รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 173 กลายเป็นที่ฮือฮาทั้งหมดแย่งชิงกัน!

บทที่ 173 กลายเป็นที่ฮือฮาทั้งหมดแย่งชิงกัน!

บทที่ 173 กลายเป็นที่ฮือฮาทั้งหมดแย่งชิงกัน!

เมื่อเด็กผู้มีความสามารถท้าทายสวรรค์ทั้งแปดปรากฏตัวขึ้น ก็กลายเป็นที่ฮือฮาของฝูงชนทันที

ผู้ฝึกตนยอดฝีมือทั้งหลายต่างจ้องมองอ้ายฉานกับเด็กคนอื่น ๆ ด้วยสายตาร้อนแรง ล้วนอยากจะรับพวกอ้ายฉานมาเป็นลูกศิษย์ของพวกเขา

ซ้ำยังมีสัตว์อสูรและปีศาจมากมายที่จ้องอ้ายฉานกับเด็กคนอื่น ๆ ด้วยสายตาร้อนแรง

“เหตุใดพวกเจ้าต้องตื่นเต้นด้วย?” มีผู้ฝึกตนถามขึ้นมาอย่างสงสัย

ความสามารถท้าทายสวรรค์เป็นของพวกเขาเผ่าพันธุ์มนุษย์ เกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรและปีศาจได้อย่างไร?

น้อย ๆ หน่อย พวกเจ้าจ้องมองอย่างกระหายเพื่ออันใดกัน?

“ความสามารถท้าทายสวรรค์เช่นนี้ หากได้กินสักคำ เกรงว่าพลังสายเลือดของข้าจะยิ่งทวีคูณมากขึ้น ทั้งยังชำระล้างสายเลือดให้บริสุทธิ์มากขึ้นด้วย!”

สัตว์อสูรและเหล่าปีศาจไม่ได้คิดอะไรมากนัก ต่างพูดความคิดของตนออกมาโดยตรง

แม้แต่น้ำลายของพวกมันก็ไหลออกมาจากมุมปาก!

“เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร!?”

ผู้ฝึกตนผู้นั้นโกรธทันที

“ข้าพูดผิดไป ข้าเพียงตื่นเต้นแทนพวกเจ้า เผ่ามนุษย์มีผู้ท้าทายสวรรค์ปรากฏตัวถึงแปดคนเช่นนี้ ต่อไปจักต้องรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน!”

สัตว์อสูรและเหล่าปีศาจรู้ตัวว่าพูดอะไรผิดไปก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที

กล่าวชมไปอย่างนั้น มันจะพูดความในใจออกมาได้อย่างไร?

ความสามารถท้าทายสวรรค์เช่นนี้ หากพวกมันกล้าพูดความในใจออกไป ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์จะต้องต่อสู้เอาชีวิตพวกมันเป็นแน่!

“เหตุใดที่แห่งนี้จึงมีผู้ฝึกตนกับพวกสัตว์อสูรและปีศาจมากมายนัก…”

ผู้ปกครองของเด็ก ๆ เห็นผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรและปีศาจมากมายกำลังรายล้อมอยู่ก็ตกใจกลัว

พวกเขาเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้เสียเมื่อไหร่กัน!?

ยามนี้ผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรและปีศาจมีมากเกินไป!

“ไม่ต้องกลัวไป พวกเขาไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ทั้งหมดล้วนมาเพราะความสามารถอันน่าทึ่งของบุตรธิดาพวกเจ้า”

อันหลานเสวี่ยแย้มยิ้ม ดวงหน้างดงามเหนือสรรพสิ่งแฝงเสน่ห์เหนือสามัญ นางบอกความจริงกับบิดามารดาของเด็ก ๆ

แล้วหญิงสาวก็มองอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นพลางกล่าวเสียงเบา “ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เป็นศิษย์พี่หญิงของพวกเจ้า แต่ความสามารถของพวกเจ้าร้ายกาจเกินไป คุณสมบัติแต่ละคนน่าทึ่งยิ่งนัก พรรคจื่อเสียเล็กเกินไปไม่เหมาะกับพวกเจ้า พวกเจ้าสมควรไปฝึกตนในในสำนักใหญ่ ๆ จะดีกว่า”

“แต่ข้าชอบพี่สาวมาก ข้าอยากฝึกตนกับพี่สาว…”

อ้ายฉานกะพริบดวงตากลมโตของนาง มองอันหลานเสวี่ยพลางกล่าว

นางไม่เข้าใจคำพูดของอันหลานเสวี่ย เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมนั้นคือสิ่งใดกัน?

เพราะยังเด็กจึงไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน นางเพียงชอบอันหลานเสวี่ยและอยากฝึกตนในพรรคจื่อเสียเท่านั้น

“พี่สาว ไม่ใช่ว่าพวกเรามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขรับศิษย์พรรคจื่อเสียแล้วหรอกหรือ??”

“ข้าก็อยากฝึกตนกับพี่สาวเหมือนกัน!”

จู้จื่อน้อยกับเด็ก ๆ คนอื่นกล่าวขึ้นพร้อมกัน

พวกเขาไร้เดียงสา เพียงอยากทำในสิ่งที่ตนเองชอบเท่านั้น ที่สำคัญคือพวกเขาชอบอันหลานเสวี่ยมาก!

อันหลานเสวี่ยเพียงถอนหายใจ

เหตุใดนางจะไม่อยากให้อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นมาฝึกตนในพรรคจื่อเสีย?

แต่…นี่จะเป็นไปได้หรือ?

กองกำลังบ่มเพาะแดนบูรพาทิศเกือบทั้งหมดมาถึงแล้ว แม้กระทั่งผู้ฝึกตนจากสี่แดนก็มาด้วย

พวกเขาต่างจับจ้องอ้ายฉานกับเด็กคนอื่น เช่นนี้แล้วพรรคจื่อเสียจะเอาสิทธิ์อะไรไปพูดได้…

ตอนนี้ทุกอย่างไม่ใช่พรรคจื่อเสียเป็นผู้กำหนดแล้ว

“เด็ก ๆ พรรคจื่อเสียไม่มีอะไรดี พวกเจ้าเองก็เห็นแล้วว่าในพรรคจื่อเสียเหลือคนอยู่ไม่มาก หากพวกเจ้าอยู่ในพรรคจื่อเสีย มีแต่จะทำให้พวกเจ้าเสียเวลา”

เจ้าสำนักหยวนอีเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า “ไปกับลุงกันเถิด ลุงเป็นเจ้าสำนักของสำนักหยวนอี สำนักหยวนอีนั้นแข็งแกร่งกว่าพรรคจื่อเสียมากนัก อีกทั้งพวกเรายังเป็นสำนักฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบูรพาทิศด้วย!”

“เฉินหมิง เจ้ากำลังพล่ามอันใดอยู่? สำนักหยวนอีของเจ้าเป็นสำนักฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบูรพาทิศหรือ? แล้วนิกายจินกวงของพวกข้าเล่า?”

เจ้านิกายจินกวงแค่นเสียงอย่างเย็นชาอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง

กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบูรพาทิศไม่ได้มีแค่สำนักหยวนอี นิกายจินกวงของพวกเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน และทั้งคู่ก็เป็นกองกำลังที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในแดนบูรพาทิศ

“ยังมีหุบเขาเทพจันทราของพวกข้าด้วย!”

“สำนักหยวนอี ไม่ใช่สำนักฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบูรพาทิศ!”

มีเสียงโต้แย้งดังขึ้นหลายครั้ง ยอดฝีมือหลายคนที่มีพลังปราณแกร่งกล้าล้วนแต่รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งกับคำพูดของเจ้าสำนักหยวนอี

กองกำลังของพวกเขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าสำนักหยวนอี ซ้ำยังเป็นกองกำลังที่รุ่งเรืองที่สุดในแดนบูรพาทิศด้วยเช่นกัน

“ขออภัย ๆ เมื่อครู่ข้ากล่าวผิดไป”

เจ้าสำนักหยวนอียิ้มเอ่ยอย่างประชดประชัน และยอมรับความผิดพลาดของตนอย่างรวดเร็ว

เขาคิดแต่จะอธิบายให้เด็ก ๆ รู้ถึงความแข็งแกร่งของสำนักหยวนอี ดังนั้นจึงได้เอ่ยอย่างประมาทเลินเล่อไป

สำนักหยวนอีแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขายังไม่สามารถครอบครองแดนบูรพาทิศได้

“เอาล่ะทุกท่าน แต่ละสำนักเลือกกันไปทีละคนดีหรือไม่?” เขาเอ่ยคำแนะนำ

ให้พวกเขารับอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นทั้งหมดเป็นศิษย์…

อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนั้น

อ้ายฉานกับเด็ก ๆ คนอื่นล้วนมีความสามารถท้าท้ายสวรรค์ หากพวกเขาอยากรับเด็กทุกคนเป็นศิษย์ ผู้แข็งแกร่งคนอื่นเห็นด้วยก็น่าแปลกใจแล้ว!

“แบ่งทั้งหมดให้พวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

ชายหนุ่มผู้หนึ่งตะคอกเสียงเย็นชา คำพูดของเขาแฝงความไม่พอใจยิ่ง เจ้าสำนักหยวนอีกับคนอื่นจะกล้ามองข้ามเขาอย่างนั้นหรือ?

เขามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินภาคกลาง ปัจจุบันตัวเขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลิน มีนามว่าจ้าวเสวียน

“พวกเจ้ามีคุณสมบัติมาแสดงอำนาจที่นี่ได้หรือ?”

ขณะเดียวกันก็มีเสียงเยาะเย้ยปนดูถูกเหยียดหยามดังขึ้น เป็นหญิงสาวซึ่งมีท่าทีสูงส่ง ท่าทางไม่แยแสพูด

นามของนางคือฉู่หลาน มาจากราชวงศ์โบราณ และนางเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์

“ความสามารถของพวกเจ้าเทียบกับพวกเราได้หรือ?”

“พวกเราคือลัทธิศักดิ์สิทธิ์เซิ่งจู เช่นนั้น ผู้มีความสามารถท้าทายสวรรค์สมควรเข้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ฝึกตนในเซิ่งจูของพวกเรา!”

กำเนิดอัจฉริยะหญิงชายโดดเด่นไม่น้อย ซ้ำยังมีความสามารถเหนือสามัญออกมา

พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง ซึ่งมาจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในภาคกลาง นามว่าเซิ่งจู ตอนนี้พวกเขาคิดจะรับอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นเข้ามาเป็นกำลังในภาคกลาง

ความสามารถท้าทายสวรรค์เช่นนี้ นับตั้งแต่สมัยโบราณหามีสักคนไม่ และหากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นในอนาคต อันดับหนึ่งก็อยู่แค่เอื้อมมือของพวกเขาแล้ว!

ด้วยเหตุนี้ หากพวกเขาไม่คิดแย่งชิงก็น่าแปลกใจแล้ว!

นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้ฝึกตนจากแดนทักษิณทิศ ประจิมทิศ อุดรทิศมารวมตัวกันไม่น้อย ทว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและไม่กล้าแย่งชิง

เทียบกับสำนักฝึกตนในแดนบูรพาทิศแล้ว ลัทธิศักดิ์สิทธิ์นับว่าอยู่สูงกว่าพวกเขามากเกินไป อีกทั้งไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน พวกเขาจึงไม่กล้าสร้างปัญหาในที่แห่งนี้

“พวกเขาเป็นคนแดนบูรพาทิศของพวกข้า! หากพวกเจ้าอยากรับศิษย์ ก็กลับไปรับศิษย์ในภาคกลางของพวกเจ้า!”

สำนักหยวนอีไม่กลัวลัทธิศักดิ์สิทธิ์จากภาคกลาง ทั้งไม่กลัวผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ด้วย

“คิดถึงบทเรียนคราวก่อนเสียบ้าง แดนบูรพาทิศหาใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมาสร้างความวุ่นวายได้!”

เขากล่าวออกมาตามตรง

คราวก่อน ผู้ฝึกตนจากสี่ภูมิภาค สัตว์อสูรและเหล่าปีศาจที่มาเข่นฆ่าปุถุชนในแดนบูรพาทิศล้วนถูกกวาดล้างจนสิ้น ผลอันเนื่องมาจากการไปกระตุ้นโทสะของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้า

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนออกคำสั่งให้กวาดล้างผู้สร้างความวุ่นวายในเมืองมนุษย์แดนบูรพาทิศโดยตรง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครหรือหนีไปที่ใด คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะลากคอผู้ก่อความวุ่นวายเหล่านั้นออกมาสังหารให้หมด

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงกล้าท้าทายผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์เหล่านี้

ดูเหมือนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะห่วงใยแดนบูรพาทิศเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ภาคกลางเหล่านี้ย่อมไม่กล้ามายุ่งกับแดนบูรพาทิศอีก!

แต่เขาก็ได้ยินมาว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีกายวัชระ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในภาคกลาง!

“ไม่เลว!”

“นี่คือแดนบูรพาทิศของพวกเรา หาใช่ภาคกลางของพวกเจ้า! “

นิกายจินกวงจากแดนบูรพาทิศกล่าว

ได้ฟังเช่นนั้น ผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์จากภาคกลางพลันโกรธแค้นยิ่ง

ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา แค่ความแข็งแกร่งของพวกเขาเอง ก็สามารถกวาดล้างสำนักผู้ฝึกตนในแดนบูรพาทิศทั้งหมดได้แล้ว

มาตอนนี้กองกำลังแดนบูรพาทิศเหล่านี้ท้าทายพวกเขาโจ่งแจ้ง แล้วจะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร?

ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าลงมือให้เรื่องวุ่นวาย

เพราะตอนนี้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่กล้าฝ่าฝืนข้อห้ามของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท