ฟ่านหลงเหอเดินออกจากห้องทำงานของผู้จัดการ ในห้องประชุมของแผนกดนตรี ทุกคนกลับมานั่งประจำตำแหน่งอีกครั้ง เพียงแต่สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสับสน
เมื่อกี้เพิ่งจะประชุมไปไม่ใช่เหรอ
ทำไมรองหัวหน้าเรียกประชุมอีกแล้วล่ะ
หรือว่าจนถึงป่านนี้เขาก็ยังสู้ยิบตาอยู่
หลัวฉียังคงนั่งที่ตำแหน่งหัวหน้าดังเดิม ทว่าในใจของเธอรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างบอกไม่ถูก จนทันทีที่ฟ่านหลงเหอกลับมา เธอก็เอาแต่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง พลางเอ่ยว่า “คุณคิดจะทำอะไร ยังอยากยื้อเวลาไปอีกสองสามวันหรือไงคะ”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกครับ”
เมื่อฟ่านหลงเหอเห็นหลัวฉีอีกครั้ง ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปแล้ว
ใบหน้าของเขาผุดรอยยิ้มอบอุ่น แน่นอนว่ารอยยิ้มพิมพ์ใจนี้มีไว้สำหรับบรรดาพนักงานแผนกดนตรี “เพลงของเซี่ยนอวี๋ออกมาแล้ว ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันตัดสินคุณภาพของเพลงนี้หน่อยครับ”
ผู้จัดการเห็นด้วยเพียงคนเดียวยังไม่เพียงพอ
ฟ่านหลงเหออยากใช้เพลงนี้โน้มน้าวใจคนทั้งแผนกต่อหน้าหลัวฉี
มีเพียงวิธีนี้ เขาถึงจะกอบกู้สถานะของตนซึ่งหล่นหายไปก่อนหน้านี้กลับมาได้
“เพลงส่งมาแล้ว?”
ในใจของหลัวฉีเริ่มหวาดหวั่นขึ้นเรื่อยๆ “เรื่องคุณภาพเพลงเอาไว้ก่อน พวกเราไม่จำเป็นต้องแปลงเนื้อเพลงเหรอคะ ต้องให้คุณภาพของเนื้อเพลงแตะถึงมาตรฐานก่อนไหมถึงจะอัดเพลงได้ คุณคิดว่าเรามีเวลาพอหรือไง”
ฟ่านหลงเหอตอบ “งั้นก็ได้ครับ”
เขากดโทรศัพท์ต่อหน้าทุกคน โทรหานักแต่งเนื้อเพลงทั้งสามซึ่งก่อนหน้านี้ไปเยือนถึงสตาร์ไลท์มิวสิก แต่ถูกเซี่ยนอวี๋ปฏิเสธกลับมา “ทางแผนกดนตรีมีประชุมสำคัญ รบกวนอาจารย์ทั้งสามท่านมาที่นี่หน่อยนะครับ”
หลังจากสนทนาจบ ฟ่านหลงเหอก็วางสาย
ในห้องประชุมเริ่มมีการถกเถียงเสียงดังอื้ออืง
มีเพียงลูกน้องคนที่เพิ่งฟังเพลงชอบเธอพร้อมกับฟ่านหลงเหอเมื่อครู่ ที่ใบหน้าประดับรอยยิ้มร่าราวกับกำลังรับชมการแสดง
วันนี้เขาได้เป็นประจักษ์พยานของเรื่องที่เกิดขึ้น ในใจนอกจากความตื่นตะลึงแล้ว ยังมีความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างบอกไม่ถูก
“พวกเรามาแล้วครับ”
หวงต๋าและนักแต่งเนื้อเพลงอีกสองคนรุดมาถึง
หลัวฉีรีบเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาทันที
ในห้องประชุมยังคงเสียงดังอึกทึก ระหว่างที่ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการถกเถียงกันนั้นเอง เสียงเพลงก็พลันดังเข้ามาในโสตประสาท
“สายลมโชยพัดบนถนนในวันฝนพรำ เช็ดดวงตาช้ำไร้เหตุผลให้มองขึ้นไป…”
ห้องประชุมเงียบกริบลงทันใเด
มีเพียงเสียงดนตรีสังเคราะห์ซึ่งยังคงบรรเลงต่อไป
หัวใจของหลัวฉีเต้นระส่ำอย่างบอกไม่ถูก
ในฐานะหัวหน้าแผนกดนตรี ความสามารถในการเข้าถึงบทเพลงของเธอนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบเทียมได้
ฉะนั้นแล้ว เธอย่อมฟังคุณภาพของผลงานเพลงประกอบเช่นนี้ออก
ในตอนนั้นเอง
ขณะที่พนักงานในแผนกดนตรีฟังเพลงไป สีหน้าก็ฉายแววประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นสีหน้าของทุกคนก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง
เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าระยะเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้สั้นขนาดไหน
เวลาแค่เดือนเดียวเองนะ!
นับจนถึงการประชุมในวันนี้!
เวลายังไม่ครบหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำไป!
และนักแต่งเนื้อเพลงรวมไปถึงหวงต๋าก็ได้รับรู้สถานการณ์โดยรวมเช่นเดียวกัน
พวกเขารู้ว่าหลัวฉีกำลังจ้องจับผิดเนื้อเพลงของเซี่ยนอวี๋ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ทุกคนก็คิดว่าเพลงภาษาฉีของเซี่ยนอวี๋นั้นเป็นปัญหาใหญ่
แต่เมื่อฟังไปเรื่อยๆ…
สีหน้าของนักแต่งเนื้อเพลงก็พลันเปลี่ยนไป
พวกเขารู้พล็อตเรื่องของซีรีส์ นั่นเป็นการเตรียมตัวที่จำเป็นก่อนจะเขียนเนื้อเพลง
แต่ตอนนี้ได้ฟังบทเพลงซึ่งดังก้องในโสตประสาท พวกเขาก็พบว่าการเตรียมตัวเหล่านี้คล้ายกับว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป
เพราะเนื้อหาในเนื้อเพลงของเพลงนี้สอดคล้องกับพล็อตเรื่องของซีรีส์พอดิบพอดี!
ถึงขั้นที่ต่อให้ไม่อ่านบทสรุปเนื้อเรื่องของซีรีส์ ก็ยังพอเข้าใจว่าเพลงนี้ร้องเกี่ยวกับอะไร!
“ความคิดมากมายก่อเกิดขึ้นในใจอีกครา รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าไม่เคยลบเลือน…ฉันที่มีเหตุผลเคยเอาแต่ใจเพียงใด โทษว่าความรักมาพรากอิสระไป…ฉันดิ้นรนเพื่อตัวเอง ไม่เคยรู้ถึงความปวดร้าว…ตอนนี้มีเพียงปรารถนา ให้เธอรับรู้เสียงจากใจ…”
จากความทรงจำอันชอกช้ำทุกข์ระทม จนถึงวินาทีที่กลับมาพานพบ
ยามที่ตระหนักได้ก็สายเกินไป ความรักซึ่งถูกเก็บซ่อนไว้ในใจมาหลายปีก็พรั่งพรูออกมาจนหมด นี่เป็นบทเพลงที่เขียนของมาจากมุมมองความรู้สึกของพระเอกสินะ!
เซี่ยนอวี๋ไม่รู้ภาษาฉีนี่นา?
ฟังจากภาษาฉีที่เขาพูด เรียกได้ว่ากระท่อนกระแท่น แต่เมื่อได้เห็นเนื้อเพลงที่เขาเขียน นับได้ว่าภาษาฉีของเขาดีกว่าคนท้องถิ่นซะอีก!
“…”
เมื่อบทเพลงจบลง ทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่น
ผ่านไปเนิ่นนาน
หวงต๋าก็กล่าวด้วยรอยยิ้มขื่น “เพลงนี้ดีมากอยู่แล้วครับ”
นักแต่งเนื้อเพลงฝั่งขวาของหวงต๋าเอ่ยว่า “ไม่ได้หมายความว่าเนื้อเพลงนี้เขียนได้ยอดเยี่ยม แต่หมายความว่าเนื้อเพลงนี้สอดคล้องกับธีมเรื่องของซีรีส์มาก เซี่ยนอวี๋ดูตั้งใจจริงๆ นะครับ”
“เห็นด้วยครับ”
นักแต่งเนื้อเพลงคนที่สามก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน แม้ว่าเขาจะสนิทสนมกับหลัวฉีก็ตามแต่ “นี่ไม่ใช่เนื้อเพลงภาษาฉีที่ดีที่สุด แต่เป็นเนื้อเพลงที่เหมาะสมกับซีรีส์เรื่องนี้ที่สุด”
ทั้งสามคนถ้าไม่ส่ายหน้า ก็ถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุม
สีหน้าของหลัวฉีดำทะมึนราวกับก้นหม้อ
เธอถึงกับถูกคู่แข่งพลิกกระดานเชียวหรือ
และหลังจากที่นักประพันธ์เนื้อเพลงเดินออกไป ในที่สุดทุกคนก็พรูลมหายใจออกมา ทุกคนแทบมีสีหน้าตื่นตะลึงระคนชื่นชมเหมือนๆ กัน
“เขียนได้ดีมากจริงๆ!”
“ถ้าไม่ได้ติดตาม ฉันคงไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นชิ้นงานที่เซี่ยนอวี๋เขียนออกมาได้ภายในหนึ่งเดือน สมแล้วที่เป็นคนทำเพลงปลายักษ์!”
“เนื้อเพลงไม่มีปัญหาเลย”
“นึกภาพไม่ออกเลยว่าเพลงนี้เป็นงานด่วน ลำพังแค่คุณภาพอย่างเดียว เพลงชอบเธอก็เหนือกว่าเพลงประกอบที่กำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้อีก!”
“ผมว่าเกทับได้เลย”
“อันแรกเป็นผลงานที่ตรงตามมาตรฐาน อันหลังเป็นงานคลาสสิกไพเราะรื่นหู แต่ตอนนี้ช้าไปหน่อยหรือเปล่า พวกเรายังเปลี่ยนเพลงทันเหรอคะ”
มีคนมองไปยังฟ่านหลงเหอ
ฟ่านหลงเหอเหลือบมองหลัวฉี ก่อนจะยิ้มเอ่ย “ผู้จัดการก็ประเมินเพลงนี้เหมือนกับพวกคุณครับ ดังนั้นเราเปลี่ยนได้ครับ แต่ต้องเร่งการอัดเพลง โชคดีที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋ทำเพลงไว้สมบูรณ์มาก ทั้งส่วนเรียบเรียงเพลงก็ทำเรียบร้อยแล้ว”
เพลงนี้ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างเหนือความคาดหมาย!
ทั้งทำนองและเนื้อเพลง รวมไปถึงการเรียบเรียงก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้ฟ่านหลงเหอรู้สึกเพียงว่าเงินสามล้านที่เขาจ่ายไปนี้โคตรจะคุ้มค่าเลย!
“ฟู่”
ผู้คนผ่อนลมหายใจ เผยรอยยิ้มโล่งใจ แต่เมื่อมองไปทางหลัวฉี รอยยิ้มก็พลันชะงักค้างไปทันที
หลัวฉีลุกขึ้นยืน “ทำได้ไม่เลว”
รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้าของเธอ มองไปยังฟ่านหลงเหอ “ยินดีด้วย ถ้าได้ฟังเพลงนี้ก่อน ฉันเองก็จะเลือกเพลงนี้เหมือนกัน”
ฟ่านหลงเหอพูด “ขอบคุณครับ”
หลัวฉีพยักหน้า ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังคงรักษามาดของหัวหน้างาน เพียงแต่ทุกคนล้วนจินตนาการได้ว่าจิตใจของหลัวฉีในตอนนี้บอบช้ำแค่ไหน
ฟ่านหลงเหอไม่ได้ท้าชนกับอีกฝ่ายต่อ
หลังจากที่เขาประกาศจบการประชุม ก็ติดต่อไปยังสตาร์ไลท์มิวสิกทันที เพื่อแจ้งเรื่องการอัดเพลง
เขาไม่ได้ลืมเรื่องที่ตนรับปากอีกฝ่ายไว้ ว่าเซี่ยนอวี๋จะเป็นผู้รับผิดชอบการอัดเพลง
ถ้าหากคิดจะร่วมงานกันต่อ ก็ต้องทำตามที่สัญญาไว้ให้ได้
“ตัวแทนหลินคะ!”
หลังจากที่กู้ตงได้รับข่าวจากธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ ก็รีบไปเคาะประตูห้องทำงานของหลินเยวียนทันที เธอรู้สึกตื่นเต้นจนเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่ “ทำสำเร็จแล้วค่ะ ธันเดอร์มิวสิกเลือกใช้เพลงของเราแล้ว!”
“ครับ”
หลินเยวียนคล้ายกับจะไม่แปลกใจที่กู้ตงมาหาตน และไม่แปลกใจยิ่งกว่าที่ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ถูกใจเพลงของตน
เขาหยัดกายลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก เดินไปพลางพูดกับกู้ตงซื่งเดินตามมา “ไปส่งผมที่ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์หน่อยได้มั้ยครับ”
หลินเยวียนรู้ว่าเวลากระชั้นมาก
ใช่ว่าเขาจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้
ความจริงแล้ว เมื่อหลายวันก่อน หลินเยวียนได้สืบค้นข้อมูลของธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์เรียบร้อยแล้ว
เดิมทีคิดว่าถ้าเขาใช้วิธีการกรองคนอย่างง่าย ก็อาจหาเสียงที่เหมาะสมกับเพลงไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ข้อมูลและรายละเอียดของนักร้องจากทางธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์
ปรากฏว่าในการคัดสรรครั้งแรก เขาก็หาผู้ขับร้องที่เหมาะสมกับเพลงนี้ได้แล้ว
………………………………………………………