ตอนที่ 119 เทพขนนกเสียเปรียบ กระบี่สังหารเทพยุทธ์!
ตู้ม!
หลังจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเหลียงอิ้นหยวนปกคลุมเมืองเทพขนนกราวกับเมฆาทมิฬ เมืองเทพขนนกพลันสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“ผู้ใดกล้าหาญบุกรุกราชวงศ์เทพขนนกของข้า?!”
จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนกำลังประชุมราชสำนักภายในวิหารทองคำ ทันใดนั้น นางก็สัมผัสได้ถึงศัตรูจึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที
ทันทีที่ทะยานขึ้นสู่ด้านบน นางก็มองเห็นเหลียงอิ้นหยวนที่กำลังปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ข่มเหงเมืองเทพขนนก
“โอ้สวรรค์! ขอบเขตเทพยุทธ์!”
“หึ! ในสภาพที่แห้งแล้งเช่นนี้ นอกจากมีผู้พิทักษ์เทพแล้ว ยังมีผู้ฝึกยุทธ์เทพยุทธ์แข็งแกร่งอีกด้วย!”
“ราชวงศ์เทพขนนกไปยั่วยุผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“คนผู้นี้เป็นใคร? หรือเป็นบุคคลที่สามผู้ยิ่งใหญ่ส่งมาก่อกวน!”
“…”
ผู้คนทั้งหมดต่างอุทานออกมาด้วยใบหน้าสยดสยอง
แววตางดงามของหลัวชิงเซียนเผยความเคร่งขรึม นางกล่าวคำ “ผู้ยิ่งใหญ่เอ๋ย ท่านคือใคร? ข้าคือผู้ปกครองราชวงศ์เทพขนนก หาได้เคยสร้างความเป็นปฏิปักษ์ต่อท่านไม่ แล้วเหตุใดท่านจึงคิดตั้งตนเป็นศัตรูกับเรา?”
“ฮ่า ๆ!”
เหลียงอิ้นหยวนยกยิ้มเย็นชา ก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน “ข้าไม่อาจเป็นศัตรูกับเจ้าได้ หากไม่มีความคับข้องใดงั้นหรือ? แม่นางน้อย เจ้าคงเติบโตขึ้นมาแล้วไร้ผู้สั่งสอนหลักการเอาชีวิตรอด ซ้ำยังไม่มีผู้ใดสั่งสอนให้เจ้าเคารพผู้แข็งแกร่งกว่า!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แววตาของหลัวชิงเซียนพลันมืดมน
คำพูดของบุคคลนี้นับว่าไร้เหตุผลโดยแท้ มิหนำซ้ำยังชัดเจนว่าต้องการใช้ขอบเขตเทพยุทธ์ของตน เพื่อทำให้ราชวงศ์เทพขนนกอับอาย!
เมื่อตระหนักเช่นนี้แล้ว หลัวชิงเซียนย่อมไม่คิดสุภาพต่อไป นางชักกระบี่เทพขนนกออกมาแล้วชี้ตรงไปยังอีกฝ่าย “หากไม่คิดถอยกลับ อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าหยาบคาย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียงอิ้นหยวนเพียงส่ายศีรษะด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ระดับครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของข้า ข้าได้ยินว่าในราชวงศ์ของพวกเจ้ามีเทพยุทธ์คอยปกป้อง นามว่าหนิงฝาน จงไปเรียกมันผู้นั้นออกมารับความตายจากข้าเสีย!”
“หึ! หากต้องการพบสามีข้า เจ้าสมควรผ่านข้าไปให้ได้เสียก่อน!”
เวลานี้นางรู้ดีว่าหนิงฝานกำลังปิดด่านฝึกฝน หลัวชิงเซียนไม่คิดรบกวนเขา หลังจากควบแน่นพลังในกายสักครู่ พลังระดับครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ก็ถูกปลดปล่อยออก กระบี่เทพขนนกเปล่งประกาย ลำแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าเกรงขามโคจรไปรอบบริเวณ ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าโจมตีเหลียงอิ้นหยวน
“ค่ายกลเทพสงคราม!”
สิ้นเสียงของหลัวชิงเซียน ปราชญ์ยุทธ์ทุกคนจัดค่ายกลเทพสงครามที่หนิงฝานเคยมอบไว้ก่อนหน้า
เวลานี้มีปราชญ์ยุทธ์กว่าสองร้อยคนภายในราชวงศ์เทพขนนก และกลุ่มของเหล่าขุนนางล้วนแต่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ พลังของพวกเขาเหล่านี้ไม่ด้อยไปกว่าหลัวชิงเซียนเลย
ตู้ม! ตู้ม!
พลังศักดิ์สิทธิ์ระดับครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเทพยุทธ์แห่งจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนและปราชญ์ยุทธ์ทั้งหมดโจมตีเหลียงอิ้นหยวนพร้อมเพรียง
“ฮ่า ๆ! ฝูงมดน้อยต้องการเผชิญหน้ากับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ จักมั่นใจเกินไปแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เหลียงอิ้นหยวนยิ่งดูแคลนมากขึ้น เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์พัดกองทัพ ที่นำโดยจักรพรรดินีปลิวกระเด็นออกไปในทันที
เพียงพริบตาจักรพรรดินีพ่ายแพ้ ขณะที่ปราชญ์ยุทธ์ทั้งหมดต่างลอยละลิ่ว พวกเขาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเหลียงอิ้นหยวนได้!
เหลียงอิ้นหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลังจากที่ข้าครอบครองราชวงศ์เทพขนนกแล้ว ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าจัดการเรื่องต่าง ๆ เช่นนี้ข้าจึงจะไม่สังหารพวกเจ้า ไปเรียกผู้พิทักษ์เทพขนนกออกมาเสีย! ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!”
หลัวชิงเซียนเลิกคิ้วสูง หลังจากประมือกันหนึ่งกระบวนท่า นางรู้ดีว่าคนผู้นี้อยู่เหนืออำนาจของนางโดยสมบูรณ์ ในความสิ้นหวัง หลัวชิงเซียนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกล่าวว่า “เอาล่ะ เราคงต้องไปเรียกท่านผู้พิทักษ์เทพออกมาพบเจอศัตรูเสียแล้ว”
“ไม่ต้อง ข้ามาแล้ว!”
สิ้นเสียง หนิงฝานในชุดคลุมเรียบง่ายก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างจักรพรรดินีหลัวชิงเซียน
“เคารพท่านผู้พิทักษ์เทพ!”
ทันทีที่หนิงฝานปรากฏตัว ปราชญ์ยุทธ์ทุกคนรีบทำความเคารพทันที
หนิงฝานพยักหน้าตอบ ก่อนจะมองหลัวชิงเซียนด้วยแววตากังวล “ภรรยา เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร!”
หลัวชิงเซียนส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวคำอย่างเคร่งขรึม “สามี… คนผู้นี้ทรงพลังยิ่ง โปรดระวังตัว นี่หาใช่เทพยุทธ์ทั่วไป!”
หนิงฝานพยักหน้าพร้อมกับมองเหลียงอิ้นหยวน แววตาเย็นชาเผยความดุร้าย “เจ้าคือผู้ที่ทำร้ายภรรยาข้างั้นหรือ!?”
“โอ้! ดูเหมือนเจ้าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เทพยุทธ์ของที่แห่งนี้ ไม่เลว ๆ!”
เหลียงอิ้นหยวนมองหนิงฝาน และสัมผัสได้ว่าหนิงฝานไม่ได้เปิดเผยพลังศักดิ์สิทธิ์ใดเลย อีกฝ่ายคงจะซ่อนเร้นขอบเขตการฝึกฝนเอาไว้ แต่เรื่องนั้นเขาไม่คิดสนใจ เพราะเขาได้รู้จากราชาผานอู่แล้วว่าหนิงฝานเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์เมื่อสิบปีที่แล้ว ซึ่งหากเป็นขอบเขตเทพยุทธ์ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อยู่เหนือกว่า!
เหลียงอิ้นหยวนกล่าวคำกับหนิงฝานด้วยความเหยียดหยาม “เด็กน้อย มันคงไม่ง่ายนักกว่าเจ้าจะเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ได้ เอาล่ะ ยอมจำนนและทำตามที่ข้าบอกกล่าวเสีย ข้าไม่ต้องการสังหารเจ้า!”
“ฮ่า ๆ งั้นหรือ? หากคิดว่าสังหารข้าได้ก็ลองดูเถิด… ลองสังหารข้าดูสิ!”
หนิงฝานเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง
“หึ! เมื่อเจ้าไม่รู้วิธีอ่อนน้อมต่อผู้แข็งแกร่ง ข้าก็ไม่คิดละเว้นชีวิตของเจ้า!”
สีหน้าของเหลียงอิ้นหยวนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา และทันทีที่กล่าวจบ เขาก็ปลดปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา!
ตู้ม!
พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวพลุ่งพล่านออกจากร่างกายดุจกระแสน้ำเชี่ยว ก่อตัวเป็นสุดยอดพลังมังกรพิโรธ เสียงคำรามสะเทือนไปทั้งปฐพี ก่อนจะพุ่งเข้าหาหนิงฝานอย่างเกรี้ยวกราด
“สามี ระวัง!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนกรีดร้องเสียงหลง และจิตใจของปราชญ์ยุทธ์ทั้งหมดก็พลันดำดิ่ง
ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ยิ่งใหญ่กว่าหนิงฝานเมื่อสิบปีก่อน พวกเขาจึงกังวลว่าหนิงฝานไม่อาจต่อต้านได้
ทว่าเพียงเสี้ยวอึดใจนั้นเอง กลับเกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิด
หนิงฝานไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหวใด ๆ เขาเพียงขยับร่างกายเล็กน้อย ก่อนที่มังกรพิโรธตรงหน้าจะสูญสลายราวกับไม่เคยมีอยู่
“แค่นี้หรือ?” หนิงฝานยกยิ้มเย็นชา แม้แต่แววตาก็เผยความเย้ยหยัน
“เป็นไปได้อย่างไร!”
ความเย่อหยิ่งก่อนหน้าพลันหายไปจากใบหน้าของเหลียงอิ้นหยวนในทันที
แม้เขาจะไม่ได้ใช้อาวุธใดสำหรับการโจมตีเมื่อครู่ แต่นี่หาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์เทพยุทธ์รุ่นเยาว์จะรับมือได้ ทว่าคนตรงหน้ากลับทำลายมันง่ายดายเพียงกระดิกปลายนิ้ว ในจิตใจเขาพลันวูบไหวและตื่นตระหนก
“ความแข็งแกร่งของเจ้ามีเพียงเท่านี้ แต่กล้าหาญบุกรุกเข้ามาคิดสังหารข้า? ผู้ใดมอบความมั่นใจนี้ให้เจ้า!”
หนิงฝานส่ายศีรษะ ก่อนจะดึงกระบี่ออกมาสับฟันทันที
ตู้ม!
ปราณกระบี่สว่างไสวราวสายรุ้งพาดผ่านท้องฟ้า ขณะเดียวกันสุดยอดพลังแห่งเทพยุทธ์ระดับเทพมนุษย์ก็ถูกปลดปล่อยออกจากร่างกายของหนิงฝาน!
“ระดับเทพมนุษย์!”
“ไม่! เป็นไปไม่ได้!”
“เพียงสิบปี เจ้าจักสามารถเข้าสู่ระดับเทพมนุษย์ได้อย่างไร!”
เมื่อสัมผัสถึงพลังยิ่งใหญ่ของหนิงฝานแล้ว ม่านตาของเหลียงอิ้นหยวนพลันหดลงอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อปนหวาดกลัว
ฉับ!
ปราณกระบี่ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็ว เขาตื่นตระหนกได้ไม่นาน ก็ต้องรีบใช้พละกำลังทั้งหมดตั้งรับการโจมตีรุนแรงนี้อย่างรวดเร็ว
“เกราะกลไกสวรรค์!”
เกราะศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในมือ มันพองตัวออกหลายร้อยจั้งในพริบตา ก่อนจะแผ่ออกไปทั่วบริเวณพร้อมสุดยอดพลังพร่างพราวห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ดั่งเกราะป้องกัน
นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แท้จริง และแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาวุธเทพของสามผู้ยิ่งใหญ่ก่อนหน้า… ไม่มีผู้ใดคาดเดาถึงความแข็งแกร่งของมันได้ในเวลานี้!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
อึดใจถัดมา เพียงแค่เหลียงอิ้นหยวนเปลี่ยนความคิด เข็มทิศบนเกราะกลไกสวรรค์ก็ระเบิดลำแสงศักดิ์สิทธิ์ออก กลายเป็นคลื่นพลังรุนแรงเพื่อปิดกั้นปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามา
ปัง! ปัง! ปัง!
ทันทีที่ปราณกระบี่กระทบกับลำแสงปราการศักดิ์สิทธิ์ พวกมันสูญสลายไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยใด
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้ว จิตใจของเหลียงอิ้นหยวนยิ่งตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“ตาย!”
ปราณกระบี่พุ่งทะยานเข้าหาศีรษะของเขาอย่างมาดมั่น เหลียงอิ้นหยวนรีบกระตุ้นเกราะกลไกสวรรค์ให้เปิดใช้งานอีกครั้ง มันปรากฏลำแสงศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะเริ่มควบแน่นพลัง
ตู้ม!
ปราณกระบี่ผ่าเกราะกลไกสวรรค์เกิดเสียงดังสะเทือนฟ้าดิน ก่อนจะฉีกกระชากทุกสิ่งออกเป็นเศษซาก เสียงกรีดร้องของเหลียงอิ้นหยวนดังลั่นอย่างน่าสมเพช ร่างกายของเขารับคมกระบี่โดยตรงจึงถูกตรึงไว้แน่นบนความว่างเปล่า!