ตอนที่ 124 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ กองกําลังทั้งสิบของแคว้นอุทก
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้ชั้นที่สองของถ้ำปีศาจบรรพกาลเรียบร้อยแล้ว ได้รับเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล]
พรึ่บ!
หลังจากเสียงแจ้งเตือนเงียบลง เม็ดยาที่ล้อมรอบด้วยแสงจ้าพลันปรากฏขึ้นในพื้นที่ระบบ
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ในเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ทันใดนั้นหนิงฝานก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนี้สามารถตอบสนองความต้องการในการฝึนตนในปัจจุบันของเขาได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากมองไปรอบ ๆ แล้ว บัดนี้ในชั้นสองของถ้ำปีศาจไม่มีปีศาจอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ณ ที่แห่งนั้น
ปัง!
ทันทีที่กลืนเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเข้าไป พลังงานไร้ที่สิ้นสุดก็ระเบิดออกมา เขาเริ่มหลับตาและหลอมรวมพลัง
พลังบำเพ็ญของหนิงฝานเริ่มพลุ่งพล่าน
เวลาเดียวกันกับที่ชายหนุ่มกำลังฝึกตนในชั้นที่สองของถ้ำปีศาจ โลกภายนอกนั้น พลันปรากฏแขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งขึ้นมา
ณ ชายแดนระหว่างแคว้นรกร้างและแคว้นอุทก
ฟิ้ว!
มีเสียงพุ่งผ่านอากาศดังขึ้น และร่างหนุ่มสาวสิบคนก็ปรากฏตัวบนท้องฟ้า
ในสิบคนนั้น ฝ่ายชายนั้นมากด้วยความกล้าหาญ ขณะที่ฝ่ายหญิงนั้นเปี่ยมด้วยความสง่างาม แม้ว่าทั้งสิบคนจะแต่งกายแตกต่างกัน แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีพลังในขอบเขตครึ่งก้าวเทพยุทธ์!
คนทั้งสิบหยุดอยู่ที่ทางแยกของทั้งสองแคว้น
“ทุกคน ตรงไปข้างหน้าก็จะออกห่างจากแคว้นอุทก และเข้าสู่แคว้นรกร้างแล้ว”
ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดสีเขียวที่พกกระบี่ยาวบนหลังเอ่ยขึ้น และเมื่อทุกคนมองไปเบื้องหน้าแล้ว เขาจึงพูดต่อ “ทุกคน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเรา กองกําลังหลักสิบอันดับแรกของแคว้นอุทกร่วมมือกัน ข้าหวังว่าเราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และไม่หักหลังกัน”
“พี่เย่ชิง โปรดวางใจได้ เรื่องของการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของแคว้นรกร้างนั้น เกี่ยวข้องกับการพัฒนากองกําลังหลักทั้งสิบ เรารู้ดีถึงความสําคัญเรื่องนี้”
“ดี ในเมื่อเหล่าผู้อาวุโสให้เรามารับหน้าที่ที่หนักหน่วงนี้แล้ว พวกเราย่อมไม่กล้าสร้างปัญหา”
“พี่เย่ชิง เราเข้าใจแล้ว”
“…”
เมื่อได้ยินคําพูดของชายเสื้อเขียว คนที่เหลืออีกเก้าคนก็ผลัดกันตอบทีละคน!
“ดีมาก ไปกันเถอะ เข้าไปในแคว้นรกร้าง”
ชายเสื้อสีเขียวที่ทุกคนรู้จักกันในนามเย่ชิงพยักหน้า จากนั้นก็นําอีกเก้าคนเข้าสู่แคว้นรกร้าง
ฟึ่บ!
พวกเขาหยุดพักอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสิบคนเข้าสู่แคว้นรกร้าง เพราะใช้เวลาเหาะเหินมาครึ่งวันแล้ว
“ที่นี่แล้วกัน “
เย่ชิงพยักหน้าก่อนจะหยิบลูกปัดกลมใสออกจากมิติ ลูกปัดกลมเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธ์ ช่างเป็นอาวุธเทพที่ล้ำค่าจริง ๆ
“ทุกท่าน นี่คือลูกปัดแหล่งวิญญาณ สามารถค้นหาระดับของการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณได้ อีกเดี๋ยวเราค่อยร่วมมือกันเพื่อใช้มัน”
เย่ชิงกวาดตามองทุกคน ทุกคนก็พากันพยักหน้าทันที
ฟุ่บ!
หลังจากนั้น เมื่อเย่ชิงโยนลูกปัดแหล่งวิญญาณขึ้น ทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที คนทั้งสิบส่งพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในลูกปัด ฉับพลันนั้น ลูกปัดก็ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา มันเริ่มดูดซับและวิเคราะห์พลังจิตวิญญาณฟ้าดินในรัศมีหลายพันลี้รอบตัว
ครืน!
แรงสั่นสะเทือนหยุดลงหลังจากผ่านไปนาน แล้วสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
“สวรรค์! ระดับสุริยัน การฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของที่นี่มาถึงระดับสุริยันในตำนานแล้วจริง ๆ”
“บัดซบ! น่ากลัวเกินไปแล้ว ว่ากันว่ายังไม่มีผู้ใดเคยเห็นการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณระดับสุริยันมาก่อนเลย”
“ฮ่า ๆ ดี! ดีมาก ๆ เลย หากเราสามารถควบคุมแคว้นรกร้างได้ กองกําลังหลักทั้งสิบของเราก็จะโดดเด่นที่สุดในเก้าแคว้น”
“…”
ทั้งสิบคนนำโดยเย่ชิงต่างมีสีหน้าตื่นเต้นและมีความสุขมากในตอนนี้
“ดียิ่งนัก! ไม่คิดเลยว่าการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของที่นี่จะอยู่ในระดับตำนาน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็รีบสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างแคว้นเถอะ เพื่อให้กองกำลังทั้งสิบสามารถมาถึงที่แคว้นรกร้างได้ทันที”
แต่แล้วจู่ ๆ เย่ชิงก็พูดพลางก็ขมวดคิ้วไปด้วย “รีบสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างแคว้น จะต้องใช้ทั้งกำลังคนและทรัพยากรมหาศาล ลำพังแค่กำลังของเราสิบคนนับว่ายังไม่พอ เอาแบบนี้ ไปสืบข่าวมาว่ากองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นรกร้างคือที่ใด จากนั้นพวกเราค่อยไปปราบพวกมัน เพื่อให้พวกมันมาช่วยเราสร้างค่ายกลค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างแคว้น”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ในไม่ช้า ทุกคนก็ได้รู้ข่าวถึงการดำรงอยู่ของราชวงศ์เทพขนนก!
“ไปกันเถอะ ไปเมืองเทพขนนก!”
ในที่สุด ทั้งสิบคนที่นําโดยเย่ชิงก็มุ่งหน้าสู่เมืองเทพขนนก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสิบคนมาถึงเมืองเทพขนนก
ยี่สิบปีผ่านไปนับตั้งแต่การฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของแคว้นรกร้าง ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ ภายใต้การปกครองของจักรพรรดินีหลัวชิงเซียน ราชวงศ์เทพขนนกกลายนครมหาอำนาจ มีความเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งของแคว้น
ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเมืองเทพขนนก
ราชวงศ์เทพขนนกในปัจจุบันไม่เพียงแต่บารมีล้นเหลือ ทว่ายังถือครองค่ายกลคุ้มกันระดับเทพไว้มากมาย มีทั้งค่ายกลโจมตี ค่ายกลป้องกัน ค่ายกลจิตวิญญาณ และอื่น ๆ
“หึ! ก็แค่เมืองหลวงเล็ก ๆ กลับได้ครอบครองค่ายกลเทพไว้มากมาย”
เย่ชิงและคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะอย่างเย็นชาขณะมองเมืองเทพขนนก ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความจองหองปนดูถูก
เดิมทีแคว้นรกร้างมีขนาดเล็กที่สุด อ่อนแอที่สุด และห่างไกลที่สุดในเก้าแคว้น
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะได้พบกับการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณในตำนานที่ไม่เคยมีผู้ใดได้พบเจอมาก่อน แต่ในใจพวกเขายังคงดูถูกทั้งคนและกองกำลังของแคว้นรกร้าง
ในเวลานี้ พลันมีคนถามขึ้นมา “พี่เย่ชิง ตอนนี้เราควรทำอย่างไรต่อไปดี ควรถามไถ่ก่อนหรือฆ่าเลย”
เย่ชิงเพียงยิ้มเย็นชา “เรามาที่นี่เพื่อปราบพวกเขาอยู่แล้ว ย่อมไม่จําเป็นต้องสุภาพ พวกเจ้าเอาอาวุธเทพของแต่ละสำนักออกมา แล้วทําลายค่ายกลพวกนั้นเสีย!”
“เข้าใจแล้ว! “
ทุกคนพยักหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมา
หลังจากนั้นเอง
“กระบี่ทลายสวรรค์!”
“คันศรเทวะจันทรา!”
“ค้อนทรราช!”
“…”
เมื่อทั้งสิบคนตะโกนเสียงกร้าว แสงศักดิ์สิทธิ์สิบดวงพลันสว่างขึ้นทันที ทั้งกระบี่ ดาบ ธนู ค้อน และอาวุธอื่น ๆ อาวุธแต่ละชิ้นต่างปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้เทียมทานออกมา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสิบคนที่ถืออาวุธเทพทั้งสิบไว้ลงมือทำลายค่ายกลเหนือเมืองเทพขนนกทันที เสียงกัมปนาทดังสะเทือนไปทั่วทั้งปฐพี ค่ายกลหลายแห่งพังทลายลงในพริบตา
“ผู้ใดทำ!?”
“ศัตรูจากต่างแดนมาเยือนแล้ว!”
“เร็วเข้า! รีบป้องกันศัตรู!”
“…”
การพังทลายของค่ายกลคุ้มกันทําให้เมืองเทพทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหล
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
จักรพรรดินีหลัวชิงเซียน ผู้ฝึกยุทธ์อิสระเหลียงอิ้นหยวน และปราชญ์ยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนก ต่างเหาะเหินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที แล้วก็ได้พบกับคนทั้งสิบคนที่นำโดยเย่ชิง
“พวกเจ้าเป็นใคร!? เหตุใดจึงลงมือโจมตีเมืองเทพขนนกของข้า!”
นัยน์ตาของจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนยามนี้มืดมนปนเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง
ในเวลานี้เอง เหลียงอิ้นหยวน ผู้ฝึกยุทธ์อิสระที่อยู่ด้านข้างพลันอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ “ไม่ดีแล้ว! พวกเขาเป็นผู้สืบทอดของกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทก พวกเขามาที่นี่เพราะการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณเป็นแน่!”
“หือ? กองกําลังทั้งสิบแห่งแคว้นอุทก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ในใจของจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนพลันจมดิ่งทันที!
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันเรื่องไม่คาดคิด นางได้เรียนรู้เกี่ยวกับกองกําลังหลักแห่งแคว้นอุทกจากคำบอกเล่าของเหลียงอิ้นหยวน
ในแคว้นอุทกมีกองกําลังอยู่มากมาย แต่กองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดคือ กองกําลังทั้งสิบนี้
พวกเขาแบ่งออกเป็นสำนักเทพกระบี่ พระราชวังเทพจันทรา โถงวายุอัสนี สำนักปีศาจสวรรค์ หุบเขาโอสถ สำนักศัสตรา ภูเขาหมื่นค่ายกล สำนักทรราช นิกายมรรคายุทธ์ และหอเซียนเมฆาคล้อย
เหตุผลที่กองกำลังทั้งสิบอันดับแรกสามารถเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในแคว้นอุทก ก็เพราะว่าบรรพบุรุษของกองกําลังทั้งสิบล้วนอยู่ในขอบเขตมนุษย์กึ่งเทพขั้นสูงสุดอันดับต้น ๆ
นั่นเป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวจนสามารถเรียกได้ว่า เป็นยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นอุทก!
“เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าในแคว้นรกร้างเล็ก ๆ ยังมีคนที่รู้จักกองกําลังหลักทั้งสิบในแคว้นอุทกของเรา”
เวลานี้ เย่ชิงและคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาทุกคนมองตรงไปที่เหลียงอิ้นหยวน
เหลียงอิ้นหยวนกำหมัดพลางก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ทุกท่าน ข้าเดาว่าพวกท่านน่าจะเป็นผู้สืบทอดของกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกใช่หรือไม่ นามของข้าคือ เหลียงอิ้นหยวน เป็นผู้ฝึกยุทธ์อิสระของแคว้นอุทก บัดนี้ข้าเป็นผู้พิทกษ์ของราชวงศ์เทพขนนก โปรดเห็นแก่หน้าข้าด้วยเถอะ…”
ผู้ใดจะรู้ว่าก่อนที่เหลียงอิ้นหยวนจะพูดจบ เขาก็ถูกเย่ชิงและคนอื่น ๆ ตัดบทเสียก่อน
“เหลียงอิ้นหยวนอะไรกัน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”
“เจ้าเป็นใคร มีความสำคัญอะไรที่ต้องให้พวกเราไว้หน้า!”
“ในเมื่อรู้จักพวกเราแล้ว ก็รีบไสหัวไปเสีย ราชวงศ์ในตอนนี้อีกเดี๋ยวก็ถูกพวกเรา กองกำลังหลักทั้งสิบครอบครองแล้ว!”
เย่ชิงและคนอื่น ๆ พูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม
“พวกเจ้า!”
เมื่อเห็นว่าเย่ชิงและคนอื่น ๆ ไม่ได้ไว้หน้าตนเองเลย เหลียงอิ้นหยวนก็หน้าถอดสีทันที
แม้ว่ากำลังของเขาจะไม่ดีเท่ากองกําลังหลักทั้งสิบ แต่เขาก็ถือเป็นเทพยุทธ์คนหนึ่ง ทว่าเย่ชิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงขอบเขตครึ่งก้าวเทพยุทธ์เท่านั้น แต่กลับกล้าที่จะดูหมิ่นดูแคลนเขา
“ทําไมเล่า!? เจ้าไม่ยอมหรือ!?”
“ในเมื่อเจ้าไม่ไป เช่นนั้นก็ตายเสียเถอะ!”
เย่ชิงและคนอื่น ๆ เยาะเย้ยเขาอีกครั้ง ราวกับไม่คิดจะสนใจเหลียงอิ้นหยวนแห่งขอบเขตเทพยุทธ์อีกต่อไป
ตู้ม!
ชั่วพริบตานั้นเอง ทั้งสิบคนพร้อมด้วยอาวุธเทพในมือก็ดาหน้าเข้ามาหมายจะฆ่าผู้คนโดยตรง!