อีอูยอนเป็นฝ่ายเปิดปากพูดอย่างกะทันหันตอนที่ขับรถเข้ามาในลานจอดรถของอพาร์ตเมนต์
“คิดว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนั้นเหรอครับ”
“ครับ?”
“ก็เมื่อกี้คุณตอบว่าไม่แน่ใจนี่ครับ ไม่ได้หมายความว่าคุณรู้อะไรบางอย่าง แต่ไม่มั่นใจหรอกเหรอครับ”
อินซอบตกใจไม่น้อย เขาไม่รู้เลยว่าอีอูยอนจะคิดไปถึงขนาดนั้นเพราะคำพูดที่ไม่สำคัญอะไรของตน
“ผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกครับ ก็แค่…”
“แค่?”
“ผมเจอกับลูกชายของเจ้าของบ้านก่อนที่จะขึ้นไปที่ดาดฟ้าน่ะครับ คนนั้นเขาสูบบุหรี่ด้วย…แต่ก็เป็นเพียงข้อสงสัยของผมเท่านั้นครับ”
“อย่างนั้นเองสินะครับ”
อีอูยอนหมุนพวงมาลัยเพื่อที่จะจอดรถ
“ไม่เป็นไรครับ ให้ผมลงข้างหน้าก็ได้”
อีอูยอนไม่ตอบอะไร เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วเขาก็ดับเครื่องยนต์ ความเงียบก่อตัวขึ้นในรถ อีอูยอนเอื้อมมือออกมาเช็ดเลือดที่เปื้อนแก้มของอินซอบออก
“ไม่เป็นไรครับ ผม…”
อินซอบพยายามจะดึงมือของอีกฝ่ายลงด้วยกลัวว่าเลือดจะเปื้อนมือของอีอูยอน แต่อีอูยอนกลับไม่สะเทือน และเช็ดหน้าของอินซอบอย่างพิถีพิถัน
“คุณเป็นคนกลัวเลือด และทนมองใครบาดเจ็บไม่ได้แท้ๆ คงจะกลัวมากเลยสินะครับ”
ถึงแม้ว่าลักษณะการพูดและน้ำเสียงจะอ่อนโยนมาก แต่อินซอบกลับรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบแห้งลงจนเย็นยะเยือก อินซอบห่อไหล่พลางตอบไปว่า ‘ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ’
“แต่ในช่วงเวลาแบบนั้น คุณกลับคิดที่จะโทรศัพท์หาผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ผม”
มือของอีอูยอนที่เคยเช็ดหน้าให้แตะลงมาที่ริมฝีปากของอินซอบ เขาใช้นิ้วโป้งถูริมฝีปากนั้น
“ไม่นึกถึงผมเลยเหรอครับ”
“เรื่องนั้น…”
อีอูยอนก้มหน้า เขาประกบริมฝีปากลงมา และสอดลิ้นเข้ามาในริมฝีปากที่เปิดออกด้วยความตกใจ เมื่ออินซอบพยายามเอนตัวหนีไปข้างหลัง อีอูยอนก็คว้าไหล่ของอีกฝ่ายไว้ และดึงกลับมาตามเดิม
“…!”
อินซอบผลักอีอูยอนออกอย่างกะทันหัน
“อย่าทำแบบนี้นะครับ จะให้ใครมาเห็น…”
“ให้ใครเห็นไม่ได้เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่…ใช่ไหมครับ”
อีอูยอนต่อประโยคให้อินซอบก่อนจะยืดตัวขึ้น อินซอบคว้าชายแขนเสื้อของคนตรงหน้าไว้
“ไม่ใช่ว่าผมไม่นึกถึงคุณอีอูยอนนะครับ แต่ถ้าผมเรียกคุณมาด้วยเรื่องแบบนี้อาจจะสะดุดตาคนอื่นโดยไม่จำเป็นก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น…”
“ผมรู้ครับ ว่าผมไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้”
อีอูยอนรู้สึกละอายใจมาตลอดทางที่มาที่นี่ ละอายใจที่อย่างมากที่สุดเขาก็ทำได้แค่อดทนกับแมวเพื่ออินซอบ แต่เขาไม่สามารถทำเพราะชอบพวกมันจากใจได้อย่างยุนอารึม ไม่ว่าเขาจะพยายามสร้างส่วนที่ขาดไปตั้งแต่เกิดขึ้นมาให้สมจริงมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะความรู้สึกที่มีมาตั้งแต่เกิดได้
เขาบกพร่องในส่วนของความรู้สึกต่างจากคนทั่วไป จึงไม่เคยรู้สึกถึงความเศร้าหรือความโกรธเลย และการที่ต้องรักษาและเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยๆ ในวัยเด็กก็ทำให้เขารำคาญด้วย
ทว่ามาตอนนี้
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะครับ ผม…”
สายตาของอินซอบเต็มไปด้วยความลำบากใจและรู้สึกผิด
อีอูยอนขบฟันเบาๆ
อินซอบรับรู้ถึงส่วนที่ขาดหายไปของเขา ดังนั้นอีกฝ่ายก็เลยเรียกยุนอารึมมา เขาไม่คิดที่จะตำหนิการเลือกที่ถูกต้อง แต่เขาแค่คิดว่าวันที่อินซอบจะเลือกสิ่งที่ถูกต้องในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอาจจะมาถึงในสักวันก็เป็นได้
ถ้าเป็นแบบนั้น อินซอบก็คงจะทิ้งเขาไป
เขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นความรู้สึกที่เขารู้สึกเป็นครั้งแรก
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะครับ ผมพูดจริงๆ นะครับ”
“ผมรู้ครับ ดึกแล้ว คุณน่าจะเหนื่อย รีบเข้าไปเถอะครับ”
ตอนนี้เลยตีสามมามากแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายกลับบ้านไปตอนนี้ก็น่าจะได้นอนไม่ถึงชั่วโมง เพราะตารางงานในวันพรุ่งนี้ อินซอบไม่ยอมเปิดประตูรถ เอาแต่เหลือบมองอีอูยอน
“…ดึกมากแล้ว คุณจะนอนค้างไหมครับ”
อีอูยอนรู้ว่าอินซอบที่มักจะกลัวว่าคนอื่นจะมาเห็นและไม่ยอมให้จับมือข้างนอกต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหนในการพูดออกมา
“ไม่ดีกว่าครับ ผมจะกลับบ้าน”
ดังนั้นอีอูยอนจึงไม่สามารถตอบรับคำพูดนั้นได้ สติที่เขาควบคุมไว้ได้อย่างหวุดหวิดมีขีดจำกัดถึงแค่ตรงนี้ และด้วยอารมณ์ในตอนนี้ ต่อให้อีกเดี๋ยวอินซอบคงเดินขึ้นไปร้องไห้ เขาก็จะถอดกางเกงของอีกฝ่ายและกระแทกไอ้นั่นของเขาเข้าไปอย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็จะกอดอินซอบซ้ำๆ ทั้งคืนแม้เจ้าตัวจะไม่ต้องการ
เขาไม่สามารถนับได้เลยว่าเขาใช้แรงกดแขนและขาของอินซอบเอาไว้แล้วสอดใส่เข้าไปในตัวของอีกฝ่ายด้วยการบีบบังคับกี่ครั้งแล้วในหัว ปากของเขาแห้งผากเพราะความต้องการที่พลุ่งพล่าน
เขาไม่อยากให้ความผิดพลาดที่เขาเคยทำที่ฮาวายเกิดขึ้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง
“งั้นก็กลับดีๆ นะครับ วันนี้ผมต้องขอบคุณมากเลยครับ”
อินซอบเอ่ยลาและลงจากรถ ขณะที่กำลังสตาร์ทรถ อีอูยอนเอ่ยเรียกรั้งว่า ‘คุณอินซอบ’
อินซอบหันกลับไปด้วยความประหม่าเล็กน้อย
อีอูยอนมองตรงไปที่อินซอบและเอ่ยว่า
“พรุ่งนี้ไม่ต้องมานะครับ”
ไม่มีทั้งสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และน้ำเสียงที่อ่อนโยน
***
[ทั้งสามตัวปรับตัวได้เรียบร้อยแล้ว]
อินซอบดูรูปที่แนบมาด้วยและยิ้มเงียบๆ ช่วงเช้าวันนี้อินซอบได้รับความช่วยเหลือจากยุนอารึม และช่วยโลอิสและลูกๆ ไว้ได้ทั้งหมด พวกเขาพาแมวทั้งสามตัวไปที่โรงพยาบาล หลังจากที่ตรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหน พวกเขาก็ย้ายไปที่บ้านของยุนอารึม หญิงสาวยกห้องเก็บของห้องหนึ่งให้พวกแมว จากนั้นเธอก็ส่งรูปพวกแมวที่กำลังนอนเหยียดตัวมาให้อินซอบ
[โล่งอกไปทีนะครับ ตอนแรกผมเป็นห่วงมาก เพราะพวกมันกลัวคนแปลกหน้า แล้วเจ้าคงไม่เครียดเหรอครับ]
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรูปของสุนัขที่มองพวกแมวอย่างอ่อนแรงจากอีกด้านหนึ่งของรั้วกั้นถูกส่งมา
[ช่วยบอกเจ้าคงให้ทีนะครับว่าผมขอโทษ แล้วก็ขอบคุณมาก ถ้ามีเรื่องอะไรช่วยติดต่อผมมาทันทีเลยนะครับ]
อินซอบส่งข้อความไปก่อนจะนอนลงบนเตียง ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา เขารู้สึกเหนื่อยกว่าปกติหลายเท่า อินซอบเช็กโทรศัพท์ ยังไม่มีข้อความจากอีอูยอนมาสักข้อความ เขาคิดว่าจะโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายดีไหม อินซอบถอนหายใจพลางพลิกตัว
‘พรุ่งนี้ไม่ต้องมานะครับ’
ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้นจากอีอูยอน เขายืนเหม่ออยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่อย่างคิดอะไรไม่ออกก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างยากลำบากว่า ‘คุณโกรธเหรอครับ’ แต่อีอูยอนกลับส่ายหน้า
‘วันนี้คุณเหนื่อยมากนี่ครับ ผมจะให้วันหยุดคุณ พักสักวันนะครับ’
อินซอบปฏิเสธอย่างถึงที่สุดด้วยความเกรงใจว่าไม่เป็นไร การลางานอย่างกะทันหันภายในวันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ อินซอบบอกว่าตัวเขาเองไม่เหนื่อย และเขาจะสร้างความลำบากถึงขนาดนั้นให้อีอูยอนไม่ได้ แต่อีอูยอนกลับตอบว่า
‘แค่นั้นคงไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้ผมหรอกมั้งครับ’
สุดท้ายอินซอบก็ได้แต่พยักหน้า เพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มต่ำและเย็นชากว่าปกติหลายเท่า อินซอบส่งข้อความไปบอกอีอูยอนให้ตั้งใจทำงานในตอนเช้า แต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับมา อีกฝ่ายไม่เคยเมินการติดต่อของเขามาก่อน ถ้าเจ้าตัวไม่ได้กำลังโกรธมาก ก็คงกำลังยุ่งมาก สาเหตุมีแค่หนึ่งในสองอย่างนี้เท่านั้น บางทีสาเหตุแรกน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า
เรื่องเมื่อตอนเช้ามืดติดอยู่ในใจเขาตลอดเวลา เราควรติดต่ออีอูยอนเป็นคนแรกหรือเปล่านะ …ถ้าทำแบบนั้น บางทีตอนนี้จอห์นอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ไม่ว่าจะคิดอีกกี่รอบ การเลือกในเมื่อวานก็ดีที่สุดแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้รู้ว่าการเลือกที่ดีที่สุดไม่ได้ทำให้ทุกคนมีความสุข
อินซอบนอนตะแคงข้าง เอาหัวหนุนแขน จากนั้นเขาก็เข้าไปในเว็บไซต์เสิร์ชเอนจิ้นด้วยความเคยชิน ก่อนจะต้องเด้งตัวขึ้นมาหลังจากเห็นชื่อของอีอูยอนอยู่ในอันดับหนึ่งของช่องค้นหาแบบเรียลไทม์
มันไม่ได้มาจากการออกอากาศทางโทรทัศน์ เพราะตารางงานวันนี้ไม่ใช่การถ่ายทอดสด แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาใช้มือที่สั่นเทาพิมพ์ชื่อของอีอูยอนลงไปในช่องค้นหาอย่างยากลำบาก จากนั้นข่าวก็เด้งขึ้นมาเป็นพืด
[‘อีอูยอนชายหนุ่มผู้อ่อนโยนที่มีหัวใจอันแสนอบอุ่น’
‘อีอูยอน เครื่องผลิตเรื่องราวน่าประทับใจแห่งยุค คราวนี้เขาอ่อนโยนแม้กระทั่งกับสัตว์!’
‘ความรักที่แสนอบอุ่นของอีอูยอนที่มีต่อสัตว์’]
อินซอบเริ่มอ่านข่าวล่าสุดก่อน
[เรื่องราวอันน่าประทับใจเงียบๆ ของนักแสดงอีอูยอนได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาใหญ่ ช่วงสายวันนี้คุณ A พนักงานซึ่งทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรักษาสัตว์แห่งหนึ่งได้เขียนข้อความพร้อมกับรูปรูปหนึ่งลงใน SNS คุณ A เปิดเผยว่าตนเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรักษาสัตว์ 24 ชั่วโมงและได้อธิบายสถานการณ์ว่า “ช่วงเช้ามืดวันนี้ชายหญิงสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นแฟนกันได้พาลูกแมวที่ช่วยมาจากข้างถนนมาที่โรงพยาบาล และลูกแมวตัวนั้นก็ได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินค่ะ”]
“…แฟนงั้นเหรอ”
อินซอบเหงื่อตกขณะที่เลื่อนหน้าจอลงไปเรื่อยๆ
[คุณ A ได้อธิบายเรื่องราวคร่าวๆ ว่า “มีผู้ชายคนหนึ่งได้รับสายจากหนึ่งในคู่รักนั้นและวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลทีหลังค่ะ แม้จะน่าตกใจอยู่บ้าง แต่เขาก็คืออีอูยอนค่ะ คุณหมอเองยังบอกเลยว่าตอนที่เธอเห็นครั้งแรก เธอก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ทุกคนตกใจกันหมดเลยล่ะค่ะ เพราะตัวจริงเขาหล่อมาก และสิ่งที่น่าตกใจกว่าก็คือความจริงที่ว่าคุณอีอูยอนที่วิ่งมาตอนเช้ามืดนั้นจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้ด้วยก่อนจะออกไปค่ะ”]
เนื้อหาเป็นการเล่าถึงตัวจริงของอีอูยอนที่ปรากฏตัวขึ้น
[คุณ A ยังปิดท้ายข้อความที่ว่า “ช่วงสายๆ คุณอีอูยอนได้โทรศัพท์มาอีกครั้ง และบอกว่าเขาจะจ่ายค่ารักษาทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเองด้วยค่ะ พวกพนักงาน แม้กระทั่งฉันเองยังเถียงกันเลยค่ะว่าจะขอเป็นคนรับโทรศัพท์ เพราะเสียงจากโทรศัพท์ของเขาเพราะมาก การผ่าตัดของแมวเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี และตอนนี้กำลังรอคอยเจ้าของที่ดีอยู่ค่ะ” พร้อมกับลงรูปของแมวที่กำลังอยู่ในระหว่างการพักฟื้น อีกทั้งทางต้นสังกัดของอีอูยอนได้เปิดเผยว่าแม้จะไม่ได้ยินเรื่องนี้จากเจ้าตัว แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้ถ้าเขาทุ่มเทใจให้ตามปกติ นี่คือเหตุผลที่เราคาดหวังกับการก้าวเดินของนักแสดงอีอูยอนที่มีจิตใจอบอุ่นเหมือนหน้าตา]
ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้คลายความกังวลลง ไหล่ที่เคยห่อเกร็งก็คลายออก
มีคนเขียนคอมเมนต์เอาไว้ใต้ข่าวเต็มไปหมด ส่วนมากมีเนื้อหาชื่นชมอีอูยอน มีคอมเมนต์ที่บอกว่าแมวสวยมาก อยากจะเอาแมวกลับไปเลี้ยงโชว์หรา นอกจากนี้ยังมีคำชมถึงคู่รักที่ช่วยชีวิตแมวที่บาดเจ็บในตอนเช้ามืดอยู่ประปราย
“ไม่ใช่คู่รักซะหน่อย…”
อินซอบพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ ในระหว่างนั้นเขาก็เห็นคอมเมนต์ว่าร้ายที่บอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นการจัดฉากของอีอูยอนที่กำลังจะเปิดตัวภาพยนตร์ และคอมเมนต์ต่างๆ ที่ถูกเขียนไว้ใต้คอมเมนต์นั้นก็ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย
[‘กะอีแค่ไอ้คนที่หาเงินได้เยอะจ่ายค่ารักษาพยาบาลนิดหน่อยเนี่ย เอามาโอ้อวดกันฉิบหายเลยนะ’
‘เข้ากรมไปซะไป๊ ไอ้เหี้*เอ๊ย’
‘ทำไมต้องช่วยแมวข้างถนนด้วยวะ แค่ได้ยินเสียงพวกมันร้องตอนกลางคืนก็อยากจะเอาหินทุบให้ตายแล้ว’
‘ปกติไอ้อีอูยอนมันไม่บริจาคอะไรด้วยซ้ำ ก็แค่สร้างภาพเป็นคนดีน่ะสิ เห็นคนแบบนี้แล้วสะอิดสะเอียนฉิบหาย’]
อินซอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะล็อกอินเข้าไปเขียนคอมเมนต์
[‘คุณอูยอนเป็นคนดีจริงๆ นะครับ ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอเลยครับ’]
แม้จะรู้ว่าเป็นการกระทำที่ไร้สาระ แต่ที่ทุกครั้งที่อีอูยอนถูกด่า เขามักจะเขียนคอมเมนต์แบบนี้เสมอจนเป็นนิสัย อินซอบนอนลงบนเตียงอีกครั้ง เขาเข้าไปดูแฟนคาเฟ่และเว็บบอร์ดของอีอูยอน กระทู้ที่เป็นประเด็นร้อนด้วยเรื่องที่ทะเลาะกับนักข่าวจนถึงเมื่อวานนี้คึกคักไปด้วยการพูดคุยเรื่องแมว นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก
อินซอบอ่านการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็อยากเจออีอูยอนขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายแค่ครึ่งวันเท่านั้น
“น่าสมเพชจริงๆ”
อินซอบพึมพำคนเดียวพลางยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก เขาชอบอีอูยอนขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ลืมตาจนกระทั่งหลับตา เขาไม่สามารถสลัดความคิดเกี่ยวกับอีอูยอนออกไปจากหัวได้เลย ยิ่งเวลาผ่านไป ไข้ใจก็ยิ่งหนักขึ้นเหมือนเด็กหนุ่มที่เป็นทุกข์กับรักครั้งแรก
บางครั้งอีอูยอนก็ล้อเลียนเขาทีเล่นทีจริงว่าเป็นสตอล์กเกอร์ ถ้าเขาถูกจับได้ว่ามีสภาพเช่นนี้ คำว่าทีเล่นคงได้หายไปจากวลีนั้นแน่นอน อินซอบตั้งใจไว้ว่าเขาต้องไม่ถูกจับได้ จู่ๆ เขาก็คิดว่าอีอูยอนจะได้อ่านข่าวหรือยัง แต่ถ้าใครไม่ยื่นข่าวมาจ่อตรงหน้า อีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นอ่านข่าวเกี่ยวกับตัวเองด้วยซ้ำ
เขาครุ่นคิดก่อนจะส่งข้อความที่มีเนื้อหาไม่ซับซ้อนอะไรไปหาอีกฝ่าย
[งานวันนี้เป็นไปด้วยดีหรือเปล่าครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ]