คนในห้องล้วนเป็นคนที่ไว้ใจได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้คิดปิดบังพวกเขา ให้ลู่กุ้ยพาเด็กๆ ออกไปหาอะไรกินก่อน ลู่กุ้ยรับคำพาเด็กๆ ออกไป แม้ว่าเด็กทั้งสามคนยอมไป แต่ก็ยังคงเป็นห่วงเอ้อร์เป่ามาก
ลู่เจียวดึงลูกๆ มาปลอบใจ พวกนางต้องคิดหาทางช่วยเอ้อร์เป่ากลับมา พวกลูกๆ ไปกินให้สบายใจ อย่าทำให้ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วง เด็กสามคนได้แต่หันหลังเดินตามลู่กุ้ยออกไป
ลู่กุ้ยส่งเด็กๆ ออกไปแล้ว ทุกคนก็มองไปยังหลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากง
หลี่หนานเทียนกล่าวว่า “พวกเราไปสืบจนรู้มาว่ารองนายอำเภอหยางปีนี้อายุห้าสิบกว่า แต่งภรรยาแซ่ไป๋ พวกเขามีลูกด้วยกันห้าคน ชายสามหญิงสอง ความสัมพันธ์รองนายอำเภอหยางกับสะใภ้คนโตเลวร้ายมาก ได้ยินว่าสะใภ้คนโตเป็นหญิงบ้านนอกนิสัยเอาเรื่องไม่เบา และยังไม่เคารพรองนายอำเภอหยางกับไป๋ต้าเหนียงจื่ออย่างที่สุด ดังนั้นรองนายอำเภอหยางจึงมีคำสั่งตัดความสัมพันธ์กับพวกเขา ไม่ไปมาหาสู่กันอีก”
“พวกเขาพาบุตรชายสองคนมาใช้ชีวิตที่อำเภอชิงเหอ เพราะเงินทองน้อยทำให้ชีวิตลำบากยากแค้นมาก บุตรชายคนโตรองนายอำเภอหยางเองก็มีชีวิตไม่ดีนัก สักพักก็จะมาเอาเรื่องรองนายอำเภอหยาง ทุกครั้งล้วนด่าทอรองนายอำเภอหยางรุนแรง แต่ไป๋เหนียงจื่อตัดใจทิ้งบุตรชายคนโตไม่ได้ ได้แต่แอบยัดของให้เขาไป ข้าน้อยไปสืบมาแล้ว ทุกครั้งบุตรชายคนโตรองนายอำเภอหยางมาก็จะนำถุงใบหนึ่งมาด้วย จากนั้นไป๋เหนียงจื่อก็ยัดของใส่กลับไป ในใจข้าน้อยมีความคิดคาดเดาอาจหาญเรื่องหนึ่งขึ้นมา”
“บางทีรองนายอำเภอหยางกับสะใภ้คนโตตัดสัมพันธ์นั้นเป็นเพียงเรื่องเสแสร้ง พวกท่านคิดดู รองนายอำเภอหยางเป็นถึงรองนายอำเภอชิงเหอ แม้ไม่ใช่ขุนนางสูง แต่ก็เป็นถึงระดับเจ็ด สะใภ้เขากล้าขนาดไหนกัน ถึงกับปฏิบัติต่อบิดาและมารดาสามีเช่นนี้ได้ ดังนั้นข้าน้อยสงสัยนี่น่าจะเป็นการแสดง และเป็นรองนายอำเภอหยางที่เป็นคนออกอุบายคิดทำเช่นนี้เอง”
“ตอนนี้รองนายอำเภอหยางพักบ้านเช่า เขาไม่อาจเอาเงินที่รับสินบนมาเก็บซ่อนไว้ในบ้านเช่าได้ แต่บ้านพวกเขาก็ไม่มีกิจการอื่น จะมีก็แค่ที่บ้านที่อยู่ของบุตรชายคนโต ดังนั้นเงินพวกนั้นต้องถูกบุตรชายคนโตเขานำกลับไปไว้ที่บ้านเดิมตระกูลหยางแล้ว”
หลี่หนานเทียนกล่าวจบ ทุกคนในห้องครุ่นคิดกันอย่างละเอียด รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปได้จริงๆ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “ไม่ผิด ตระกูลเผิงล่ะ”
ครั้งนี้โจวเส้ากงกล่าวว่า “ส่วนตระกูลเผิง เผิงจู่ปู้แต่งภรรยาคือหลินซื่อ ทั้งสองมีบุตรหญิงสามชายหนึ่ง บุตรสาวสองคนแต่งงานแล้วเหลือแค่บุตรสาวหนึ่งกับบุตรชายหนึ่งที่อายุยังน้อย ปีนี้แค่แปดขวบ เป็นที่รักในครอบครัวของเผิงจู่ปู้มาก แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ก็เป็นผู้สืบทอด ข้าน้อยแอบเข้าไปในจวนตระกูลเผิงมา จากการสังเกตการณ์ ข้าน้อยพบว่าคนตระกูลเผิงให้ความสำคัญกับลาในครอบครัวพวกเขามาก ไม่ว่าเผิงจู่ปู้หรือหลินเหนียงจื่อล้วนชอบไปเดินเล่นที่คอกลา และยังเอาหญ้าแห้งเลี้ยงลาอยู่บ่อยๆ”
“ข้าน้อยครุ่นคิดดูแล้ว แม้ว่าลาในครอบครัวพวกเขาเป็นของมีค่าเพียงสิ่งเดียว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญถึงเพียงนี้ ดังนั้นข้าน้อยเดาว่าเงินทองก้อนนั้นที่พวกเขารับมาอาจซ่อนอยู่ใต้คอกลา เพราะให้ความสำคัญกับเงินก้อนนั้น ดังนั้นจึงไม่ค่อยไว้ใจ เลยต้องไปเดินดูคอกลาอยู่ตลอดเวลา”
โจวเส้ากงกล่าวจบ คนในห้องก็พากันพยักหน้า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นออกคำสั่งทันทีว่า “หลี่หนานเทียน สองวันนี้เจ้าคิดหาทางไปบ้านเดิมตระกูลหยางสักครั้ง จำไว้ว่าต้องตรวจสอบหาเงินที่ตระกูลหยางเก็บซ่อนไว้ว่าอยู่ที่ใดในบ้านเก่าตระกูลหยาง”
“ส่วนโจวเส้ากง เจ้าคิดหาทางเข้าไปในจวนตระกูลเผิง สังเกตว่าเงินทองตระกูลเผิงซ่อนไว้ใต้คอกลาจริงหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็กำชับทั้งสองคนว่า “จำไว้ อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น”
“ขอรับคุณชาย”
ทั้งสองคนถอยออกไป มือปราบจ้าวในห้องมองตามหลังสองคนที่จากไปแล้ว เลิกคิ้วกล่าวว่า “สองคนนี้มีความสามารถในการสืบค้นไม่เลวเลย ระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถสืบความได้มากมายเพียงนี้”
จ้าวหลิงเฟิงได้ยินมือปราบจ้าวกล่าวเช่นนี้ก็ได้ใจทันที “ท่านก็ไม่ลองดูสักหน่อยว่าสองคนนั้นเป็นผู้ใดส่งมา”
มือปราบจ้าวไม่สนใจเขา หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกล่าวว่า “ข้าตรวจสอบพบว่าวันนั้นเสี่ยวเหนียงจื่อสวี่เซี่ยนเว่ยไปตระกูลหยางจริง แต่ไม่ได้เข้าไป เหนียงจื่อตระกูลหยางออกมาพูดกับนางสองสามคำแล้วนางก็ไป ต่อมานางไปตระกูลจางต่อ ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบว่านางอยู่ที่ไหนของตระกูลจาง”
“ตระกูลจางกิจการมาก สืบขึ้นมาทีก็ยุ่งยาก แต่ข้าต้องสืบหาตัวนางออกมาให้ได้”
หญิงผู้นั้นฆ่าบุตรสาวเขา เขาต้องจับตัวนาง แก้แค้นให้บุตรสาว
ลู่เจียวได้ฟังมือปราบจ้าวก็คิดถึงว่าก่อนหน้านี้ตนเองได้พบคุณหนูจางปี้เยียนตระกูลจาง หญิงผู้นั้นแค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่หญิงธรรมดา ดูท่าแล้วเป็นคนร้ายกาจมาก
เสิ่นซิ่วคงไม่ได้มีเส้นสายจากทางจางปี้เยียนกระมัง แต่ไม่ว่านางใช้เส้นสายใด ขอเพียงนางปรากฏตัว พวกนางก็ย่อมจับตัวนางได้ ผู้ใดให้นางฆ่าคนเล่า
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นว่าสายแล้ว ก็มองไปยังทุกคนกล่าวว่า “สายแล้ว ทุกท่านกลับไปกันก่อนเถอะ”
ตอนนี้เขาไม่เป็นห่วงว่าคนเหล่านี้จะเจอกับคนมุ่งร้ายอันใด เพราะคนอยู่เบื้องหลังได้ตัวเอ้อร์เป่าไว้รับมือเขาแล้ว จะมาจับตัวคนอื่นไปอีกทำไม
จ้าวหลิงเฟิงลุกขึ้นยืนก่อน ตอนนี้คนบงการไม่เคลื่อนไหว พวกเขาอยู่ต่อก็ไร้ประโยชน์ ได้แต่กลับไปรอข่าว
“พวกเจ้ามีข่าวอะไรก็รีบบอกข้าทันที ไม่แน่ข้าอาจจะช่วยอะไรได้”
“ได้”
หูซ่านเองก็ขอตัวกลับ พร้อมกับนำเรื่องที่เกิดขึ้นกลับไปรายงานบิดา
หันถงกลับไม่ยอมกลับ เอ้อร์เป่าถูกจับล้วนเป็นเพราะพ่อบ้านตระกูลหัน หากเอ้อร์เป่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็คือคนบาปของตระกูลเซี่ย
“อวิ๋นจิ่น ข้าไม่ไป ข้าจะเฝ้ารออยู่ที่นี่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าเฝ้ารออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์”
เขากล่าวจบก็มองหันถงพร้อมกับปลอบใจว่า “หันถง เจ้าอย่าได้โทษตนเอง เรื่องนี้ไม่โทษเจ้า ข้ารู้ว่าหากให้เจ้าเลือก เจ้าย่อมไม่ทำร้ายเอ้อร์เป่าอย่างเด็ดขาด เจ้ายอมทำร้ายตนเองก็ไม่ยอมทำร้ายพวกเขา ดังนั้นอย่าได้โทษตนเอง”
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเช่นนี้ได้ล้วนเพราะได้รับอิทธิพลจากลู่เจียว ไม่เช่นนั้นหากเป็นเขาเมื่อก่อน เกรงว่าคงชักสีหน้าเย็นชาไล่หันถงไปแล้ว
แต่ตอนนี้พอเขามาได้ใกล้ชิดกับลู่เจียว ความคิดหลายครั้งก็ไม่ได้มองโลกแง่ร้ายอีก เขามองโลกแง่ดีขึ้นมาก
หันถงได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ขอบตาก็อดแดงขึ้นมาไม่ได้
“ขอบคุณ อวิ๋นจิ่น”
อวิ๋นจิ่นไม่โทษเขา เขาซาบซึ้งใจมาก หากอวิ๋นจิ่นโทษเขา เขาแทบจะไปตายเลยทีเดียว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขากำชับว่า “ไม่เพียงแต่เอ้อร์เป่า ข้ายังจะต้องช่วยหนานเฟิงออกมาด้วย อีกสองสามวันเจ้าก็ต้องสอบย่วนซื่อแล้ว ยามนี้เจ้าห้ามใส่ใจเรื่องอื่น ข้าจะช่วยเจ้าพาหนานเฟิงกลับมาเอง เจ้าไปสอบดีๆ สอบตำแหน่งซิ่วไฉมาให้ได้”
ตระกูลหันระยะนี้มีแต่เรื่อง หากหันถงสามารถสอบตำแหน่งซิ่วไฉได้ ก็ย่อมเป็นเรื่องมงคลของตระกูลหัน
หันถงย่อมรู้ดี ดังนั้นระยะนี้จึงทุ่มเทความพยายามอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายถึงกับเกิดเรื่องเช่นนี้ ในใจเขารู้สึกโกรธแค้นจนทนไม่ไหวอ้าปากด่าพ่อบ้านเซี่ยทันที
“เจ้าคนเลวควรตกนรกขุมสิบแปด ตระกูลหันข้าดีกับเขาไม่น้อย เขายังทำกับพวกเราอย่างนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดเขาก็พลันมีสีหน้าเย็นเยียบ หากให้เขาได้พบคนผู้นั้นอีก จะต้องให้คนผู้นั้นตายศพไม่สมบูรณ์แน่