สามีข้าคือขุนนางใหญ่ – บทที่ 292 ทำให้ยุ่งยาก

บทที่ 292 ทำให้ยุ่งยาก

สภาพอากาศ​ใน​เมืองหลวง​ช่วง​ปลายเดือน​ห้า​เริ่ม​ร้อน​อบอ้าว​เหมือน​ช่วง​กลาง​ฤดูร้อน

เซียว​ลิ่ว​หลัง​เข้ามา​อยู่​ใน​สำนัก​ฮั่น​หลิน​มา​เป็นเวลา​ยี่สิบ​วัน​แล้ว​ ​แต่​เนื่องจาก​เขา​ยัง​ใหม่​สำหรับ​ที่นี่​ ​จึง​ยังคง​เน้น​เรื่อง​การเรียนรู้​เป็นหลัก

ช่วง​เช้า​จะ​มี​ขุนนาง​ซื่อ​ตู๋​หรือไม่ก็​ขุนนาง​ซื่อ​เจี่ย​งมา​สอนหนังสือ​ ​โดย​ใช้เวลา​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​ส่วน​เวลา​ที่​เหลือก​็​เอาไว้​ใช้​ศึกษา​ด้วย​ตนเอง

หาก​มีต​รง​ไหน​ไม่เข้าใจ​ ​สามารถ​ถาม​คำถาม​นอกเหนือ​เวลาเรียน​ ​หรือไม่ก็​สามารถ​ถาม​นักปราชญ์​ของ​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ได้

นักปราชญ์​ของ​สำนัก​ฮั่น​หลิน​จัด​ว่า​เป็น​ขุนนาง​ระดับสูง​สุด​ใน​นั้น​ ​เป็น​ขุนนาง​ระดับ​ห้า​ ​มีหน้า​ที่​ดูแล​สำนัก​ใน​เรื่อง​ต่างๆ​ ​มักจะ​งาน​ยุ่ง​และ​ไม่มีเวลา​มานั​่ง​ตอบคำถาม​ให้​กับ​ขุนนาง​หน้าใหม่

รอง​ลงมา​ก็​จะ​มี​ขุนนาง​ซื่อ​ตู๋​สอง​คน​ ​และ​ขุนนาง​ซื่อ​เจี่ย​งอีก​สอง​คน​ ​จัด​อยู่​ใน​ระดับ​หก​ ​พวกเขา​มีหน้า​ที่​หลัก​ใน​การสอน​ไม่จำกัด​เฉพาะ​เจ้าหน้าที่​ฝึกอบรม​และ​ปราชญ์​ของ​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ ​หาก​มีคุณ​สมบัติ​เพียงพอ​ก็​มีโอกาส​เข้า​วัง​เพื่อ​บรรยาย​ให้​องค์​จักรพรรดิ​และ​ไท่​จื่อ

ส่วน​เซียว​ลิ่ว​หลัง​มีตำ​แหน่ง​ซิวจ​้​วน​ ​เสมียน​ของ​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ ​อยู่​ใน​ระดับ​หก​เช่นกัน

ส่วน​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​และ​หนิง​จื้อ​หย่วน​ได้​ตำแหน่ง​เปี่ยน​ซิว​ ​อยู่​ใน​ระดับ​เจ็ด

รอง​ลงมา​คือ​ขุนนาง​ระดับ​แปด​ ​ซึ่ง​เป็น​ตำแหน่ง​อู่​จิง​ป๋อ​ซื่อ​เก้า​คน

ที่​น่า​พูดถึง​ก็​คือ​ ​ทุก​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ใน​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ ​มี​เพียง​อู่​จิง​ป๋อ​ซื่อ​เท่านั้น​ที่​ใช้​ระบบ​สืบเชื้อสาย

ดังนั้น​ ​ถึงแม้ว่า​พวกเขา​จะ​ไม่ได้​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่สูง​มาก​นัก​ ​แต่​พวกเขา​มี​การศึกษา​และ​ความรู้​ที่​แข็งแกร่ง​มาก​ ​ทำให้​พวกเขา​เป็น​กลุ่มคน​ที่​โดดเด่น​ใน​สำนัก​ฮั่น​หลิน

และ​ยัง​มี​ขุนนาง​ระดับ​แปด​ที่​ทำหน้าที่​ทะเบียน​หรือ​ที่​เรียกว่า​เตี่ยน​จี๋​สอง​คน​ ​ขุนนาง​ระดับ​เก้า​ที่​เป็น​ซื่อ​ชูส​องคน​ ​และ​ซื่อ​จ้าว​หก​คน​ ​และ​มีข​่​งมู​่​อีก​หนึ่ง​ที่​ไม่ได้​อยู่​ใน​ระดับ​ขุนนาง​ด้วย

หน้าที่​ของ​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ใน​แต่ละ​ยุคสมัย​มี​ความต่างกัน​ออก​ไป​ ​ใน​ยุค​นี้​ ​หน้าที่​ของ​สำนัก​ฮั่น​หลิน​คือ​การ​ร่าง​หนังสือ​ ​บันทึก​พงศาวดาร​ ​การ​ทำ​จดหมาย​ราชสำนัก​ ​รวมถึง​การเขียน​ราชกิจจานุเบกษา​ของ​องค์​จักรพรรดิ​ด้วย

เซียว​ลิ่ว​หลัง​และ​คนอื่นๆ​ ​หลัก​จาก​ที่​เข้ามา​ทำงาน​ได้​สักพัก​ ​ก็​เริ่ม​ได้​จับ​การเขียน​จดหมาย​ราชสำนัก​บ้าง​แล้ว

วันนี้​ขุนนาง​ที่​เป็น​ซิวจ​้​วน​มาจาก​ตระกูล​หยาง​ ​ได้​เรียก​เซียว​ลิ่ว​หลัง​เข้าพบ

เขา​เป็น​ขุนนาง​ซิวจ​้​วน​ที่​เก่าแก่​ที่สุด​ใน​ฮั่น​หลิน​ ​ไม่น่า​แปลกใจ​เลย​ที่​หลังจาก​ผ่าน​การประเมิน​ใน​ช่วง​ปลายปี​ ​เขา​จะ​ได้รับ​การ​เลื่อนตำแหน่ง​ ​และ​ตอนนี้​งานเขียน​ทั้งหมด​ของ​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ก็​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ของ​เขา

เขา​ขอให้​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ช่วย​เขียน​คำจารึก​ ​โดย​บอกว่า​ฮ่องเต้​มีแผน​จะ​สร้าง​สุสาน​ของ​จักรพรรดิ​ขึ้น​ใหม่

เวลา​ผ่าน​ไป​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ก็​เขียน​คำจารึก​เสร็จ​ ​แล้ว​ยื่น​ให้​หยาง​ซิวจ​้​วน

หยาง​ซิวจ​้​วน​พอ​อ่าน​เสร็จ​ก็​ถึงกับ​คิ้ว​ขมวด​จน​เป็น​ปม​หนา​ ​“​เจ้า​เป็น​ถึง​จอ​หงวน​เชียว​นะ​ ​เขียน​ได้​แค่นี้​เอง​รึ​ ​แหกตา​ดู​สิว​่า​เขียน​อะไร​ลง​ไป​ ​คำจารึก​แบบนี้​ ​หาก​ฝ่า​บาท​ทอดพระเนตร​แล้ว​มีหวัง​ทรง​กริ้ว​เป็นแน่แท้​!​”

เซียว​ลิ่ว​หลัง​อ้ำอึ้ง​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ถาม​ ​“​ขอ​เรียนถาม​ขอรับ​ ​ประโยค​ไหน​ที่​ฝ่า​บาท​มาท​อด​พระ​เนตร​แล้ว​จะ​ทรง​กริ้ว​หรือ​ขอรับ​”

หยาง​ซิวจ​้​วน​ทำ​หน้า​เหนื่อยหน่าย​ ​“​เจ้า​ดู​เอง​ไม่​ออก​รึ​ ​ต้อง​ให้​ข้า​สอนอี​กรึ​ ​นี่​เจ้า​มา​เป็น​จอ​หงวน​ได้​อย่างไร​กัน​”

เซียว​ลิ่ว​หลัง​เม้มปาก​ ​ไม่​เอ่ย​อะไร​ ​ก่อน​จะ​กลับ​ไป​เขียน​ใหม่

แต่กระนั้น​ ​หยาง​ซิวจ​้​วน​ก็​ยัง​ไม่พอใจ

เซียว​ลิ่ว​หลัง​นั่ง​เขียน​คำจารึก​ไป​ประมาณ​สิบ​หกสิบ​เจ็ด​ชุด​ได้​ทั้ง​เช้า​ ​แต่​ทั้งหมด​กลับ​ถูก​หยาง​ซิวจ​้​วน​ปฏิเสธ​ลูก​เดียว

“​แค่​คำจารึก​ง่ายๆ​ ​ยัง​เขียน​ไม่​เป็น​ ​ข้าว​่า​เจ้า​ไม่ต้อง​กินข้าว​กลางวัน​แล้ว​กระมัง​ ​นั่ง​เขียน​ไป​เรื่อยๆ​ ​แบบนี้​นี่​ล่ะ​!​ ​เขียน​จนกว่า​ข้า​จะ​พอใจ​!​”

หยาง​ซิวจ​้​วน​พูด​จบ​ก็​เดิน​สะบัดก้น​ออก​ไป​ที่​โรงอาหาร​ของ​สำนัก

เซียว​ลิ่ว​หลัง​ถือ​แผ่น​จารึก​กลับ​เข้าไป​ใน​ห้องทำงาน​ของ​เขา​ ​แล้ว​ก้มหน้าก้มตา​เขียน​ต่อไป

อากาศ​ที่​ร้อน​อบอ้าว​ทำให้​ห้องทำงาน​ของ​เขา​ไม่​ต่าง​อะไร​จาก​หม้อ​นึ่ง​ ​ร่างกาย​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​เหงื่อไคล​ ​เสื้อ​ของ​เขา​ก็​ยัง​เปียกโชก​อีกด้วย

ทันใดนั้น​ ​หน้า​ห้อง​ของ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ปรากฏ​ชาย​สวม​หมวก​คน​หนึ่ง​ที่​กำลัง​ทำท่า​บีบ​จมูก​ของ​เขา​และ​มอง​ไปร​อบ​ๆ​ ​พอ​แน่ใจ​แล้ว​ว่า​ไม่มีใคร​อยู่​ข้างนอก​ ​เขา​จึง​ย่อง​เท้า​เงียบๆ​ ​และ​แอบ​เข้าไป​ใน​ห้องทำงาน​ของ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​พร้อมกับ​กล่อง​อาหาร​ใน​มือ

เงา​ของ​ชาย​คน​นั้น​บัง​ทับ​บน​กระดาษ​ของ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​จึง​เงยหน้า​ขึ้นไป​มอง​ ​“​เจ้า​มา​ได้​อย่างไร​”

หนิง​จื้อ​หย่วน​วาง​กล่อง​อาหาร​ไว้​บน​โต๊ะ​ ​“​ก็​มาส​่ง​ข้าว​ให้​เจ้า​อย่างไรเล่า​!​ ​เมื่อ​ครู่​ข้า​บังเอิญ​สวน​กับเฝิง​หลิน​และ​หลิน​เฉิง​เย​่​ ​พวกเขา​ถาม​ข้าว​่า​เหตุใด​ยัง​ไม่เห็น​เจ้า​ออกมา​กินข้าว​ ​ข้า​เลย​บอกว่า​เจ้า​กิน​แล้ว​”

หนิง​จื้อ​หย่วน​พูด​ไป​พลาง​เปิด​กล่อง​อาหาร​ไป

อาหาร​ที่ว่า​นั่น​ก็​ไม่ใช่​ของดี​อะไร​นัก

ครอบครัว​ของ​เขา​ยากจน​และ​ข้าวของ​ใน​เมืองหลวง​ก็​มีราคา​สูง​ ​เงินเดือน​น้อย​ของ​เขา​ไม่​เพียงพอ​สำหรับ​ตัว​เขา​เอง​ทุก​เดือน

อาหาร​ที่​เขา​นำมา​ให้​คือ​บะหมี่​หยาง​ชุน​โรย​ด้วย​ต้นหอม​สับ​และ​ผัก​เคียง​เป็น​ถั่วงอก​ลวก

เพียงแต่​…​อาจ​เป็น​เพราะ​ห้อง​ของ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​อยู่​ใกล้​กับ​ห้องน้ำ​เกินไป​ ​ตอน​ช่วง​หน้าหนาว​ยัง​พอ​ไหว​ ​แต่​พอ​เป็น​หน้าร้อน​แบบนี้​ ​ก็​แอบ​มีส​่​งก​ลิ่น​บ้าง

เซียว​ลิ่ว​หลัง​รีบ​เดิน​ไป​ปิดหน้า​ต่าง​ประตู

แม้​จะ​ไม่มี​กลิ่น​รบกวน​จาก​ภายนอก​แล้ว​ ​แต่​พอ​ปิดหน้า​ต่าง​ประตู​เลย​กลายเป็น​ว่า​ห้อง​ยิ่ง​อบอ้าว​กว่า​เดิม

“​รีบ​กิน​เสีย​สิ​!​”​ ​หนิง​จื้อ​หย่วน​เร่ง

เซียว​ลิ่ว​หลัง​ไม่ได้​โอดครวญ​อะไร​ ​ยก​ตะเกียบ​ขึ้น​ ​แล้ว​ลงมือ​กิน​อย่างตั้งใจ

บะหมี่​หยาง​ชุน​รสจืด​ไป​หน่อย​ ​ส่วน​ถั่วงอก​ก็​เค็ม​ไป​นิด​ ​แต่​สุดท้าย​ก็​กิน​จน​หมด

ผ่าน​ไป​แค่​ชั่วพริบตา​เดียว​ ​ทั้ง​ร่าง​ของ​หนิง​จื้อ​หย่วน​ก็​ชุ่ม​ไป​ด้วย​เหงื่อ​ ​เขา​เอาแต่​คิดในใจ​ว่า​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ใช้ชีวิต​ใน​ห้อง​แบบนี้​ไป​ได้​อย่างไร

พอ​เห็น​ว่า​เขา​กิน​เสร็จ​แล้ว​ ​หนิง​จื้อ​หย่วน​ก็​รีบ​พุ่งตัว​ไป​เปิด​หน้าต่าง

ในที่สุด​…​ก็ได้​รับลม​สักที

เซียว​ลิ่ว​หลัง​เก็บ​อุปกรณ์​กินข้าว​เรียบร้อย

หนิง​จื้อ​หย่วน​ชำเลือง​ดูก​องคำ​จารึก​บน​โต๊ะ​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ถาม​ ​“​หยาง​ซิวจ​้​วน​อีกแล้ว​รึ​”

นี่​ไม่ใช่​ครั้งแรก​ที่​เซียว​ลิ่ว​หลัง​เจอ​เรื่อง​แบบนี้

คราวก่อน​เซียว​ลิ่ว​หลัง​โดน​แก้งาน​ไป​สาม​ถึง​ห้า​ครั้ง​ ​แต่​คราวนี้​เริ่ม​หนัก​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ถึงขั้น​ไม่​ปล่อย​ให้​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ได้​พัก​กินข้าว​กัน​เลย

หนิง​จื้อ​หย่วน​สุ่ม​หยิบ​กระดาษ​ที่​เซียว​ลิ่ว​หลัง​เขียน​ขึ้น​มา​หนึ่ง​แผ่น​ ​“​เจ้า​เขียน​ดีกว่า​ข้า​ตั้ง​เยอะ​ ​หยาง​ซิวจ​้​วน​เมื่อเช้า​ยัง​ชม​ข้า​อยู่​เลย​…​ข้าว​่า​ ​เจ้า​ไม่ต้อง​เขียน​เพิ่ม​แล้ว​ ​เจ้า​ลอง​ยื่น​ให้​เขา​ดู​อีก​รอบ​นะ​ ​ข้า​พนัน​เลย​ว่า​อัน​ที่​เจ้า​เขียน​ก่อนหน้า​นั้น​เขา​แทบ​ไม่ได้​อ่าน​เลย​!​”

แต่​ที่​ปฏิเสธ​ไม่ได้​ก็​คือ​ ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​เขียน​คำจารึก​ได้ดี​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ใน​ทุก​ใบ​ที่​เขา​เขียน​แก้​ใหม่​ ​ที่จริง​เขา​ทำ​มัน​ได้ดี​มาก​ตั้งแต่​ใบ​แรก​เสียด​้วย​ซ้ำ

หนิง​จื้อ​หย่วน​คิดในใจ​ ​เขา​ทำได้​อย่างไร​กัน

“​ไม่มี​คน​เห็น​เจ้า​มาที​่​นี่​รึ​”​ ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​เอ่ย​ถาม

“​พวกเขา​กินข้าว​กัน​อยู่​ ​ไม่มีใคร​สนใจ​ข้า​หรอก​”​ ​หนิง​จื้อ​หย่วน​เอ่ย​พลาง​หัวเราะ

“​เจ้า​รีบ​ออก​ไป​เถอะ​ ​อย่า​อยู่นาน​เลย​”​ ​เซียว​ลิ่ว​หลิง​เอ่ย​ก่อน​จะ​ยื่น​เงิน​ให้​ ​“​อ่ะ​นี่​ ​ค่า​ข้าว​”

หนิง​จื้อ​หย่วน​โบกมือ​ปัด​ ​“​ข้า​ไม่​คิดเงิน​เจ้า​หรอก​!​ ​กับ​แค่​หยาง​ชุน​เมี​่​ยน​แค่นี้​ข้า​เลี้ยง​เจ้า​ได้​สบาย​ๆ​ ​น่า​!​”

เซียว​ลิ่ว​หลัง​ครุ่นคิด​อยู่​พัก​ ​ก่อน​จะ​วางเงิน​ลง​ ​“​ก็ได้​ ​ขอบใจ​เจ้า​มาก​เลย​”

หนิง​จื้อ​หย่วน​นั่ง​อยู่​ใน​นั้น​ต่อ​อีก​พัก​หนึ่ง​ ​พลาง​นึก​ ​ห้อง​นี้​ทั้ง​อุดอู้​ทั้ง​มีกลิ่น​โชย​จาก​ห้องน้ำ​ ​นี่​มัน​แกล้ง​กัน​ชัดๆ​ ​ให้​เซียว​ลิ่ว​หลัง​มาทำ​งาน​ใน​ห้อง​แบบนี้​ทุกวัน​ได้​อย่างไร

แต่​พอนึ​กดู​ดี​ๆ​ ​ถ้า​เป็น​เขา​ละ​ก็​ ​ป่านนี้​คง​โดน​แกล้ง​ให้​ลาออก​จาก​สำนัก​แล้ว​กระมัง

“​เจ้า​นี่​นะ​…​เอาเถอะ​”

เดิมที​หนิง​จื้อ​หย่วน​คิด​จะ​บอก​ให้​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ไป​ขอความเห็น​ใจ​กับ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ ​แต่​ที่จริง​แล้ว​ ​การ​ที่​เซียว​ลิ่ว​หลัง​โดน​แบบนี้​น่าจะ​ไม่ใช่​เพราะ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​แต่อย่างใด​ ​เพราะ​เขา​เอง​ก็​เพิ่ง​มา​ใหม่​ ​ไม่น่า​จะ​ควบคุม​ขุนนาง​ใน​นี้​ได้​ ​หนิง​จื้อ​หย่วน​เดา​ว่านี​่​น่าจะเป็น​ฝีมือ​บงการ​ของ​ราชครู​จวง

ที่​จงใจ​อยาก​ให้​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ลำบาก

แต่​ถ้า​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ยอม​ยื่นมือ​เข้า​ช่วย​ ​อย่างน้อย​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ก็​น่าจะ​สบาย​ขึ้น​บ้าง

เพราะ​อย่างไร​เสีย​ ​พวกเขา​ทั้ง​สาม​ก็​เข้ามา​ที่นี่​พร้อมกัน​ ​เป็นมิตร​ต่อกัน​

แต่​หนิง​จื้อ​หย่วน​ก็​พอ​เข้าใจ​ว่า​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ไม่ใช่​คน​แบบ​นั้น​อยู่​แล้ว

“​เจ้า​กลับ​ไป​เถอะ​”​ ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​เอ่ย​ทัก​ ​“​ที่นี่​อบอ้าว​นัก​”

“​ก็ได้​ ​ข้า​ไป​ก่อน​ล่ะ​”​ ​หนิง​จื้อ​หย่วน​พอ​เห็น​ว่า​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ทำท่า​ปฏิเสธ​ที่จะ​คุย​เรื่อง​นี้​ต่อ​ ​ก็​พลัน​ถอนหายใจ​หนึ่ง​ที​ ​ก่อน​จะ​หยิบ​กล่อง​ข้าว​แล้ว​ค่อยๆ​ ​ย่อง​ออก​ไป

ตกบ่าย​ ​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ยื่น​คำจารึก​ที่​ร่าง​ใหม่​ให้​หยาง​ซิวจ​้​วน​ตรวจดู

หยาง​ซิวจ​้​วน​พูด​บ่น​อุบอิบ​ตามเดิม​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​ขื่อ​แป​ป่านนี้​เขา​คงพลั​้​งมือ​ทุ่ม​กองคำ​จารึก​ลง​ไป​ที่​หน้าเซียว​ลิ่ว​หลัง​แล้ว

“​ไม่ได้เรื่อง​เอา​เสีย​เลย​!​”

หยาง​ซิวจ​้​วน​เดือดดาล​จน​ลุกขึ้น​และ​นั่งลง​ไป​ใหม่​ ​ก่อน​จะ​ถลึงตา​ใส่​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ ​“​มายืน​ซื่อบื้อ​ตรงนี้​อยู่​ใย​ ​รีบ​ไป​แก้​เสีย​สิ​!​”

เซียว​ลิ่ว​หลัง​จึง​กลับ​หลัง​หัน​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

“​นี่​ ​เจ้า​ ​กิริยามารยาท​แบบนี้​…​”​ ​ขณะที่​หยาง​ซิวจ​้​วน​กำลังจะ​บันดาล​โทสะ​ ​จู่ๆ​ ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ก็​เดิน​เข้ามา​ใน​ห้อง​พอดี

“​ข้ามา​ผิดจังหวะ​รึ​”​ ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​มอง​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ที่​กำลัง​เดินสวน​มา​ ​ก่อน​จะ​สลับ​มอง​ไป​ที่​หยาง​ซิวจ​้​วน​ที่​กำลัง​หัว​ร้อน

“​มิใช่​เช่นนั้น​ขอรับ​”​ ​หยาง​ซิวจ​้​วน​พอ​เห็น​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ก็​รีบ​เปลี่ยนท่าที​และ​ตีหน้า​ยิ้มแย้ม​ ​ก่อน​จะ​ถวายบังคม​ให้

“​ที่นี่​ ​ข้า​ไม่ใช่​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ ​มี​แต่​ข้า​ในนาม​จวง​อวี​้​เหิง​ ​ท่าน​หยาง​ซิวจ​้​วน​ไม่ต้อง​เกรงใจ​ข้า​หรอก​”​ ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ยื่นมือ​ห้าม

“​เอ่อ​…​ขอรับ​!​ขอรับ​!​”​ ​หยาง​ซิวจ​้​วน​หัวเราะ​แห้ง​ๆ​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ถาม​ ​“​ท่าน​อวี​้​เหิ​งมา​หา​ข้า​น้อย​…​เอ่อ​…​ข้า​ด้วย​ธุระ​อัน​ใด​หรือ​”

อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​เอ๋ย​ ​”​เมื่อ​ครู่​ ​ข้า​ได้​พบ​กับ​นักปราชญ์​หาน​ ​เขา​แจ้ง​ข้ามา​ว่า​มี​หนังสือประวัติศาสตร์​จำนวน​หนึ่ง​ที่​ต้อง​แก้ไข​ใน​ห้องสมุด​เย​่ว​์​หลัว​ซาน​ ​เลย​จะ​ขอให้​หยาง​ซิวจ​้​วน​พา​ขุนนาง​สอง​สาม​คน​ไป​ที่นั่น​ ​ทาง​ที่​ดี​ควร​จัดการ​ให้​เสร็จ​ภายใน​วันนี้​”

ห้องสมุด​เย​่ว​์​หลัว​ซาน​เป็น​ห้องสมุด​ที่​ได้รับ​การ​บริจาค​โดย​นักพรต​ผู้​บำเพ็ญ​ ​และ​มี​หนังสือประวัติศาสตร์​มากมาย​จาก​ราชวงศ์​ใน​ยุค​ต่างๆ​ ​แต่​หนังสือประวัติศาสตร์​บางส่วน​จำเป็นต้อง​ได้รับ​การ​แก้ไข​ใหม่

หยาง​ซิวจ​้​วน​รีบ​ขานตอบ​ ​“​ขอรับ​ ​ข้า​จะ​รีบ​ตาม​คน​ไป​จัดการ​!​ ​บรรณาธิการ​จวง​…​”

“​ข้า​ไป​ได้​”​ ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​พยักหน้า

หยาง​ซิวจ​้​วน​ยิ้มแห้ง​ให้

อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​มอง​ไป​ที่​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ซึ่ง​เดิน​ออก​ไป​พัก​หนึ่ง​แล้ว​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ ​”​พา​เซียว​ซิวจ​้​วน​ไป​ด้วย​ ​ข้า​จำได้​ว่า​เขา​ชำนาญ​ด้าน​ประวัติศาสตร์​มาก​ทีเดียว​”

“​แต่​คง​เทียบ​กับ​ท่าน​มิได้​หรอก​!​”​ ​หยาง​ซิวจ​้​วน​พูด​ประจบ

แต่​ตอนนี้​ ​ในเมื่อ​อันจ​วิ​้​นอ​๋​อง​พูด​ขึ้น​เช่นนี้​ ​หยาง​ซิวจ​้​วน​จึง​จำต้อง​ยกเลิก​แผนการ​ทรมาน​เซียว​ลิ่ว​หลัง​ไป​ก่อน

ส่วน​หนิง​จื้อ​หย่วน​ถูก​ขุนนาง​ซื่อ​ตู๋​เรียก​ไป​ใช้งาน​ตลอด​ช่วง​บ่าย​ ​ก็​เลย​ไม่ได้​ไป​ด้วยกัน

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม!

จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้เจียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล

แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เซียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ

เพราะบุญคุณเซียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ

แต่เพราะ ‘ฝันบอกเหตุ’ ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนใหม่ได้รู้ว่าเซียวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในอนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก

เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ายทั้งหลายเพื่อประคองเขาขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท