“ผู้ใดกล้า” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความโกรธ “กล้าแตะต้องพวกเรา พระชายารองและเยี่ยนอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าแน่”
หัวหน้าผู้ดูแลแสยะยิ้มหยัน เอ่ย “พระชายารองและเยี่ยนอ๋อง พวกเจ้าไม่ต้องกังวล โบย!” เห็นชัดว่าความน่าเชื่อถือของหัวหน้าผู้ดูแลไม่ใช่สิ่งที่คนสองคนที่เกาะชายกระโปรงปีนป่ายขึ้นมาจะเทียบได้ ไม่นานก็มีคนเข้ามากดทั้งสองคนลงกับพื้นและเริ่มโบย โบยจนทั้งสองร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด คนที่อายุมากกว่าจ้องหนานกงมั่วเขม็ง แทบอยากจ้องจนทะลุเป็นโพรง
หนานกงมั่วก้าวขึ้นไปด้านหน้า ปรายตามองต่ำ เลิกคิ้วพลางเอ่ยถามเขา “ทำไมหรือ ไม่พอใจหรือ”
ชายหนุ่มไม่เอ่ยวาจา เพียงจ้องหนานกงมั่วเขม็ง
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “ไม่พอใจ อดทนไปเถิด”
“น้องสาว น้องสาวช่วยด้วย” ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าดวงตาวาวขึ้นมา ร้องเสียงดัง ที่แท้ ไม่ไกลออกไปกำลังมีขบวนคนเดินเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่
“โบยต่อไป รีบหน่อยใกล้จะโบยเสร็จแล้ว”
องครักษ์ที่รับหน้าที่โบยเพิ่มความเร็วและความแรงมากขึ้น
“อ๊าก น้องสาว ช่วยด้วย”
“หยุด นี่มันอันใดกัน” เยี่ยนอ๋องเอ่ยขึ้นเสียงดัง องครักษ์สองคนหยุดมือ ลอบพ่นลมหายใจอยู่ในใจ ในที่สุดก็โบยเสร็จแล้ว พระชายารองกงผู้นี้ไม่ควรล่วงเกิน แต่ว่า…รู้หรือไม่พระชายาและซิงเฉิงจวิ้นจู่ยิ่งไม่ควรล่วงเกิน
“ถวายพระพรท่านอ๋อง พระชายารอง” ทุกคนรีบหันกลับไปถวายความเคารพ
“ถวายพระพรเสด็จพ่อ” ซุนเหยียนเอ๋อร์จับมือหนานกงมั่ว ย่อตัวถวายพระพร
หนานกงมั่วก้าวเดินตามขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จลุง”
เยี่ยนอ๋องมองสถาณการณ์ตรงหน้า คิ้วเข้มขมวดมุ่น เอ่ย “นี่มันเรื่องอันใดกัน”
หัวหน้าผู้ดูแลด้านข้างก้าวขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม “รายงานท่านอ๋อง สองคนนี้เสียมารยาทต่อจวิ้นจู่และฮูหยินน้อย กระหม่อมจึงลงโทษเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ” สองคนนั้นจะยอมได้อย่างไร เมื่อครู่ถูกคนกดลงกับพื้นและโบยอย่างเจ็บปวด พวกเขาจึงตระหนักได้ว่ารากฐานของตนในจวนเยี่ยนอ๋องนั้นเปราะบาง หากมีใครคิดอยากฆ่าพวกเขาจริงๆ เกรงว่าต่อให้มีน้องสาวที่เป็นที่โปรดปรานก็มาช่วยพวกเขาเอาไว้ไม่ทัน ยามนี้แม้แต่หัวหน้าผู้ดูแลก็เกลียดไปด้วยแล้ว รีบเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง “ท่านอ๋อง ตาเฒ่านี่เอ่ยวาจาเหลวไหล พวกเราไยจะกล้าไม่เคารพต่อซิงเฉิงจวิ้นจู่และฮูหยินน้อยสามเล่า”
หัวหน้าผู้ดูแลเอ่ยเสียงเรียบ “เอ๋ ทั้งสองท่านกล้าเอ่ยสิ่งที่เอ่ยกับซิงเฉิงจวิ้นจู่และฮูหยินน้อยสามต่อหน้าท่านอ๋องอีกรอบหรือไม่”
ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปาก หนานกงมั่วจึงก้าวขึ้นมาด้านหน้าอีกหนึ่งก้าว หลุบตาลงต่ำ เอ่ย “เสด็จลุง อู๋สยารู้ตัวดีว่าตนเองไม่ใช่คนจวนเยี่ยนอ๋อง ไม่ควรเข้าออกจวนเยี่ยนอ๋องตามใจชอบ เมื่อครู่หม่อมฉันสั่งให้หัวหน้าผู้ดูแลโบยพี่ชายทั้งสองของพระชายารองเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ต่อไปอู๋สยาไม่กล้าแล้วเพคะ ต่อไปจะอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่ดีๆ ไม่กล้าออกมาเดินไปทั่วแล้วเพคะ”
ชายหนุ่มไม่ทันได้เอ่ยจึงได้แต่ตกใจ มองไปยังหนานกงมั่วอย่างตกตะลึง ซุนเหยียนเอ๋อร์ตอบสนองโดยไว รีบก้าวขึ้นมาจับหนานกงมั่วเอาไว้ เอ่ย “พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้เอ่ยเช่นนี้ องค์หญิงฉังผิงกับเสด็จพ่อเป็นพี่น้องกัน อย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เสด็จพ่อและเสด็จแม่ยังไม่ว่าอันใด ไหนเลยผู้ใต้บัญชาอย่างสองคนนี้จะมาสั่งสอนท่านได้ ท่านเอ่ยเช่นนี้ จะไม่ทำให้เสด็จพ่อต้องเสียใจหรอกหรือเจ้าคะ”
ฟังคำของซุนเหยียนเอ๋อร์ ดวงตาของเยี่ยนอ๋องแข็งขึ้น สายตาคมจ้องไปยังชายหนุ่มทั้งสองเขม็ง “พวกเจ้ายังกล้าสั่งสอนซิงเฉิงจวิ้นจู่อย่างนั้นหรือ บังอาจนัก พวกเจ้าเป็นใครกัน ข้าเห็นแก่ที่พวกเจ้าเป็นพี่ชายของเสี่ยวเตี๋ยจึงเมตตาต่อพวกเจ้า คิดว่าตนเองมีอำนาจเหนือใครแล้วอย่างนั้นหรือ ซิงเฉิงจวิ้นจู่อยากทำอันใดพวกเจ้ายุ่งได้หรือ”
ชายหนุ่มทั้งสองนิ่งงัน นึกถึงคำที่ตนเองเอ่ยกับซิงเฉิงจวิ้นจู่ก่อนหน้านี้ คล้ายกับไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้
ช่าง…เลวร้ายจริงๆ
“ท่านอ๋อง…พวกข้า พวกข้า…”
“หุบปาก” เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวของพวกเจ้า โบยอีกยี่สิบไม้และจดจำเอาไว้ ต่อไปหากล่วงเกินต่อองค์หญิงและซิงเฉิงจวิ้นจู่ ข้าจะถลกหนังพวกเจ้า”
องครักษ์รู้สึกยินดีอยู่ในใจ ยกไม้ขึ้นโบยลงมาหนักๆ ดูเหมือนว่า…ซิงเฉิงจวิ้นจู่ก็ยังเหนือกว่า
“ท่าน…ท่านอ๋อง…” กงเสี่ยวเตี๋ยที่ยืนอยู่ด้านข้างกระตุกแขนเสื้อเยี่ยนอ๋องอย่างน่าสงสาร เยี่ยนอ๋องก้มลงไป มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เอ่ยเสียงเบา “เสี่ยวเตี๋ย เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเขา หากไม่สั่งสอนพวกเขา ต่อไปพวกเขาจะสร้างปัญหาให้เจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเป็นชายารองของข้า เป็นเจ้านาย อย่าได้สนใจคนที่ไม่เกี่ยวข้องนัก”
กงเสี่ยวเตี๋ยลังเลเล็กน้อย “แต่ว่า นี่…”
“วางใจเถิด ไม่ตายหรอก” เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ครั้งนี้ถูกโบยแล้ว ครั้งต่อไปก็จะจำเอาไว้ เอาล่ะ ร่างกายเจ้าอ่อนแอ ข้าจะพาเจ้ากลับไป”
มองใบหน้าอ่อนโยนและห่วงใยของเยี่ยนอ๋อง กงเสี่ยวเตี๋ยทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ เอ่ย “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องทำเพื่อข้า พี่ชายเสียมารยาทล่วงเกินซิงเฉิงจวิ้นจู่ ขอจวิ้นจู่อย่าได้ถือสา”
หนานกงมั่วยิ้มจนตาหยี เอ่ย “พระชายารองเอ่ยหนักแล้ว เสด็จลุงกล่าวไม่ผิด พระชายารองสูงส่ง อย่าได้สนใจพวกเขาเลย ดูแลตนเองเป็นเรื่องสำคัญ”
สายตาเยี่ยนอ๋องมองไปยังหนานกงมั่วยิ่งอ่อนโยน พยักหน้าชื่นชม เอ่ย “ยังเป็นอู๋สยาที่รู้ความ เมื่อวานข้าอารมณ์ไม่ดี เสด็จแม่ของเจ้าคงไม่โกรธข้าใช่หรือไม่” หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เสด็จแม่และเสด็จลุงเป็นเลือดเนื้อเดียวกัน ไหนเลยจะโกรธจริงจังเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี…” เยี่ยนอ๋องยังอยากเอ่ยอันใดอีก ทว่ากงเสี่ยวเตี๋ยร่างกายโงนเงนใบหน้าซีดเซียว “ท่านอ๋อง หม่อม…หม่อมฉันรู้สึกไม่สบายเพคะ”
เยี่ยนอ๋องเองไม่โกรธ พยักหน้าให้หนานกงมั่ว เอ่ย “เจ้าตามสบายเถิด ข้าไปก่อนแล้ว”
“เสด็จลุงเดินระวังด้วยเพคะ”
“เสด็จพ่อระวังด้วยเพคะ”
มองเยี่ยนอ๋องพากงเสี่ยวเตี๋ยเดินห่างออกไปไกล หนานกงมั่วหันกลับไปยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มสองคนที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้น ถูกโบยครั้งเดียวเจ็ดสิบไม้ ยังพอมีลมหายใจเหลืออยู่บ้างอย่างไรท่านอ๋องก็ไม่อาจโบยจนตายได้ แต่อย่างไรเนื้อบนร่างกายคงเละเทะไม่น้อย ไม่นอนสิบวันครึ่งเดือนก็คงลุกไม่ได้
“ขอบคุณจวิ้นจู่ขอรับ” หัวหน้าผู้ดูแลยกมือประสานเอ่ยขอบคุณหนานกงมั่ว เมื่อครู่ซิงเฉิงจวิ้นจู่ดึงความผิดไปไว้ที่ตัวจนหมด เยี่ยนอ๋องไม่ถือสาหาความพระชายารองก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดได้ มิเช่นนั้น ด้วยความรักของท่านอ๋องที่มีต่อพระชายารอง ไม่แน่อาจเอาความโกรธมาลงที่พวกเขาก็เป็นได้ หนานกงมั่วโบกมือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าผู้ดูแลเกรงใจแล้ว เดิมก็เป็นเรื่องของข้าอยู่แล้ว”
ก้มลงไปมองทั้งสองคนที่อยู่บนพื้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไร ทั้งสองท่าน ยังอยากจะเล่นอยู่อีกหรือไม่”
“เลวทราม”
หนานกงมั่วพรูเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่อาจห้ามได้ “คล้ายว่าพวกเจ้าจะมีเกียรติมาก ชนะเป็นอ๋องแพ้เป็นโจร ตายในกำมือของจวิ้นจู่ข้า พวกเจ้าไม่ใช่คนแรก และไม่ใช่คนสุดท้าย”
“เจ้า…เจ้าจะทำอันใด”
หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “ตอนนี้ ข้าไม่ทำอันใดทั้งสิ้น แต่ต่อไปก็ไม่แน่ ดังนั้น ทางที่ดีทั้งสองท่าน…เชื่อฟังสักหน่อย มิเช่นนั้นเจ้าจะลองไปฟ้องน้องสาวที่รักของท่านต่อหน้าเสด็จลุงก็ได้ จะว่าไป บทบาทของน้องสาวท่านก็ไม่เท่าใดนัก เป็นดอกบัวขาวดอกหนึ่ง จะมาว่าร้ายผู้อื่นได้เยี่ยงไรใช่หรือไม่ หากเป็นจวิ้นจู่อย่างข้าเลือกเอง ข้าคงไม่เลือกแสดงเป็นดอกบัวขาวหรอก คิดจะแสดงก็ต้องแสดงเป็นปีศาจร้าย สะใจกว่าเยอะ”