รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 180 เจ้าปลาตัวซวย ความโชคดีโดนเจ้าพูดจนสูญสิ้นหมดแล้ว!

บทที่ 180 เจ้าปลาตัวซวย ความโชคดีโดนเจ้าพูดจนสูญสิ้นหมดแล้ว!

บทที่ 180 เจ้าปลาตัวซวย ความโชคดีโดนเจ้าพูดจนสูญสิ้นหมดแล้ว!

“แม่นางเสวี่ย เชิญด้านใน”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เชิญอันหลานเสวี่ยเข้าไปในลานเล็ก

อันหลานเสวี่ยขอให้เขาเรียกนางว่าเสี่ยวเสวี่ย ทว่าเขารู้สึกว่าเรียกผู้ฝึกตนว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่เหมาะเท่าไหร่ จึงเรียกนางว่าแม่นางเสวี่ย

“อืม”

อันหลานเสวี่ยพยักหน้าด้วยท่าทางเหม่อลอย นางได้พบท่านเซียนหรือนี่ นางมิได้เต็มตื้นจนเป็นลมล้มลงก็ดีเท่าไรแล้ว

เซียน… ช่างเป็นตัวตนที่เลื่อนลอย

นับแต่ยุคโบราณ เป้าหมายของผู้ฝึกตนทุกคนคือบรรลุเป็นเซียน น่าเสียดายนัก… เพราะนับแต่ยุคโบราณมาก็มิมีผู้ใดเคยบรรลุเป็นเซียนอีก

ลานเล็กตรงหน้าสะอาดสะอ้าน ปราศจากสิ่งกีดขวางระเกะระกะ

สองข้างทางมีดอกไม้ต้นหญ้าสีสันสดใสสวยงามปลูกอยู่ ตรงกลางมีโอ่งน้ำทำจากกระเบื้องโบราณ

อันหลานเสวี่ยไม่รู้จักดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านี้ กระนั้นนางสัมผัสถึงพลังชีวิตแสนรุนแรงได้จากดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านี้ แน่นอนว่าพวกมันมิใช่ดอกไม้ต้นหญ้าธรรมดา

‘นี่มัน…!’

กลิ่นหอมของบุปผาโชยมา นางสูดดม กลิ่นหอมนั้นลอยละล่องเข้าไปในจมูกของนาง และนางก็ต้องอึ้งไปในบัดดล

เพราะพละกำลังต่าง ๆ ของนางกำลังเพิ่มพูนทวีคูณ!

โดยเฉพาะแก่นกำเนิดชีวิตของนางที่พลังเพิ่มพูนมหาศาล!

‘สูดกลิ่นดอกไม้เพียงครั้งเดียว ข้าก็ได้อายุขัยเพิ่มถึงร้อยปีเชียวหรือ???’

นางสะท้านใจ รู้สึกเหมือนฝันไป

ทว่าแก่นกำเนิดชีวิตที่กำลังเจริญงอกงามในกายนางบอกนางว่าทั้งหมดนี้มิใช่ฝันไป หากแต่เป็นเรื่องจริง!

แก่นกำเนิดชีวิตทรงพลังเยี่ยงนี้ นางยืดชีวิตออกไปได้อีกร้อยปียังไม่เป็นปัญหา!

‘สิ่งเหล่านี้คงมิใช่โอสถจักรพรรดิกระมัง!’

นางมองดอกไม้ต้นหญ้าทั้งหลายก่อนจะเอ่ยในใจ

เพียงสูดดมกลิ่นหอมบุปผาก็ช่วยเพิ่มอายุขัยให้นางถึงร้อยปี หากมิใช่โอสถจักรพรรดินางไม่ยอมเชื่อแน่!

หลี่จิ่วเต้าเห็นอันหลานเสวี่ยจดจ้องดอกไม้ที่เขาปลูก ก็นึกหัวเราะในใจ

ดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านี้ล้วนเป็นของดาด ๆ เขาขุดกลับมาจากในภูเขาแล้วย้ายมาปลูกในลาน

ทว่าด้วยการเพาะเลี้ยงตัดแต่งอย่างใส่ใจของตน ดอกไม้ต้นหญ้าเหล่านี้อยู่เหนือคำว่า ‘ดาด ๆ’ อย่างสิ้นเชิง ล้วนเติบโตมาอย่างงดงามตระการตา!

‘‘น้ำอมฤตไท่อี’ ที่ผู้เฒ่าเวิงให้มาใช้เพาะเลี้ยงดอกไม้ได้ไม่เลวทีเดียว ดอกไม้ต้นหญ้าเจริญงอกงามอย่างแข็งขัน…’

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยในใจ รู้สึกว่าหากมีเวลาเขาควรทำกระถางดอกไม้ขึ้นมา จะได้ย้ายมวลบุปผาทั้งหลายจากลานเข้าไปเป็นดอกไม้ไว้ดูชมในห้อง

“แม่นางเสวี่ยชอบชมดอกไม้หรือ ประเดี๋ยวข้าไปชงชาเย็นให้เจ้าดื่ม”

หลี่จิ่วเต้ายิ้ม เด็กสาวมักชอบของสวยงาม ดูท่าผู้ฝึกตนก็เป็นเช่นเดียวกัน

ชายหนุ่มครุ่นคิดว่า ก่อนนางกลับไปจะยกดอกไม้สักต้นให้ ถือเป็นของขวัญสักชิ้น ฝากฝังให้อันหลานเสวี่ยช่วยดูแลประคบประหงมพวกอ้ายฉานที่พรรคจื่อเสียหน่อย

บอกตามตรง เขาชอบเด็ก ๆ อย่างพวกอ้ายฉานมากทีเดียว แต่ละคนเชื่อฟังเป็นเด็กดีกันทั้งนั้น

ให้ของขวัญเพื่อพวกอ้ายฉาน เขาคิดว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง

จากนั้น หลี่จิ่วเต้าก็เดินเข้าไปในครัว

ฤดูร้อนย่อมต้องดื่มน้ำเย็น

ก่อนนี้ไม่สะดวกเพราะไม่มีตู้เย็น ต่อให้ได้น้ำแข็งก็เก็บรักษาไม่ได้

บัดนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว มีผลึกใสควบคุมเวลาที่ผู้เฒ่าเฮ่อนำมาให้ ปัญหาทุกอย่างถูกคลี่คลายลงอย่างไร้ที่ติ!

ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าอวิ๋นมอบลูกแก้วลูกหนึ่งให้เขา ใช้แทนเครื่องปรับอากาศ ร้อนก็ได้เย็นก็ได้ ซ้ำยังควบคุมบริเวณได้ตามที่เขานึก

หลี่จิ่วเต้าจึงใช้ลูกแก้วนี้สร้างน้ำแข็งขึ้นมาเป็นกอง ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในก้อนผลึก แล้วหยุดเวลา อย่าให้พูดเลยว่าใช้สะดวกปานใด

เดี๋ยวนี้เขามีเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้ดื่มทุกวัน!

เบียร์เขายังทำออกมาได้แล้ว!

หากมิใช่ว่าอันหลานเสวี่ยเป็นสตรี เขาอยากรับรองอันหลานเสวี่ยด้วยเบียร์จริง ๆ

อากาศร้อนขนาดนี้ ได้ดื่มเบียร์เย็น ๆ สักอึก… โอ๊ย! อย่าให้พูดเลยว่าความรู้สึกนั้นสุดยอดขนาดไหน!

ภายในลาน

อันหลานเสวี่ยเดินมาอยู่ข้างโอ่งน้ำ นางเห็นว่ามีปลาคอยกระโจนขึ้นจากโอ่ง จึงถูกดึงดูดไปทันที

“สวยจัง!”

ภายในโอ่งน้ำ ผิวน้ำใสเสียจนมองเห็นปลาทุกตัวได้อย่างชัดเจน เกล็ดปลาเปล่งประกายวาววาม สีสันหลากหลาย แต่ละตัวสวยสดงดงามกันทั้งนั้น

‘ช่างเป็นบารมีสายเลือดที่น่าพรั่นพรึงอะไรเยี่ยงนี้!’

หัวใจของอันหลานเสวี่ยเต้นโครมคราม นางตกใจจนถอยไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ

แม้จะมองไม่ออกว่าปลาเหล่านี้มาจากเผ่าใดบ้าง กระนั้นนางสัมผัสถึงบารมีสายเลือดสุดแสนน่ากลัวได้จากปลาเหล่านี้ มิหนำซ้ำยังน่ากลัวยิ่งกว่าสายเลือดอสูรตนไหน ๆ ที่นางเคยพบ!

‘บารมีของอสูรที่หลงเหลือจากโบราณกาลในแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเทียบกับปลาเหล่านี้ไม่ได้เลย!’

เมื่อครั้งพวกอ้ายฉานวัดศักยภาพ ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดในปฐพี เคยมีอสูรเหลือค้างจากยุคโบราณมายังพรรคจื่อเสียมากมาย ครานั้น นางได้พบอสูรเหลือค้างทรงพลังน่าสยดสยองนับคณา

ทว่าเทียบกับปลาในโอ่งน้ำเหล่านี้แล้ว อสูรเหลือค้างจากยุคโบราณห่างชั้นเป็นวา ไม่อยู่ในระดับเดียวกันเลย!

‘ไยต้องกลัวไป! คิดแล้วปลาเหล่านี้ท่านเซียนคงเลี้ยงไว้เชยชม…’

อันหลานเสวี่ยหัวเราะในใจ ขำที่ตัวนางขี้ขลาดตาขาวเยี่ยงนี้

เหมียว!

เวลานั้นแมวน้อยสีขาวตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา กระโจนขึ้นไปบนโอ่งน้ำ ตาแมวสองข้างมองจ้องอันหลานเสวี่ยอย่างเดือดดาล ราวกับกำลังหวงของกิน

‘คนผู้นี้มองอยู่ได้ คงมิใช่ว่าหมายตาปลาเหล่านี้ของข้า อยากให้ท่านเซียนยกให้สักตัวสองตัวหรอกนะ?’

ลั่วสุ่ยคิดในใจ เช่นนี้ยอมไม่ได้ ปลาเหล่านี้เป็นอาหารของนาง

หมายความว่าอย่างไร…?

อันหลานเสวี่ยเห็นท่าทางของแมวน้อยสีขาวดูคล้ายหวงของกิน คิดไปในใจว่าหรือปลาเหล่านี้จะเป็นอาหารของแมวน้อยสีขาวตัวนี้!

“ปลาเหล่านี้เป็นของกินของเจ้าหรือ?”

นางถามแมวน้อยสีขาว

เหมียว!

ลั่วสุ่ยส่งเสียงร้อง ผงกศีรษะแมวของตน

มิหนำซ้ำนางยังยื่นกรงเล็บลงไปในโอ่งน้ำ จับปลาตัวหนึ่งขึ้นมาจ่อปาก

สวรรค์! กินทั้งเป็นเลยหรือ!

บุ๋ง บุ๋ง!

ภายในโอ่งน้ำ มัจฉาสัตมายาตกใจแทบแย่ แมวน้อยสีขาววิวัฒนาจนเก่งกาจเกินไปแล้ว นี่จะกินกันทั้งเป็นเยี่ยงนี้เลยหรือ!

ยังดีที่มันไม่โดนแมวน้อยสีขาวจับขึ้นไป!

เจ้าร้องทำไม เจ้าโชคดีที่สุดแล้วนี่!

ข้างกายมัน ปลาอีกตัวโหม่งมัจฉาสัตมายาก่อนจะพูดเป็นเสียงบุ๋ง ๆ

มันอิจฉาริษยาแทบบ้า ได้ยินจากปลาตัวอื่นว่ามัจฉาสัตมายาตัวนี้เป็นปลาที่มีชีวิตมายาวนานที่สุด มันเป็นปลากลุ่มแรกที่โดนตก ทว่าจวบจนบัดนี้ยังไม่ตายตก

มัจฉาสัตมายาโหม่งปลาตัวนี้กลับ เจ้าปลาตัวซวยอย่าพูดมาก ประเดี๋ยวความโชคดีโดนเจ้าพูดจนสูญสิ้นหมด!

จ๋อม!

ลั่วสุ่ยมิได้กินปลาตัวนั้น มันโยนปลาตัวนั้นกลับลงมาในน้ำ และจับปลาในโอ่งขึ้นไปอีกตัว

บุ๋ง บุ๋ง!

เจ้าปลาตัวซวย ความโชคดีสูญสิ้นเพราะปากเจ้าจริง ๆ!

มัจฉาสัตมายาโมโหโทโสยิ่ง!

แมวน้อยสีขาวคงเห็นว่าปลาตัวนั้นรสชาติไม่ถูกปาก อยากเปลี่ยนไปกินปลาอีกตัว ผลสุดท้ายคือมันโดนกรงเล็บของแมวน้อยสีขาวจับไป!

อย่านะ! ชีวิตมัจฉาสัตมายาของข้าไม่ควรจบลงเช่นนี้!

มัจฉาสัตมายากระเสือกกระสนโวยวาย น่าเสียดาย มันไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่นิดเดียว และไม่อาจส่งเสียงออกมาสักแอะ!

ฮือ ฮือ ฮือ…เอาตัวรอดมาได้ตั้งนาน ต้องมาจบชีวิตลงในปากแมวจริงหรือ!?

มัจฉาสัตมายาเคียดแค้นปลาตัวซวยนั้นเหลือเกิน เจ้าปลาตัวซวยนั่นปากนกปากกาจริง ๆ เพิ่งพูดจบมันก็โดนจับไปเลย!

เห็น ๆ อยู่ว่ากรงเล็บของแมวน้อยสีขาวจับมันส่งเข้าไปในปากแมวเรื่อย ๆ มันกลัวจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง!

ถูกจับไปนึ่งไปต้มยังดี อย่างน้อยมันก็ได้ตายในมือท่านเซียน!

แต่บัดนี้หรือ…! มันต้องมาโดนแมวน้อยสีขาวกินทั้งเป็น!

เฮ้อ… ไยตัวมันถึงน่าเวทนาเพียงนี้ แม้กระทั่งโอกาสตายในมือท่านเซียนยังไม่มีให้มัน!

โดนกินทั้งเป็นไปทีละนิด คงเจ็บน่าดูสิท่า!?

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท