แปดคน รวมทั้งหมดเป็นแปดคน… ล้วนแล้วแต่มีความสามารถท้าทายสวรรค์!”

“ยุคนี้เป็นยุคทองอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้?”

ผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างตระหนกใจยิ่ง ข้างในเต็มไปด้วยความรู้สึกสุดจะพรรณนาออกมาได้

ในตอนนี้เอง ผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรทั่วแดนบูรพาทิศเกือบทั้งหมดได้มารวมตัวในที่แห่งนี้แล้ว

พรรคจื่อเสียถูกล้อมรอบโดยสมบูรณ์

พวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคจื่อเสีย มีเด็กแปดคน ซึ่งมีความสามารถท้าทายสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นในพรรคจื่อเสีย มิหนำซ้ำ นิมิตทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นล้วนแต่มาจากความสามารถท้าทายสวรรค์ของเด็กทั้งแปดคน!

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ถูกกำหนดให้เป็นสิ่งที่โลกต้องจดจำ ในยุคนี้ถึงกับมีเด็กแปดคน ซึ่งมีความสามารถท้าทายสวรรค์ปรากฏตัวพร้อมกัน นับเป็นยุครุ่งโรจน์เหนือกว่ายุคอื่น!

“ที่แท้ก็เป็นพวกเขา…”

สือเฟิง ฉินซินกับศิษย์นิกายอวี้ซวีก็มาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน

เมื่อสือเฟิงเห็นอ้ายฉานกับเด็กคนอื่น ๆ เขาก็เข้าใจทุกอย่างทันที

อ้ายฉานกับเด็กคนอื่น ๆ ได้กินข้าวต้มของท่านเซียน ทั้งยังได้รับพรจากท่านเซียน มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดพวกเขาถึงสามารถชักนำนิมิตมงคล สำแดงปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ใจได้ปานนี้

‘ท่านเซียนสมแล้วที่เป็นท่านเซียน!’

สือเฟิงรู้สึกประทับใจอย่างมาก

ขอบเขตของท่านเซียนสูงส่งเกินกว่าจะจินตนาการได้

ท่านเซียนเพียงแค่ให้พรกับอ้ายฉานกับเด็กคนอื่น ๆ ไม่กี่ประโยค มหาเต๋าล้วนแต่สรรเสริญอ้ายฉานกับเด็กคนอื่น ๆ จนปรากฏนิมิตออกมาประทานพรให้!

ขอบเขตเช่นนี้…น่ากลัวเกินไปแล้ว!

[1] มังกรห้าเล็บ เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิจีนในสมัยราชวงศ์หยวน หมิง และชิง มีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นที่ใช้ได้

[2] ฮุ่นตุ้น คือภาวะที่อากาศ รูป และธาตุปะปนเกาะกลุ่มกัน เป็นสภาพดั้งเดิมของจักรวาลก่อนที่เทพผานกู่จะใช้ขวานจามแยกเป็นฟ้าและดินตามตำนานการสร้างโลกของชาวจีน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท